ทั้งคู่มองหน้ากัน สายตาของกงจวิ้นฉือกับเผยหนานเจวี๋ยที่ประสานกันราวกับเป็นดอกไม้ไฟที่รอการปะทุ เพียงชั่วครู่ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นดินปืน
ฉู่เจียเสวียนยืนอยู่ข้างกงจวิ้นฉือ เมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศเปลี่ยนเป็นตึงเครียด มองแววตาของทั้งสองที่สบประสานกัน ฉู่เจียเสวียนรู้สึกกังวลในใจ
พวกเขาคงไม่ต่อยกันหรอกนะ ริมฝีปากบางของเผยหนานเจวี๋ยเม้มแน่น ดวงตาที่เยือกเย็นมองกงจวิ้นฉือตาไม่กะพริบ กงจวิ้นฉืออบอุ่นแต่แข็งกร้าว สายตาแหลมคม
ฉู่เจียเสวียนกังวลจริงๆ ว่าพวกเขาจะต่อยกันในวินาทีต่อมา ถึงอย่างไรเดิมทีอารมณ์ของเผยหนานเจวี๋ยแปรปรวนไม่แน่นอนอยู่แล้ว
แต่ขณะที่เธอกำลังกังวลว่าทั้งสองจะต่อยกันอยู่นั้น ในวินาทีต่อมาคำพูดของกงจวิ้นฉือทำให้เธอถอนหายใจโล่งอก
เพียงเห็นรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์อยู่บนใบหน้ากงจวิ้นฉือ มือยาวๆ ยื่นเหยียดออกไปหาเผยหนานเจวี๋ย
“คุณเผยครับ หวังว่าต่อไปบริษัทเราทั้งสองจะร่วมงานกันอย่างราบรื่นนะครับ” มองดูใบหน้าที่หล่อเหล่าเย็นชาของเผยหนานเจวี๋ย รอยยิ้มบนใบหน้าของกงจวิ้นฉือนั้นตรงกันข้ามกับลมหายใจของเขาอย่างสมบูรณ์
คำพูดของกงจวิ้นฉือทำให้มุมปากบางๆ ของเผยหนานเจวี๋ยยกยิ้ม มองมือของเขาที่ยื่นเหยียดออกมา เขายื่นมือไปจับมือของเขาด้วยความใจกว้าง ในวินาทีที่สองมือจับกัน มือของเผยหนานเจวี๋ยที่กุมกงจวิ้นฉือแอบบีบแน่น มันคือสงครามเย็นระหว่างลูกผู้ชาย
เมื่อรู้สึกว่าเผยหนานเจวี๋ยออกแรง กงจวิ้นฉือก็บีบมือกลับโดยไม่เกรงใจแม้แต่นิดเดียว ทั้งสองคนดูภายนอกเหมือนเป็นมิตร แต่ในความจริงมันคือคลื่นใต้น้ำ
ฉู่เจียเสวียนเห็นว่าทั้งสองคนเป็นมิตรอย่างกะทันหันขนาดนี้ อดไม่ได้ที่จะสงสัยเล็กน้อย เมื่อครู่เธอยังคิดว่าทั้งสองเกือบจะต่อยกันอยู่เลย ตอนนี้พวกเขาก็จู่ๆ เกรงใจกันขนาดนี้ มันคือเรื่องอะไรกันแน่
แต่ว่าเธอไม่ได้เอ่ยปากทำลายความเงียบ ดวงตาที่งดงามราวไข่มุกมองทั้งสองคนอยู่เงียบๆ เพียงแต่มือของเธอควงแขนของกงจวิ้นฉือ
“พูดได้ดี คุณกง” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว หางตาเหลือบมองฉู่เจียเสวียน จากนั้นก็คลายมือที่ออกแรง
ทันทีที่มือผ่อนแรง กงจวิ้นฉือดึงมือกลับ บนใบหน้ามีรอยยิ้มสงบนิ่ง แววตาอ่อนโยน
“คุณเผย ผมกับเจียเสวียนยังมีธุระ ขอตัวก่อนนะครับ ไม่รบกวนคุณแล้ว” พูดจบ กงจวิ้นฉือดึงฉู่เจียเสวียนขึ้นรถไป
ริมฝีปากแดงของฉู่เจียเสวียนยกยิ้ม มองเผยหนานเจวี๋ยส่งสายตาที่มีความหมายลึกซึ้งอยู่เงียบๆ จากนั้นก็ขึ้นรถ กงจวิ้นฉือรอจนฉู่เจียเสวียนนั่งเรียบร้อยแล้วจึงสตาร์ทรถแล้วออกไป
เผยหนานเจวี๋ยยืนอยู่ที่เดิม มือที่อยู่ข้างลำตัวกำแน่น มองดูรถที่ลับสายตาออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ หัวใจของเขายิ่งรู้สึกโมโห
สายตาแบบนั้นที่ฉู่เจียเสวียนมองเขาเมื่อครู่หมายความว่ายังไงกันนะ ในใจไม่เข้าใจสายตาที่เธอมองเขาก่อนที่จะจากไป เผยหนานเจวี๋ยรู้สึกหงุดหงิดใจ
ระยะนี้อารมณ์ของเขาเหมือนจะหงุดหงิดง่ายมากเสมอ โดยเฉพาะเวลาที่เขาคิดว่าฉู่เจียเสวียนอยู่ด้วยกันกับกงจวิ้นฉือ คิดถึงตอนที่พวกเขาสองคนหัวร่อต่อกระซิกกัน ไฟก็เผาไหม้อยู่ในใจของเขา
ความเยือกเย็นในดวงตายิ่งเข้มข้นขึ้น สูดหายใจลึก เผยหนานเจวี๋ยก้าวเท้าเข้าบ้านฉู่ไป
“คุณหนู คุณผู้หญิง คุณเผยมาแล้วค่ะ” ในห้องรับแขก หวังอวิ๋นไฉ่นั่งอยู่บนโซฟากับฉู่อีอี เมื่อได้ยินคนรับใช้บอกว่าเผยหนานเจวี๋ยมาแล้ว ฉู่อีอีรีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหาเผยหนานเจวี๋ย
ในวินาทีที่เผชิญหน้ากับเผยหนานเจวี๋ย ความโกรธในดวงตาก็เปลี่ยนเป็นอาการน้อยใจ หยาดน้ำตาเอ่อคลออยู่ในดวงตากลมโต
เผยหนานเจวี๋ยเพิ่งจะเดินเข้าห้องรับแขก ยังไม่ทันหยุดยืนก็เห็นฉู่อีอีเดินเข้ามา คิ้วขมวดกันบางเบาจนแทบมองไม่เห็น
“หนานเจวี๋ย คุณมาแล้วเหรอ” ฉู่อีอีโผเข้ากอดเผยหนานเจวี๋ยทันที น้ำเสียงสะอื้น ไหล่สั่นเทาเล็กน้อย ร่างกายสั่นไหวราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่น