ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 123 เธอไม่ใช่คนที่พวกคุณมีสิทธิ์แตะต้อง! / ตอนที่ 124 สามีช่วยภรรยาเป็นเรื่องที่สมควรจะทำอยู่แล้ว

ตอนที่ 123 เธอไม่ใช่คนที่พวกคุณมีสิทธิ์แตะต้อง!

 

 

ฟังจือหันกลับเข้ามานั่งในรถ เบ้ปากให้อวี๋กานกานจากนั้นขับรถออกไปจากคอนโดของลุงใหญ่

 

 

ทั้งลุงใหญ่และเหอหว่านซินไม่มีใครกล้าตามระรานเอาเรื่องอะไรอีก ไม่ต้องพูดถึงค่าชดเชยที่ชนรถอะไรนั่น แม้แต่สายตาเคียดแค้นก็ยังไม่มีส่งมาให้

 

 

รถยนต์ขับเคลื่อนอยู่บนถนนอย่างมั่นคง ออกจากบริเวณคอนโดของลุงใหญ่ได้สักพักหนึ่งแล้ว แต่ฟังจือหันก็ยังไม่ได้บอกอวี๋กานกานว่าตอนสุดท้ายเขาได้พูดอะไรกับลุงใหญ่ อวี๋กานกานสงสัยเป็นอย่างมาก อยากถามแต่ก็ไม่กล้า เธอหายใจเข้า เอ่ยเสียงเบา “แม้ว่าเมื่อครู่ที่คุณชนรถของเหอหว่านซินจะเท่ระเบิดระเบ้อ สง่างามน่าเกรงขามสุดๆ แต่มันก็น่ากลัวมากจริงๆ วลีที่ว่าสังหารศัตรูหนึ่งพันนาย สูญเสียกำลังพลแปดร้อย[1]นายใช้กับสถานการณ์นี้ได้ดี รถของเหอหว่านซินพังก็จริง แต่รถนายก็ได้รับความเสียหายเหมือนกัน อีกทั้งหากผิดพลาดจนทำให้คนอื่นพิการขึ้นมานายจะทำยังไง”

 

 

ฟังจือหันมีท่าทีเคร่งขรึมและเย็นชา เอ่ยเสียงเรียบ “มีแต่วิธีนี้ที่จะทำให้เขาจำขึ้นใจได้ว่ามีคนบางคนที่เขาไม่มีสิทธิ์แตะต้อง”

 

 

เมื่ออวี๋กานกานได้ยินภายในใจพลันรู้สึกวูบไหว ที่ฟังจือหันขับรถพุ่งเข้าชนรถของเหอหว่านซิน เป็นเพราะเหอหว่านซินจ้างคนให้มาลักพาตัวเธอ? เป็นการตักเตือนและการตอบโต้กลับ

 

 

หากเหอหว่านซินเป็นผู้ชาย คาดว่าฟังจือหันน่าจะสั่งคนไปอัดเหอหว่านซินสักชุด แต่เหอหว่านซินเป็นผู้หญิง ผู้ชายอกสามศอกอย่างเขาจะต่อยผู้หญิงก็คงไม่ได้ ดังนั้นจึงขับรถพุ่งชนแทน นี่เป็นวิธีที่เ**้ยมโหดที่สุดและเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่สามารถทำให้อีกฝ่ายจำจนฝังใจ

 

 

อวี๋กานกานยกมือทั้งสองขึ้นมาประกบที่ใบหน้าของตัวเอง อดทนอดกลั้นอยู่ครู่หนึ่งแต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวหันศีรษะไปถาม “งั้นเมื่อกี้ก่อนที่นายออกมา นายพูดขู่อะไรพวกเขาเหรอ พวกเขาถึงได้กลัวขนาดนั้น?”

 

 

ฟังจือหันตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ก่อนที่จะออกมาผมพูดเรื่องหนึ่งกับพวกเขา”

 

 

“พูดเรื่องอะไร ทำไมพวกเขาถึงตกใจกลัวจนหน้าซีดเซียวแบบนั้น” อวี๋กานกานนึกถึงตอนที่เธอเตือนลุงใหญ่กับเหอหว่านซินว่า ‘ไม่มีครั้งหน้า’ ลุงใหญ่และเหอหว่านซินดูไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย แต่เมื่อครู่ตอนที่ฟังจือหันพูดกับพวกเขา ไม่ต้องเอ่ยถึงเหอหว่านซิน รายนั้นเป็นคนใจเสาะอยู่แล้ว ทว่าแม้แต่จิ้งจอกเฒ่าอย่างลุงใหญ่ยังช็อกจนนิ่งค้างไป

 

 

ฟังจือหันตอบ “พูดเรื่องที่พวกเขากลัว”

 

 

เรื่องที่พวกเขากลัว? อวี๋กานกานนึกถึงอาจารย์ของเธอขึ้นมาทันที “เรื่องน่ากลัวอะไร ใช่เรื่องเกี่ยวกับชีวิตคนหรือเปล่า ใช่ไม่ใช่เรื่องที่เพียงแค่แจ้งความก็สามารถจับลุงใหญ่เข้าคุกได้?” หัวใจของอวี๋กานกานบีบแน่นอย่างฉับพลัน เธอมองฟังจือหันด้วยสายตาร้อนรน ขยับริมฝีปากอยากถามว่า พวกเขาลักพาตัวอาจารย์ของเธอไปใช่ไหม ถึงได้แสดงอาการหวาดกลัวเช่นนี้

 

 

“จริงๆ แล้วที่ฉันยังไม่แตกหักถึงขั้นตัดขาดกับลุงใหญ่ สาเหตุมาจากอาจารย์ของฉัน ในเมื่อนายบอกว่าตัวเองเป็นสามีของฉัน นายก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าฉันและลุงใหญ่พวกเราไม่ถูกกัน และแน่นอนนายต้องรู้ว่าฉันมีอาจารย์ ยิ่งไปกว่านั้นนายน่าจะรู้ว่าอาจารย์ของฉันหายตัวไป และที่ฉันกำลังสงสัยอยู่ก็คือลุงใหญ่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือเปล่า เพราะฉะนั้นฉันถึงไม่กล้าบุ่มบ่าม หดมืองอเท้า[2]”

 

 

อวี๋กานกานไม่เคยพูดถึงอาจารย์ของเธอกับฟังจือหัน นี่เป็นครั้งแรก

 

 

นิ้วมือเรียวยาวของฟังจือหันเคาะพวงมาลัยเบาๆ สองที จากนั้นกล่าว “การหายตัวไปของอาจารย์คุณ ลุงใหญ่ของคุณน่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง”

 

 

แม้ว่าฟังจือหันจะพูดว่า ‘น่าจะ’ ทว่าน้ำเสียงกลับมั่นใจเป็นอย่างมาก

 

 

อวี๋กานกานจ้องเขาเขม็ง ไม่ปล่อยอาการทางสีหน้าเล็กๆ น้อยๆ บนใบหน้าของเขาหลุดลอดไปได้ ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาราวกับหิมะไม่แสดงอารมณ์และอาการใดๆ แววตาเรียบนิ่งมองตรงไปด้านหน้า จดจ่ออยู่กับการขับรถ

 

 

“ทำไมนายถึงคิดว่าการหายตัวไปของอาจารย์ฉันไม่เกี่ยวข้องกับลุงใหญ่ นายสืบประวัติลุงใหญ่ดูแล้ว?” 

 

 

“อืม” ดวงตาของฟังจือหันเคลื่อนมามองอวี๋กานกานแวบหนึ่ง

 

 

 

 

——

 

 

[1] สังหารศัตรูหนึ่งพันนาย สูญเสียกำลังพลแปดร้อยนาย หมายถึง ได้ไม่คุ้มเสีย

 

 

[2] หดมืองอเท้า หมายถึง ไม่กล้าลงมือทำเนื่องจากความกลัว

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 124 สามีช่วยภรรยาเป็นเรื่องที่สมควรจะทำอยู่แล้ว

 

 

ความรู้สึกตอนนี้ของอวี๋กานกานทั้งสลับซับซ้อนและผสมปนเป “งั้นเมื่อกี้นายพูดเรื่องอะไร ทำไมถึงทำให้ลุงใหญ่กลัวได้ขนาดนั้น การหายตัวไปของอาจารย์ฉันถ้าลุงใหญ่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง งั้นมันจะเกี่ยวข้องกับใครได้อีก?”

 

 

ฟังจือหันหันหน้ามามองอวี๋กานกาน “คุณสงสัยว่าผมมีส่วนเกี่ยวข้อง?”

 

 

อวี๋กานกานชะงักไปเล็กน้อย รีบเก็บซ่อนความเคลือบแคลงใจ ส่ายศีรษะ “ฉันไม่ได้สงสัยนาย…”  ซึ่งนั้นเป็นไปไม่ได้ ผู้ชายที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวออกมา ทั้งยังอวดอ้างว่าเป็นสามีของเธอ จะไม่ให้เธอคิดมากได้หรือ แต่เธอรู้สึกว่าฟังจือหันจะไม่ทำร้ายเธอหรือแม้กระทั่งอาจารย์คนสวย

 

 

ไฟจราจรด้านหน้าเป็นสีแดง ฟังจือหันหยุดรถมองมาที่เธอด้วยสายตาลึกซึ้งดั่งมหาสมุทร “ถ้าอย่างงั้นคุณกลัวว่าผมจะโกหกคุณหรือเปล่า”

 

 

กลัวไหม เธอเองก็เป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่งจะบอกว่าไม่กลัวก็คงเป็นการโกหก เธอเก็บซ่อนความรู้สึกว้าวุ่นที่อยู่ในก้นบึ้งหัวใจไว้ ก่อนจะหันข้างพิงเบาะรถยนต์ ถามอย่างจริงจัง “แล้วนายจะโกหกฉันหรือเปล่า”

 

 

ย้อนถามกลับไป มุมปากของฟังจือหันยกขึ้น ยิ้มอย่างอารมณ์ดี “ผมจะช่วยคุณ…”

 

 

ไม่ยอมตอบว่าโกหกเธอหรือเปล่า พูดเพียงแค่ว่าจะช่วยเหลือเธอ นี่นับว่าเป็นการเบี่ยงเบนประเด็นได้ไหม อวี๋กานกานหัวเราะเหอะๆ ในใจ เธอไม่หลงกลง่ายขนาดนั้น ในตอนที่อ้าปากกำลังจะพูด กลับได้ยินฟังจือหันพูดประโยคต่อท้ายออกมาอีกสี่พยางค์ “…ตามหาอาจารย์”

 

 

ดวงตาทั้งสองของอวี๋กานกานเบิกโต “นายยินดีที่จะช่วยฉันตามหาอาจารย์?”

 

 

ฟังจือหันส่งเสียงในลำคอดัง “อือ” น้ำเสียงที่ลากสาวชวนให้อวี๋กานกานรู้สึกเหลือเชื่อ

 

 

“เพราะอะไร”

 

 

“สามีช่วยภรรยาไม่ใช่เป็นเรื่องที่สมควรทำหรอกเหรอ”

 

 

ฟังจือหันใช้มือข้างเดียวหมุนพวงมาลัยเข้าโค้ง ดวงตาสีดำขลับมองไปด้านหน้า แสงเลือนรางส่งออกจากนอกหน้าต่างตกกระทบลงบนตัวของฟังจือหัน ใบหน้างดงามยั่วยวนชวนให้หลงใหล

 

 

อวี๋กานกานข่มอารมณ์ไว้ หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี

 

 

ถึงแม้หลินจยาอวี่จะพูดว่าจะกลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่ ที่จริงแล้วเธอไม่ได้ตรงกลับบ้านทันที แต่แวะไปหาซูจือจิ่งก่อน

 

 

ซูจือจิ่งรู้เพียงแต่ว่าหลินจยาอวี่ยอมรับการรักษาแล้ว แต่รักษาไปถึงขั้นไหนแล้วเธอเองก็ไม่รู้ ตั้งแต่วันนั้นที่อวี๋กานกานไปตรวจให้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เจอกับหลินจยาอวี่อีกครั้ง เมื่อเห็นหลินจยาอวี่ที่ตอนนี้กลับมาเป็นปกติดังเดิมแล้ว ซูจือจิ่งทั้งประหลาดใจและดีใจ “ยอดเยี่ยมไปเลย จยาอวี่ หนูหายดีแล้ว” เธอก้าวไปด้านหน้าโผเข้ากอดหลินจยาอวี่ สำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้ากล่าว “ทีนี้พ่อแม่ของหนูก็เบาใจได้เสียที”

 

 

แม้ว่าหลินจยาอวี่จะยังคงมีท่าทีที่เย็นชาอยู่ แต่น้ำเสียงกลับนุ่มนวลละมุนละไม “ขอบคุณคุณน้าที่แนะนำหมอให้หนูนะคะ กานกานเก่งมากจริงๆ” ไม่เพียงแต่รักษาโรคกายให้เธอ ยังรักษาโรคใจให้ด้วย

 

 

“แน่นอนอยู่แล้วล่ะจ้ะ อวี๋กานกานวิชาแพทย์สูงส่ง มีคุณธรรมจริยธรรม เพียงแต่ว่าเธอถ่อมตัวไปหน่อยเท่านั้น ทั้งยังไม่รู้จักโฆษณาให้ตัวเอง” ซูจือจิ่งจูงหลินจยาอวี่มานั่งบนโซฟา “หนูไม่ต้องขอบคุณน้าหรอก ถ้าจะขอบคุณไปขอบคุณกานกานเถอะ”

 

 

หลินจยาอวี่พยักหน้า จิบชาหนึ่งคำมองหน้าซูจือจิ่งจากนั้นถามตรงๆ “น้าซูคะ น้าเคยพบผู้ชายคนนั้นที่เมืองจิงมาก่อนใช่ไหมคะ”

 

 

ซูจือจิ่งไม่รู้ว่าหลินจยาอวี่หมายถึงอะไร “ใครนะ”

 

 

หลินจยาอวี่ตอบ “สามีของอวี๋กานกาน ฟังจือหัน”

 

 

ซูจือจิ่งชะงักเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างอึดอัดใจ ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดอย่างไรดี “…”

 

 

หลินจยาอวี่กล่าว “พ่อของหนูท่านไม่ค่อยได้ไปเมืองจิง ดังนั้นไม่แปลกที่ท่านจะไม่รู้จัก น้าซูไปร่วมงานเลี้ยงที่เมืองจิงเป็นประจำ เป็นไปไม่ได้ที่น้าจะไม่รู้จักเขา เขาก็คือคุณชายฟังผู้ลึกลับจากตระกูลนายพลเก่าแก่ของเมืองจิงใช่ไหมคะ”  

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset