ครึ่งวันผ่านไปนับตั้งแต่ที่ซูหยางเริ่มร่วมฝึกวิชาคู่ภายในกระท่อมกับคู่เคียงของเขาทั้งสามสิบสองคน
ในเวลาสิบสองชั่วโมงนี้เขาได้ทำการร่วมฝึกกับทุกคนที่อยู่ภายในนั้นอย่างน้อยสี่ครั้งทำให้พวกเธอถึงจุดสุดยอดนับครั้งไม่ถ้วนและได้ฟื้นคืนปราณไร้ลักษณ์ของเขาประมาณหนึ่งในสาม
น่าประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งที่แม้ว่าพวกเธอบางคนต้องพักเป็นเวลาหลายชั่วโมงแต่ก็ไม่มีหญิงสาวคนไหนในสามสิบสองคนภายในนั้นยอมแพ้อย่างสิ้นเชิงหรือออกจากเตียง
แต่อย่างไรก็ตามเป็นที่ชัดเจนสำหรับซูหยางว่าหญิงสาวเหล่านี้กว่าครึ่งหนึ่งนั้นใกล้จะถึงขีดจำกัดหรือถึงขีดจำกัดไปแล้ว ถ้าเขาทำการฝึกกับพวกเธอต่อไป นั่นไม่เพียงแต่จะเป็นอันตรายต่อร่างกายของพวกเธอ แต่ยังจะส่งภาระให้กับจิตใจของพวกเธอด้วยเช่นกัน
“ข้าสามารถบอกได้ว่าพวกเจ้าบางคนได้ถึงขีดจำกัดของพวกเจ้าแล้ว ข้ารู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมากกับความร่วมมือและช่วยเหลือของพวกเจ้าในวันนี้ แต่พวกเจ้าควรจะจากไปก่อนที่จักเป็นอันตรายต่อร่างกายของเจ้า” ซูหยางกล่าวกับพวกเธอ
แต่ทว่าพวกเธอต่างพากันลังเลที่จะจากไป
“ซูหยาง ข้าต้องการที่จะช่วยท่านต่อ ได้โปรด ข้ายังสามารถรองรับมันได้ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บปวด”
“ข้ายังมิต้องการที่จะไปจากข้างกายของท่าน ซูหยาง… พวกเรามาร่วมฝึกกันต่อจนกว่าเจ้าจะฟื้นฟูเต็มที่ ตกลงไหม”
ถ้าซูหยางเป็นคนละโมบหรือว่าไม่สนใจกับคู่นอนของเขา เขาก็คงจะไม่ลังเลที่จะร่วมฝึกกับหญิงสาวเหล่านี้ต่อไปจนกระทั่งร่างกายของพวกเธอเสียหาย แต่ในเมื่อเขาเป็นคนที่นับถือคู่นอนของเขาทุกคน ซูหยางจึงปฏิเสธที่จะนำความเสียหายมาสู่พวกเธอ
ดังนั้นเขาจึงส่ายหน้าและกล่าวว่า “ข้าเข้าใจความรู้สึกของพวกเจ้า และข้าก็ต้องการที่จะฝึกร่วมกับพวกเจ้าต่อถ้าข้าทำได้ แต่ว่าข้ารู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุดและพวกเจ้าก็ควรจะรู้เช่นกัน ถ้าพวกเราทำต่อไป นั่นย่อมจักทำอันตรายให้กับร่างกายของเจ้าอย่างแน่นอน และนั่นเป็นสิ่งที่ข้ามิอาจจะทนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจ้าได้ช่วยเหลือข้าเป็นอย่างมาก”
เหล่าหญิงสาวสบสายตากันไปมา หลังจากนั้นชั่วขณะพวกเธอก็พยักหน้า
“แม้จะถือเอาว่าควรเป็นพวกเราที่ได้ช่วยเหลือท่าน แต่พวกเรากลับตกเป็นคนที่มีความสุขที่สุด ขอบคุณที่ยอมรับพวกเรา”
เหล่าหญิงสาวโค้งคำนับเขาก่อนที่พวกเธอจะแต่งตัวและออกไปจากกระท่อม
สองสามนาทีให้หลัง เตียงที่เคยรองรับหญิงสาวสามสิบสองคนตอนนี้เหลือพวกเธอเพียงสิบคนเท่านั้น
ครั้นเมื่อห้องเงียบลงไปอีกครั้ง หญิงสาวสิบคนที่เหลือก็กลับมาฝึกร่วมกับซูหยาง พวกเธอพบว่าตนเองโชคดีมากที่ยังคงได้อยู่ข้างกายเขาถึงแม้ว่าจะเพียงแค่นานกว่าคนอื่นอีกสักเล็กน้อยก็ตาม
ในเวลานั้นที่ด้านนอกเมื่อชินเหลียงหยูสังเกตเห็นบรรดาหญิงสาวกลับออกมา เธอก็ถามพวกเธอว่า “พวกเจ้าเสร็จงานของพวกเจ้าแล้วรึ”
พวกเธอส่ายหน้าและกล่าวว่า “ไม่ พวกเราถูกขอให้ออกมา”
“อะไรนะ” ชินเหลียงหยูพูดไม่ออก ทำไมซูหยางจึงให้พวกเธอออกมา หรือว่าพวกเธอล่วงเกินเขาโดยบังเอิญหรือไม่
“ถ้าพวกเจ้าได้ล่วงเกินเขา ข้าจัก…”
ก่อนที่ชินเหลียงหยูจะทันได้พูดจบประโยค เธอก็ถูกขัดโดยเหล่าหญิงสาวที่ออกมา “ท่านเข้าใจผิดแล้ว หัวหน้าชิน พวกเรามิได้ทำอะไรผิด พวกเราได้ร่วมฝึกกับเขาต่อเนื่องเป็นเวลาสิบสองชั่วโมง และร่างกายของพวกเราก็ถึงขีดจำกัดแล้ว ซูหยางไม่ต้องการที่จะทำให้ร่างกายของพวกเราเป็นอันตราย ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้พวกเราออกมาก่อน”
“ใช่แล้ว ถ้าท่านได้ร่วมฝึกกับเขาเช่นกัน ท่านจักย่อมเข้าใจว่าการร้องครางเป็นเวลาหลายชั่วโมงนั้นเหน็ดเหนื่อยเพียงไหน”
“น-นั่น…” ชินเหลียงหยูพูดไม่ออก
“อย่างไรก็ตามท่านยังคงสบายดีอยู่ไหม หัวหน้าชิน”
หนึ่งในเหล่าหญิงสาวพลันถามเธอ
“ทำไมเจ้าจึงถามเช่นนั้น” ชินเหลียงหยูเลิกคิ้วด้วยท่าทางงงงัน
หญิงสาวจึงชี้ไปที่จมูกของเธอและกล่าวว่า “ท่านมีเลือดกำเดา หัวหน้าชิน”
“อะไรนะ”
ชินเหลียงหยูรีบแตะจมูกของเธอ เมื่อเธอเห็นเลือดที่นิ้วของเธอ ร่างกายเธอก็แข็งทื่อ สาเหตุที่มีเลือดกำเดานี้ชัดแจ้ง ในเมื่อเธอได้คิดเรื่องราวที่กระตุ้นความกำหนัดมากเกินไปในหัว
“ข-ข้าสบายดี…” เธอกล่าวขณะที่ปาดเลือดออกจากจมูก
“ย-อย่างไรก็ตาม ขอบใจพวกเจ้าทุกคนสำหรับความช่วยเหลือ ข้าจักให้รางวัลพวกเจ้าทีหลัง” ชินเหลียงหยูกล่าว
“นั่นมิจำเป็น หัวหน้าชิน พวกเราได้รับรางวัลมากมายจากภายในนั้นเรียบร้อยแล้ว”
“เช่นนั้นก็ตามใจ…”
แรงกระตุ้นของชินเหลียงหยูรุนแรงขึ้นอย่างมากหลังจากที่ได้ยินคำพูดเช่นนั้น หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เธออาจจะคิดทบทวนอย่างจริงจังในการเป็นคู่นอนของซูหยางด้วยเช่นกัน
สองสามนาทีให้หลัง เมื่อเธออยู่คนเดียวอีกครั้ง ชินเหลียงหยูก็จ้องมองไปที่ผ้าม่านที่ใช้ทำหน้าที่เป็นประตูตรงหน้าเธอ
“เบื้องหลังชั้นบางๆนี้ ผู้อาวุโสซูและคนอื่นกำลังทำสิ่งนั้นร่วมกันในตอนนี้…”
ชินเหลียงหยูกลืนน้ำลายอย่างยากเย็นและพึมพัมกับตนเอง “คงมิเสียหายอะไรถ้าข้าจะแอบมองใช่ไหม”
มือของเธอตรงไปที่ผ้าม่านอย่างช้าๆ สั่นสะท้านตลอดเวลา เพียงแค่อีกเล็กน้อยเธอก็จะสามารถเห็นสิ่งที่อยู่ภายใน
“ไม่ ข้ามิควรจะทำอะไรเช่นนี้”
ชินเหลียงหยูพลันกระตุกมือของตนเองกลับและกลับไปยืนอยู่ที่เดิมอย่างเงียบๆ
อย่างไรก็ตามความต้องการทางเพศของเธอกลับยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าเธอถูกปีศาจราคะเข้าสิง
“ข้ามิสามารถที่จะยับยั้งความปรารถนานี้ได้ แต่ถ้าข้าได้แอบมองสักเล็กน้อย มันอาจจะช่วยให้ข้าใจเย็นขึ้น ข้าจักแค่มองเพียงแวบเดียวเท่านั้น”
ด้วยเหตุผลนี้ในใจ มือของชินเหลียงหยูก็เริ่มมุ่งตรงกลับไปยังผ้าม่านที่บดบังสายตาของเธออีกครั้ง
สองสามวินาทีให้หลัง ด้วยมือที่สั่นสะท้านไปทั่ว เธอได้แง้มผ้าม่านและแอบมองภาพภายในกระท่อม
“?!?!?!”
เมื่อชินเหลียงหยูเห็นภาพภายในนั้นดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความแตกตื่น และกลีบดอกไม้ที่อยู่ตรงระหว่างขาเธอก็เสียวซ่านไปด้วยความรู้สึกยินดี
จากช่องเล็กที่เธอสร้างขึ้น ชินเหลียงหยูสามารถเห็นหนึ่งในบรรดาหญิงสาวคร่อมขี่ไปบนม้าที่ชูชันดุร้ายของซูหยางอย่างบ้าคลั่งด้วยสีหน้าหมกมุ่นไปด้วยตัณหา และถึงแม้ว่าจะไม่มีเสียงออกมาเพราะว่าค่ายกลป้องกันเสียง เธอก็ยังสามารถที่จะได้ยินเสียงร้องเปี่ยมไปด้วยความกระสันต์ในหูของเธอ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่จินตนาการของเธอเองก็ตาม
“โอสวรรค์… พวกเขาได้ทำเช่นนี้มาทั้งวันแล้วงั้นรึ เขามีเรี่ยวแรงมากมายเท่าไหร่กันนะ” ชินเหลียงหยูพูดไม่ออก
ครั้นเมื่อเธอเห็นฉากเร่าร้อนภายในนั้น ชินเหลียงหยูก็พลันหลงไหล ลืมคำสัญญาของตนเองที่จะเพียงแค่แอบมองชั่วสั้นๆไปอย่างรวดเร็ว และได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้นเป็นเวลาหลายนาทีโดยไม่ได้ตระหนักแต่อย่างใด