DC บทที่ 325: ผลลัพธ์ที่น่าสงสัย
เมื่อเขาเข้าถึงเทวรูปอายุกระดูก ซูหยางก็ยกมือขึ้น
เวลาไม่นานหลังจากนั้นดวงแสงทั้งหมดสิบเจ็ดดวงก็ลอยออกมารอบเทวรูป
“สิบเจ็ดปี…”
ผู้ตรวจสอบอดที่จะเปรียบเทียบตนเองกับเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้ ซึ่งเปล่งกลิ่นอายอันลึกลับที่ดูเหมือนจะลึกล้ำกว่าฟางซีหลานด้วยซ้ำ
“เขาเพียงแค่สิบเจ็ดปีจริงหรือ…” ฟางซีหลานถึงกับสับสนกับผลลัพธ์ เดิมเธอเชื่อว่าเขาเป็นจอมยุทธที่ปลอมตัวมา
กล่าวเช่นนั้น เข้าถึงเขตอัมพรวิญญาณเมื่ออายุเพียงแค่นี้ทำให้เธอรู้สึกไร้ความหมายเหมือนเป็นแค่มดตัวหนึ่ง
“เจ้าคิดว่าพลังการฝึกปรือระดับไหนที่ศิษย์พี่ชายเข้าถึง” หนึ่งในบรรดาศิษย์ถาม
“เขาต้องอยู่ไม่ต่ำกว่าระดับสูงสุดของเขตปฐพีวิญญาณ ใช่ไหม”
“เป็นไปได้ว่าเขาน่าจะเข้าสู่เขตอัมพรวิญญาณไปแล้ว”
“แต่เขาอายุเพียงสิบเจ็ดปี เป็นยอดยุทธเขตอัมพรวิญญาณที่อายุเพียงเท่านี้ค่อนข้างจะเกินไปหน่อยถึงแม้ว่าจะเป็นศิษย์พี่ชายก็ตาม…”
“เช่นนั้นเจ้าจะอธิบายความก้าวหน้าของพวกเราอย่างไร”
“นั่นก็จริง แต่ในทำนองเดียวกัน เราก็จักมิสามารถที่จะฝึกโดยใช้ปราณหยางของเขาได้ ถ้าเขามีระดับมากกว่าพวกเราเกินไป พวกเราทุกคนคงต้องตายไปนานแล้ว”
ปกติแล้วผู้คนไม่สามารถที่จะฝึกปราณที่เกินกว่าเขตของตนเอง อย่างไรก็ตาม ซูหยางมีวิชาอันล้ำลึกที่สามารถหักล้างกับกฏสวรรค์ได้ถึงระดับหนึ่ง ยอมให้คู่ฝึกของเขาได้ฝึกฝนกับปราณหยางของเขาได้ทั้งที่มีพลังการฝึกปรือต่ำกว่าเขา
ถึงกระนั้นวิชาที่บิดเบือนกฏสวรรค์นี้สามารถใช้ได้กับคนที่อยู่ในขอบเขตมนุษย์ทั้งเจ็ดเท่านั้น
อีกนัยหนึ่ง ตราบเท่าที่ความแตกต่างนั้นไม่มากมายจนเกินไป ซูหยางสามารถที่จะฝึกฝนร่วมกับใครก็ตามที่เขาต้องการโดยไม่สนใจพลังการฝึกปรือของพวกเธอ แต่แน่นอนว่าวิชาประเภทนี้เพียงช่วยคนที่มีพลังการฝึกปรือต่ำกว่าซูหยางและจะใช้ไม่ได้ถ้าพวกเธอเหนือกว่าเขา
หลังจากที่เสร็จสิ้นกับเทวรูปอายุกระดูก ซูหยางก็ตรงเข้าไปยังเทวรูปวิญญาณ
“…”
สถานที่นั้นพลันเปลี่ยนเป็นเงิียบไปอย่างสิ้นเชิง ในเมื่อทุกคนที่นั่นต่างคาดหวังถึงการเปิดเผยพลังการฝึกปรือของเขา
ไม่นานหลังจากนั้น ผู้ตรวจสอบกล่าวด้วยเสียงสับสนว่า “ระดับเก้า… เขตคัมภีร์วิญญาณ..”
“อะไรกัน”
ทุกคนที่นั่นต่างพากันอุทานดังลั่น
“หรือว่าศิษย์พี่ชายพังเทวรูปวิญญาณ”
“เขตคัมภีร์วิญญาณ นั่นเป็นไปได้อย่าง เห็นชัดว่าเขาอยู่ที่เขตอัมพรวิญญาณ…” ฟางซีหลานซึ่งเป็นคนเดียวที่ตระหนักถึงพลังการฝึกปรือที่แท้จริงของเขาครุ่นคิด
“หรือว่าเขาเข้าไปยุ่งกับเทวรูปวิญญาณด้วย แล้วเทวรูปอายุกระดูกล่ะ หรือว่าเขาเข้าไปยุ่งกันมันด้วยเช่นกัน”
ไม่เพียงแต่ฟางซีหลาน แต่กระทั่งโหลวหลานจีก็สงสัยถึงผลลัพธ์ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าซูหยางสงบเยือกเย็นเพียงไรในตอนนี้
“ประทับ” ซูหยางพูดกับผู้ตรวจสอบอย่างไม่ใส่ใจ
“ด-ได้…”
ผู้ตรวจสอบประทับตราบนมือซูหยางโดยไม่ได้คิดอะไรมากเรื่องนั้น
ครั้นเมื่อทุกคนจากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยได้รับตราประทับคุณสมบัติแล้วพวกเขาต่างก็ออกไปจากสนามกีฬาจากทางด้านหลัง
“ซูหยาง เจ้าอยู่เพียงแค่เขตคัมภีร์วิญญาณจริงรึ” โหลวหลานจีถามเขาหลังจากพวกเขาออกไป
“นั่นเป็นสิ่งที่เทวรูปวิญญาณวัดออกมา ไม่ใช่รึ”
“ถ้าเจ้าอยู่เพียงแค่เขตคัมภีร์วิญญาณ เจ้าสามารถช่วยคนอื่นๆบรรลุถึงพลังการฝึกปรือของพวกเธอได้อย่างไร นั่นไม่ใช่สิ่งที่ใครที่อยู่เพียงแค่เขตคัมภีร์วิญญาณจะสามารถช่วยได้”
“มีปัญหาอะไรกับพลังการฝึกปรือที่ข้ามีรึ หากว่าได้ผลลัพธ์เช่นนั้น…”
โหลวหลานจีถอนใจ “ก็ได้ ถ้าเจ้ามิต้องการที่จะพูดอะไรในตอนนี้ รอจนกว่าหลังจากที่ข้าชนะพนันของพวกเรา”
ซูหยางเพียงแค่พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
อย่างไรก็ตามไม่นานหลังจากนั้น ฟางซีหลานก็ใช้สัมผัสวิญญาณของเธอพูดกับซูหยางในใจ “ไม่มีอะไรถ้าเจ้าต้องการที่จะเก็บไว้เป็นความลับ แต่เกิดอะไรขึ้นเมื่อกี้นี้ ในเมื่อเห็นชัดว่าเจ้าอยู่ในเขตอัมพรวิญญาณ”
“ข้าลวงมันนิดหน่อย เท่านั้นเอง” ซูหยางตอบอย่างเรียบเฉย
“เจ้าลวงมัน แต่สมบัติวิญญาณนั่นเป็นที่รู้จักว่า… ลืมมันไปเถอะ ไม่มีอะไรน่าประหลาดใจมากกว่าคนอายุสิบเจ็ดปีเข้าถึงเขตอันพรวิญญาณ”
“เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าศิษย์พี่ชายอยู่เพียงแค่เขตคัมภีร์วิญญาณ” ศิษย์คนอื่นกระซิบกระซาบกัน
“มิมีทาง… เขาบางทีใช้วิชาลึกลับบางอย่างอย่างซ่อนพลังการฝึกปรือของเขา”
“ใช่ ลำพังแค่คุณภาพของปราณหยางของเขาอย่างเดียวก็อย่างน้อยต้องในเขตปฐพีวิญญาณแล้ว”
ในเวลานั้นไม่กี่เมตรออกไปจากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย คนกว่าโหลได้รายล้อมเด็กสาวคนหนึ่ง ต่างพากันกระตือรือล้น
“อย่างที่คาดไว้ถึงศิษย์น้องหญิง เข้าถึงระดับสูงสุดของเขตสัมมาวิญญาณยามที่อายุยังน้อย อนาคตของเจ้าไร้ขอบเขต”
“น้องหญิงอะไรกัน เธอจักกลายเป็นศิษย์พี่หญิงของเราเพียงแค่กระพริบตา ทางที่ดีเราต้องเริ่มปฏิบัติต่อเธอเท่าเทียมกัน”
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะได้รับการชื่นชมโดยเกือบทุกคนรอบตัวเธอ เด็กสาวคนนี้ก็ยังคงเงียบเฉย
“ศิษย์ซู แม้ว่าข้าต้องการชื่นชมความพยายามของเจ้า ข้าก็ยังคงมิอาจเพิกเฉยสุขภาพของเจ้า ตามจริงข้าห้ามเจ้าฝึกฝนในอีกสี่สิบแปดชั่วโมงข้างหน้า ใช้เวลานี้ในการพัก” ผู้อาวุโสสำนักของสำนักหงส์สวรรค์กล่าวกับเด็กสาว
“เจ้าค่ะ ผู้อาวุโส…” ซูหยินพยักหน้าอย่างเชื่องช้า
“มีอะไรเกิดขึ้นกับศิษย์น้องหญิงรึ เธอดูเศร้าก่อนที่พวกเราจะมาถึงที่นี่ด้วยซ้ำ”
“ข้าจะรู้เรื่องนั้นได้อย่างไรกัน คนที่ใกล้ชิดกับเธอก็คือศิษย์พี่หญิงเหยา..”
ศิษย์อื่นๆต่างพากันมองดูหญิงสาวสวยที่ยืนอยู่ข้างซูหยินด้วยสายตาเร่งเร้า
“…”
หญิงสาวตระกูลเหยากลอกนัยน์ตาไปยังเพื่อนศิษย์ของเธอก่อนที่จะพูดกับซูหยิน
“น้องหยิน ถ้ามีอะไรที่เจ้าต้องการจะระบาย พี่สาวอยู่ที่นี่สำหรับเจ้าเสมอ…”
“…”
“น้องหยิน เจ้ามองดูอะไรอยู่รึ นั่นเหมือนกับว่าเจ้ากำลังมองเห็นผีหรืออะไรทำนองนั้น” เมื่อสังเกตเห็นซูหยินจ้องมองไปยังทิศทางหนึ่งด้วยดวงตากลมโต เหยาหนิง เพื่อนที่ดีที่สุดของเธอจึงมองไปยังทิศทางนั้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตามนอกจากจะเป็นกลุ่มของหญิงสาวที่สวยมากเป็นพิเศษแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่มีค่าควรแก่การสนใจในทิศทางนั้นอีก
“พ-พี่ชาย” ร่างของซูหยินทั้งร่างพลันสั่นสะท้านเมื่อเธอสังเกตเห็นใบหน้าหล่อเหลาของซูหยางในกลุ่มของสาวสวย
และโดยไม่ต้องคิดถึงอะไรอีก ซูหยินเริ่มวิ่งไปยังซูหยาง ผลักทุกคนออกไปด้านข้าง