DC บทที่ 321: เขาสามารถเชื่อถือได้หรือไม่
“ในเมื่อตอนนี้ข้าได้พูดทุกสิ่งที่ข้าต้องการแล้ว ข้าก็จักขอตัว” ซูหยางพลันกล่าว
“เจ้าจะไปตอนนี้รึ แล้วลูกสาวข้าเล่า” เจ้าซีเปลี่ยนเป็นโกรธขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าซูหยางยังคงเยือกเย็นกับสถานการณ์เช่นนี้อย่างสมบูรณ์ ราวกับว่านี่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับตัวเอง
“อย่าคิดว่าเจ้าสามารถหลีกหนีไปจากเรื่องนี้” ผู้อาวุโสจงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน
“หนีรึ ข้าได้ให้รายการยาที่จำเป็นในการรักษาเธอแก่เจ้าไปเรียบร้อยแล้ว จนกว่าเจ้ารวบรวมพวกมันได้ เช่นนั้นก็มิมีอะไรที่เราสามารถทำเพื่อเธอได้ หรือว่าเจ้ากำลังบอกข้าให้อยู่ที่นี่จนกระทั่งเธอรักษาหายสนิทงั้นรึ ข้ายังมีสิ่งที่ต้องทำเช่นกัน” ซูหยางแค่นเสียงเย็นชา
“ถ้าเจ้าต้องการข้าจริงๆ เจ้าก็รู้ว่าจะหาข้าได้จากไหน”
ซูหยางหันกายและเริ่มเดินไปยังประตู
“ท่านพ่อ โปรดเยือกเย็นลง พี่ชายซูหยางพูดถูก… หากปราศจากตัวยา เราจะทำอะไรได้ในตอนนี้ เรามิสามารถที่จะกักเขาไว้ที่นี่โดยไร้เหตุผล จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราทำให้เขาโกรธ ใครจักช่วยข้าในตอนนั้น” ซีซิงฟางยังคงอยู่ข้างเดียวกับซูหยาง
เจ้าซีมองดูท่าทางเคร่งเครียดของเธอชั่วขณะก่อนที่จะถอนใจ
“เจ้าพูดถูก เราจำเป็นที่จะมุ่งไปในการรวบรวมตัวยาก่อนเป็นอันดับแรก ผู้อาวุโสจง ข้ามิสนใจว่าเราจะต้องใช้ทรัพย์สินมากมายเพียงใดที่จะต้องใช้หรือว่าจะต้องล่วงเกินใครสำหรับตัวยาในรายการนี้ ข้าต้องการมันให้มาอยู่ตรงหน้าข้าภายในครึ่งปี”
“อีกอย่าง อาการของลูกสาวข้าต้องมิผ่านออกไปจากห้องนี้ ถ้าเจ้าพวกชั่วอย่างเช่นดาบแสงจันทร์รู้เรื่องนี้ พวกมันต้องถือโอกาสในเรื่องนี้อย่างแน่นอน”
“ขอรับ ท่านเจ้า”
หลังจากที่ผู้อาวุโสจงจากไป เจ้าซีก็กล่าวกับซีซิงฟางว่า “สำหรับเจ้า.. ข้าจะพาเจ้าไปพบกับพ่อข้า”
“ท-ท่านปู่รึ”
“แม้ว่าซูหยางนั่นอาจจะเป็นผู้บริสุทธิ์และต้องการช่วย แต่มิมีใครรู้เจตนาที่แท้จริงของเขา เพียงแค่ปลอดภัยไว้ก่อน เราต้องการฟังความเห็นของพ่อข้าเกี่ยวกับอาการของเจ้าเช่นกัน”
เวลาต่อจากนั้น หลังจากที่ซีซิงฟางติดตามเจ้าซีไปพบกับปู่ของเธอ พวกเขาก็ไปถึงยังพื้นที่ห่างไกลจากบ้านของพวกเขาไม่กี่กิโลเมตร ที่ซึ่งมีบ้านไม้หลังเล็กๆตั้งอยู่
“ท่านพ่อ มีเรื่องเร่งด่วน” เจ้าซีเคาะประตูตรงหน้า
“เรื่องที่ซิงเอ๋อร์ถูกพิษ ใช่ไหม” เสียงผู้ชราแว่วมาหลังจากนั้น
“ใช่” เจ้าซีดูไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อยที่พ่อของเขารู้เกี่ยวกับอาการของซีซิงฟาง
“เข้ามาข้างใน…”
ไม่นานจากนั้น เจ้าซีและซีซิงฟางก็เข้าไปในบ้านไม้หลังเล็กตรงหน้า และที่นั่งอยู่ตรงหน้าพวกเขาก็คือชายชราที่มีกลิ่นอายอันลึกล้ำราวกับหลุดพ้นจากโลกนี้ เป็นกลิ่นอายที่เพียงสามารถเปล่งออกมาจากผู้ที่ย่างเข้าสู่เขตราชันวิญญาณเท่านั้น
“ข้าได้ดูพวกเจ้านับตั้งแต่ต้น” ชายชรากล่าว
“ต-ตั้งแต่ต้น…” เจ้าซีสงสัยว่าพ่อของเขาเห็นมากน้อยเพียงใด
“แน่นอนว่า นับตั้งแต่เด็กหนุ่มนั่นก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน”
เจ้าซีแอบถอนใจและกล่าวว่า “ในเมื่อพ่อได้เห็นทุกอย่างแล้ว ข้าก็จักมิต้องอธิบาย เพียงแต่ขอความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซูหยางคนนี้… เขาสามารถเชื่อถือได้หรือไม่”
“…”
ซีซิงฟางยังคงนิ่งเฉย แต่เธอก็จ้องมองชายชราด้วยสายตาที่เห็นชัดว่าเป็นกังวล
ทั้งห้องเปลี่ยนเป็นเงียบสงัดหลังจากที่เจ้าซีถามคำถามของตนเอง และชายชราก็ได้หลับตาลงครุ่นคิด
หลังจากเวลาผ่านไปอย่างเงียบสงัดชั่วขณะ ชายชราก็กล่าวอย่างเชื่องช้าแต่ชัดเจนว่า “เด็กหนุ่มนั่น… กระทั่งข้าเองก็มิอาจเห็นถึงเจตนาที่แท้จริงของเขา”
“ว่ากระไร เรื่องนี้เป็นไปได้อย่างไร” เจ้าซีมีท่าทางตกใจเป็นอย่างมาก
“อย่างไรก็ตาม ข้าก็มิได้รู้สึกถึงสิ่งที่เป็นอันตรายจากเขา” ชายชราพลันกล่าวต่อ
“จริงรึ” ซีซิงฟางพลันมีท่าทางโล่งอก
“อย่าเพิ่งยินดีเร็วเกินไป ซิงเอ๋อร์ แม้ว่าข้ามิรู้ว่าเจ้ามีความสัมพันธ์ใดกับเขา เจ้าก็ยังจำเป็นที่จะต้องระวังตัวจากเขา ชายคนนั้น… แม้ว่าเขามิได้แสดงออก แต่เขารับรู้ถึงการคงอยู่ของข้าอย่างแน่นอน”
แม้ว่าเขามิได้กล่าวถึง แม้ว่ารู้ว่าเขาถูกจับจ้องโดยจอมยุทธในเขตราชันวิญญาณ ซูหยางก็ไม่ได้แสดงความกลัวออกมาแม้แต่น้อย ราวกับว่าเขามั่นใจว่ากระทั่งจอมราชันไม่อาจแตะต้องเขา
“นั่นเป็นไปมิได้ ท่านพ่อก้าวสู่เขตราชันวิญญาณไปแล้ว นอกจากว่าเขาก็อยู่ในระดับเดียวกันเช่นกัน มิมีทางที่เขาสามารถสังเกตเห็นท่าน”
“เด็กหนุ่มนั่นแน่นอนว่ายังมิถึงเขตราชันวิญญาณ ถ้าสายตาข้ามิพลาด เขาควรจะยังอยู่ในระดับต้นของเขตอัมพรวิญญาณ”
“ว่ากระไร นั่นยิ่งเป็นไปมิได้ ถ้าเขาเพียงอยู่ในระดับต้นของเขตอัมพรวิญญาณ ทำไมเขาจึงสามารถป้องกันการโจมตีของข้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ ยิ่งไปกว่านั้นยังเหนือกว่าข้าอีกด้วย” เจ้าซีปฏิเสธที่จะเชื่อถึงความเป็นไปได้ที่ว่าเขตอัมพรวิญญาณระดับสูงสุดเช่นตัวเขาจะพ่ายแพ้แก่คนที่อยู่ในเขตอัมพรวิญญาณระดับต้น
“ท่านพ่อ ท่านโจมตีพี่ชายซูหยางได้อย่างไร” ซีซิงฟางพลันแสดงความโกรธกับการกระทำของเขาในทันที
“จ-ใจเย็น… ข้าเพียงทดสอบเขา…” เจ้าซียิ้มขื่นขม
“มียอดยุทธซุ่มซ่อนอยู่มากมายในโลกกว้างใหญ่นี้ แม้ว่าข้าอาจจะเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่ในเขตราชันวิญญาณในทวีปนี้ แต่นั่นก็ยังมีทวีปอื่นอีกสามทวีปนอกเหนือจากทวีปตะวันออก นี่ยังมิรวมทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางอีก”
“ข้ามิแปลกใจเลยถ้าชายหนุ่มคนนี้มีอาจารย์เป็นหนึ่งในหมู่ยอดยุทธที่ซุกซ่อนกาย ยิ่งกว่านั้น เขาอาจจะกระทั่งเป็นยอดยุทธซ่อนกายเองด้วยซ้ำและมีเจตนาที่จะหลอกตาผู้เฒ่าคนนี้”
“แม้ว่าเรามิรู้อะไรเกี่ยวกับชายหนุ่มคนนี้ ถ้าเขามิได้แสดงความประสงค์ร้ายต่อตระกูลซีของเรา ที่ดีที่สุดก็คือการหลีกเลี่ยงการล่วงเกินเขา” ชายชรากล่าว
“เอาล่ะ พอกับเรื่องเขาได้แล้ว ซิงเอ๋อร์ ขอมือเจ้าให้ข้าหน่อย”
ซีซิงฟางยื่นมือของเธอออกไป
“ข้ากำลังจะเอาเลือดของเจ้าออกมาเล็กน้อย”
ชายชราจึงทำการเปิดแผลบนนิ้วของเธอเช่นเดียวกับที่ซูหยางได้ทำและเก็บเลือดของเธอออกมาเล็กน้อย
หลังจากที่จ้องมองไปที่เลือดเป็นเวลาหลายนาที ชายชราก็ส่ายหน้า “ข้าเกรงว่ากระทั่งผู้เฒ่าคนนี้ก็มิอาจจะรักษาเจ้า ซิงเอ๋อร์ ข้าเสียใจ…”
“ม-มิมีทาง…” เจ้าซีถอนใจ ดูเหมือนว่าซูหยางอาจจะเป็นคนเดียวในโลกนี้ที่มีความสามารถที่จะรักษาซีซิงฟางในตอนนี้
“มิเป็นไร ท่านปู่ ท่านมิต้องขอโทษกับความผิดพลาดอันโง่เขลาของข้า ถ้าข้าได้ฝึกวิชาอย่างถูกต้อง สิ่งเหล่านี้คงมิเกิดขึ้น และเราก็ยังคงมีพี่ชายซูหยาง ข้าเชื่อว่าเขาจักรักษาข้าได้” ซีซิงฟางยังไม่หมดหวัง
“อือ” ชายชราพยักหน้า “เจ้าควรอยู่ที่นี่ชั่วระยะหนึ่ง เพื่อที่ข้าจะสามารถตรวจสอบอาการและวิเคราะห์เลือดของเจ้าได้ ถ้ามันเลวร้ายขึ้นในทันใด ข้าก็ยังอยู่ที่นี่”
“ซิงเอ๋อร์เข้าใจแล้ว ท่านปู่”
ไม่นานหลังจากนั้น ครั้นเมื่อเจ้าซีกลับบ้านตามลำพัง เขาก็สั่งหน่วยข่าวที่ดีที่สุดของตระกูลซีทำการสืบทุกอย่างเกี่ยวกับซูหยาง
“ข้าต้องการผลลัพธ์ก่อนการแข่งขันระดับภูมิภาคจะเริ่มต้นขึ้น”
“ตามประสงค์ของท่านเจ้า”
หลังจากที่สั่งการแล้ว เจ้าซีก็นั่งลงบนบัลลังก์ของตนเองด้วยท่าทางงุนงง คิดในใจว่า “ซูหยาง… จริงแล้วเจ้าเป็นใครกันรึ”
ที่เจ้าซีไม่รู้ ด้วยไม่คาดคิดว่าจะได้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเบื้องหลังของซูหยาง แต่ทุกอย่างเกี่ยวกับชีวิตของซูหยางจะเปิดเผยต่อหน้าเขาเพียงแค่ไม่กี่วันหลังจากนั้น