DC บทที่ 317: ผู้พิทักษ์ตระกูลซี
“ข้ามีข้อเสนอสำหรับเจ้า ซูหยาง” เจ้าซีกล่าวด้วยท่าทางจริงจังบนใบหน้า “เข้าร่วมกับตระกูลซีในฐานะผู้พิทักษ์ หากว่าเจ้าตกลง ข้าจักทำเหมือนกับว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
“ท-ท่านเจ้า…นั่นค่อนข้างจะ…”
ผู้อาวุโสจงมองดูเขาด้วยสายตาประหลาดใจเต็มไปด้วยความสงสัยและลังเล
ผู้พิทักษ์ก็เป็นดังที่กล่าว ใครสักคนที่ปกป้องตระกูลยามเมื่อต้องการ ฐานะของผู้พิทักษ์ของตระกูลซีก็เปรียบเหมือนกับผู้บัญชาการกองทัพทั้งหมด และยิ่งไปกว่านั้นในเมื่อพวกเขาเป็นผู้ปกป้องตระกูลอันดับหนึ่งของทวีปแห่งนี้ เมื่อมีตำแหน่งถึงระดับนั้นย่อมนำมาซึ่งชื่อเสียงไม่จบสิ้นต่อคนผู้นั้น
เป็นถึงจอมกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปแห่งนี้ แน่นอนว่าผู้อาวุโสจงเองก็ย่อมเป็นผู้พิทักษ์ตระกูลเซียว อย่างไรก็ตามเพียงแค่ความแข็งแกร่งอันลึกล้ำอย่างเดียวย่อมไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้พิทักษ์ตระกูลซีได้ในทันใด ในเมื่อพวกเขาย่อมต้องเป็นคนที่เชื่อถือได้ด้วย
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเหตุที่ว่าทำไมผู้อาวุโสจงรู้สึกว่าการตัดสินใจของเจ้าซีที่จะให้ซูหยางเป็นผู้พิทักษ์ตระกูลซีจึงไม่เหมาะสม ในเมื่อเขาไม่ใช่คนที่พวกเขสามารถไว้วางใจได้อย่างเต็มที่ในเวลานั้น อย่าว่าแต่การกระทำของเขาในวันนี้ที่ไม่ไว้หน้าของตระกูลซี ยิ่งไปกว่านั้นยังต่อหน้าเจ้าซีอีกด้วย
“โห ข้าจะได้อะไรตอบแทนในการเป็นผู้พิทักษ์” ซูหยางถามแม้ว่าจะมีเจตนาเป็นศูนย์ในการเข้าร่วมตระกูลซีด้วยการเป็นผู้พิทักษ์
เจ้าซีดวงตาเป็นประกายและพูดขึ้นว่า “การเป็นผู้พิทักษ์ของตระกูลซีก็เหมือนกับการได้เป็นคนของตระกูล ปกติแล้วการเป็นคนของตระกูลซี ถือเป็นความรับผิดชอบของเราในการจัดหาทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนให้เจ้า ยิ่งไปกว่านั้นเรายังจักหาสมบัติวิญญาณระดับปฐพีสูงสุด ส่วนสิ่งอื่นอย่างเช่นชื่อเสียงและตำแหน่งนั้นยิ่งมิต้องไปกล่าวถึง”
“อืมมมม..”
ซูหยางแกล้งทำเป็นครุ่นคิด ถ้าเขาไม่ได้พบกับชิวเยว่ เช่นนั้นเขาอาจจะครุ่นคิดอย่างหนักในการเข้าร่วมกับตระกูลซีเพื่อวัตถุสำหรับการฝึกฝนวิชา
ปกติแล้วนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยย่อมได้ผลลัพธ์ด้วยเช่นกันและอาจจะได้รับศิษย์ใหม่อย่างล้นหลามแม้กระทั่งเขาไม่ได้ทำอะไรก็ตามระหว่างการแข่งระดับภูมิภาค
อย่างไรก็ตามด้วยแผนปัจจุบันของเขา นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็ถูกผูกไว้ให้เป็นหนึ่งในนั้นถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นนิกายที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในทวีปก็ตามหลังจากการแข่งขันระดับภูมิภาค
“ข้ามิต้องการสมบัติวิญญาณระดับปฐพีหรือผลประโยชน์อื่นใด แต่ข้าอาจจะพิจารณาข้อเสนอของท่านถ้าท่านยกลูกสาวท่านให้ข้า” ซูหยางกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างหน้าด้านหลังจากนั้น
“เจ้า…”
เจ้าซีพยายามอย่างดีที่สุดที่จะไม่ระเบิดความโกรธออกมาเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ร่างของเขาก็เห็นชัดว่าสั่นสะท้าน
“ท่านเจ้า เพียงแค่ให้คำสั่งพวกเราและพวกเราจะสู้ตายกับเจ้าเลวนี่แม้ว่าพวกเราจะมีโอกาสชนะน้อยมาก”
องครักษ์พากันสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธ ในเมื่อพวกเขาไม่เคยได้รับการถูกเหยียดหยามเช่นนั้นมาก่อนในชีวิต
“เจ้ามั่นใจรึว่าเจ้าต้องการปฏิเสธ ซูหยาง นี่เป็นโอกาสที่จักมิมาอีกครั้ง” เจ้าซีกล่าวโดยไม่สนใจเหล่าองครักษ์
“นั่นมิมีปัญหาใดๆทั้งสิ้น” ซูหยางกล่าวขณะที่เขาเริ่มเดินออกไปยังทางออกอีกครั้ง
เจ้าซีถอนใจ เมื่อคนหยาบคายอย่างซูหยางอาจยากเข้าสู่ตระกูลซี การพลาดกับความแข็งแกร่งอันลึกล้ำของเขานั้นนับเป็นความสูญเสียอันยิ่งใหญ่สำหรับตระกูลซีโดยรวม
ไม่นานนักขณะที่ซูหยางก้าวออกไปนอกห้อง คนนับสิบซึ่งเห็นว่าส่วนใหญ่เป็นองครักษ์ก็พากันวิ่งมาทางเขา
“ท่านเจ้า ท่านบาดเจ็บหรือไม่ แรงสั่นสะเทือนเมื่อกี้นี้คืออะไร”
องครักษ์ต่างพากันวิ่งเข้ามาภายในห้อง
“ใจเย็นๆ ทุกสิ่งเป็น–”
“ท่านพ่อ ปราณไร้ลักษณ์เมื่อกี้นั่นคืออะไรกัน”
ก่อนที่เจ้าซีจะทันได้พูดจบประโยค สาวสวยที่มีรัศมีสง่างามก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของฝูงชน
“นายหญิงน้อย” ผู้อาวุโสจงเกือบจะกุมหน้าผากกับการปรากฏตัวของเธอในทันใด ซึ่งจะต้องทำให้เรื่องซับซ้อนยิ่งขึ้นในอนาคต
“พ-พี่ชายเซียว ท่านมาทำอะไรที่นี่”
ดังเช่นที่ผู้อาวุโสจงได้คาดคิดไว้อย่างไม่ยากนัก ซีซิงฟางพลันสังเกตเห็นหน้าตาหล่อเหลาของซูหยาง
“มาได้สักพักแล้ว” ซูหยางแสดงรอยยิ้มสดใสให้เธอ
“ถ้าข้ารู้ว่าท่านมา ข้าต้องมาต้อนรับท่านด้วยตนเองแน่นอน ท่านได้รับของสิ่งนั้นจากผู้อาวุโสจงหรือไม่”
ซีซิงฟางเข้าไปหาซูหยางอย่างกระตือรือล้น
“…”
นอกเหนือจากเสียงอันตื่นเต้นของซีซิงฟาง ทุกคนนอกเหนือจากนั้นล้วนพากันมองดูพวกเขาอย่างเงียบกริบด้วยดวงตาโต
“ถ้านี่เป็นท่าทางการแสดงออกแบบคนรู้จักของพวกเขา ข้ามิสามารถที่จะจินตนาการเห็นพวกเขาในฐานะเพื่อน” เจ้าซีร่ำร้องในใจ
พวกเขาจะเป็นเพียงแค่คนรู้จักได้อย่างไรเมื่อพวกเขาดูเหมือนใกล้ชิดสนิดสนมกันเช่นนั้น หากเป็นเช่นนี้ต่อไปพวกเขาอาจจะร่วมเตียงกันถ้าพวกเขาเป็นแค่เพื่อน
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเจ้าซีเกลียดที่จะใช้ลูกสาวของตนเองเพื่อผลประโยชน์ เขาก็ต้องการความแข็งแกร่งอันลึกล้ำของซูหยางมาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลซีจริงๆ นี่ยังไม่ได้พูดถึงเบื้องหลังอันลึกลับของอีกฝ่าย
“ลูกสาวข้า เจ้ามาได้ถูกเวลา ข้าเพิ่งปรึกษากับจอมยุทธท่านนี้เผื่อว่าเขาต้องการเป็นผู้พิทักษ์ตระกูลซี”
“ท่านเจ้า” ผู้อาวุโสจงไม่อยากเชื่อหูตาของตนเอง เจ้าซีเพิ่งใช้ลูกสาวตนเองเพื่อหว่านล้อมซูหยางอยู่ใช่ไหม ขณะที่เขากำลังจะฆ่าซูหยางที่กล่าวถึงลูกสางของตนเองเมื่อไม่กี่นาทีก่อน การเปลี่ยนแปลงทัศนคติของเขาช่างล้ำลึกเหลือเกิน
แน่นอนว่าในโลกที่ความแข็งแกร่งมาเป็นอันดับแรกในแทบทุกสถานการณ์นี้ เจ้าซีย่อมไม่สนใจที่จะทำหน้าด้านสักหน่อยตราบเท่าที่ตระกูลซีของเขาได้จอมยุทธคนอื่นมาเพิ่ม
“จริงรึ พี่ชายเซียว ท่านจะมาเป็นผู้พิทักษ์ของตระกูลเราหรือ” เธอมองดูเขาด้วยดวงตาร้องขอ
ภายใต้สถานการณ์ปกติ ใครก็ตามที่เผชิญกับคำอ้อนวอนของเธอย่อมต้องพยักหน้าโดยไม่ลังเลหรือครุ่นคิด แต่เธอโชคร้าย ซูหยางเป็นชายที่เผชิญพบกับผู้หญิงนับไม่ถ้วนใต้เข็มขัดของเขาจึงเฉยเมยกระทั่งภายใต้รูปลักษณ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ของเธอ
“ข้าต้องขออภัย แต่ข้าได้ปฏิเสธข้อเสนอไปแล้ว” ซูหยางกล่าวด้วยรอยยิ้มขอโทษ
ท่าทางดีใจของซีซิงฟางเปลี่ยนเป็นเศร้าเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของเขา อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้กดดันเขาและกล่าวว่า “ข้ามั่นใจว่าท่านต้องมีเหตุผล ดังนั้นข้าจักมิถาม แต่ในเมื่อท่านมาที่นี่ ทำไมเรามินั่งดื่มชาสักถ้วยล่ะ ข้ามีบางสิ่งที่ต้องการพูดกับท่าน ข้ามิต้องการคำว่าไม่เป็นคำตอบในครั้งนี้”
ซูหยางพยักหน้า “ธุระของข้าที่นี่ได้เสร็จสิ้นแล้ว ดังนั้นข้าจักรับข้อเสนอนี้” เขาสนอง
“เยี่ยม เช่นนั้นโปรดตามข้ามา”
“ด-เดี๋ยว” เจ้าซีรีบหยุดพวกเขาในทันใด
“มีอะไรรึ ท่านพ่อ พี่ชายเซียวเป็นแขกคนสำคัญของข้าแล้วตอนนี้” เธอหันตัวกลับมาถามพร้อมขมวดคิ้ว หวังว่าเขาจะไม่ทำเรื่องยุ่งยากให้กับพวกเธอ
“พวกเจ้าทั้งสองจะไปไหนกัน” เขาถาม
“แน่นอนว่าห้องข้า” ซีซิงฟางตอบโดยไม่ลังเล
เจ้าซีขมวดคิ้วและพูดว่า “เพียงแค่พวกเจ้าสองคนนะรึ ฮึ่ม นอกจากว่าผู้อาวุโสจงจะไปกับเจ้าด้วยก็อย่าได้คิดเรื่องนั้นอีก”
ซีซิงฟางหันไปมองดูผู้อาวุโสจง ซึ่งจ้องมองกลับมาด้วยรอยยิ้มว่าช่วยไม่ได้บนใบหน้า
“ตกลง” เธอตอบตกลงในทันที