DC บทที่ 281: ซ่องโจร
“อะไรนะ” ซุนจิงจิงมองดูเขาด้วยท่าทางสับสน “เจ้าจะทำอะไรในตอนนี้รึ”
ซูหยางหันไปมองโจรที่สั่นสะท้านอยู่บนพื้นและพูดด้วยท่าทางเย็นชาบนใบหน้าหล่อเหลา “ล่าโจร”
“…”
ซุนจิงจิงไร้คำพูด “ทำไมเจ้าจึงต้องไปไกลขนาดนี้ด้วย ในเมื่อศิษย์รุ่นเยาว์ล้วนปลอดภัยและภารกิจช่วยเหลือได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีดังนั้นจึงมิจำเป็นที่เจ้าจะต้องทำทั้งหมดนั่น เราควรกลับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในตอนนี้”
ซูหยางส่ายหน้าและกล่าวว่า “ก็จริงการกระทำเช่นนั้นอาจจะไม่จำเป็น แต่ทว่าหลังจากที่ดูเจ้าพวกเหล่านี้มาสักพัก เจ้าพวกนี้ได้ทำให้ข้าเชื่อว่าโลกนี้จะดีขึ้นมากหากปราศจากพวกมัน”
จากนั้นเขาได้หันกลับไปมองยังโจรและกล่าวต่อว่า “เจ้าสามารถนำทางข้าไปยังที่ซ่องสุมของเจ้าและข้าจะไว้ชีวิตเจ้าหรือว่าให้ข้าฆ่าเจ้าเสียตรงนี้และค้นหามันด้วยตนเอง ซึ่งนั่นก็มิได้แตกต่างกันมากนัก”
“ข-ข้าจักนำท่านไป”
โจรไม่ลังเลที่จะทรยศเพื่อนโจรด้วยกันเพื่อรักษาชีวิตของตนเอง
“เมื่อพวกเจ้าพร้อมแล้ว ข้าจักไปก่อนนะ” ซูหยางกล่าวขณะที่เขาตามโจรไป
“ร-รอก่อน ขอข้าไป–”
ก่อนที่ซุนจิงจิงจะทันได้พูดจบ ซูหยางก็หยุดเธอไว้ พูดว่า “เจ้าควรอยู่ที่นี่และอธิบายให้พวกเขารู้ถึงสถานการณ์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ข้าจักกลับมาภายในเวลาที่เจ้าพูดคุยเรียบร้อยแล้ว”
แม้ว่าเธอยังคงต้องการที่จะตามเขาไป ซุนจิงจิงก็ต้องอยู่กับศิษย์รุ่นเยาว์
หลังจากที่ซูหยางลับจากสายตาไปแล้วซุนจิงจิงก็อธิบายทุกอย่างให้พวกเขาฟัง
ซุนจิงจิงบอกพวกเขานับตั้งแต่นิกายล้านอสรพิษรุกรานไปจนกระทั่งถึงสถานะปัจจุบันของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย
“ไม่…ไม่มีทาง…สุดท้ายนี่หมายความว่าพวกโจรได้พูดความจริง”
ผู้อาวุโสนิกายสั่นสะท้านเมื่อรู้ความจริง ถ้าซูหยางไม่มาช่วยพวกเขา เช่นนั้นพวกโจรก็คงเปลี่ยนพวกเขาไปเป็นสินค้าและทาส และก็คงไม่มีใครมาช่วยพวกเขา
“ช-ชายหนุ่มรูปงามคนเมื่อกี้นี้เป็นใครกัน ทำไมข้ามิรู้จักคนที่เก่งกาจดังเช่นเขามาก่อน”
หนึ่งของผู้อาวุโสนิกายถาม
“นั่นคือ…”
“นั่นคือศิษย์พี่ชายซู เขาได้เคยช่วยข้าไว้มาก่อนครั้งหนึ่ง และเขาก็เป็นคนที่ใจดีมาก”
ก่อนที่ซุนจิงจิงจะทันตอบ หนึ่งในศิษย์รุ่นเยาว์ก็ก้าวออกมาพูดก่อน
ซุนจิงจิงมองดูเด็กหญิงตัวเล็กตรงหน้าเธอ
ชีเยว่เป็นชื่อของเด็กหญิงตัวเล็กคนนี้ และเธอก็เป็นลูกค้าคนแรกสุดของซูหยาง
“ปรากฏว่าเจ้ารู้เรื่องเขามากกว่าข้า” ซุนจิงจิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้า…ข้ามิได้กล่าวเช่นนั้น…” ชีเยว่หน้าแดงเพราะอะไรสักอย่าง
“อืมม…เราควรทำอะไรกันตอนนี้”
หนึ่งในผู้อาวุโสนิกายถาม
“ถ้าพวกท่านต้องการ พวกท่านสามารถกลับไปยังนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก่อน ข้าจักรอซูหยางกลับมาที่นี่” ซุนจิงจิงกล่าว
“ข้า…ข้าจักรอศิษย์พี่ชายซูเช่นกัน ข้ายังต้องขอบคุณเขาที่ช่วยเหลือพวกเรา”
ชีเยว่กล่าว
ผู้อาวุโสนิกายสบสายตากันก่อนที่พยักหนัากับคนอื่น
“เราก็จักรอเขากลับมาเช่นกัน”
“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้”
–
–
–
ในเวลานั้นที่ไหนสักแห่งในเขตภูเขา ซูหยางตามโจรไปอย่างสบายๆสู่ซ่องโจร
หลังจากไปตามเส้นทางผ่านต้นไม้มากมายทั้งกับดักสัตว์นับร้อยที่สร้างขึ้นโดยฝูงโจรเพื่อป้องกันผู้บุกรุก สุดท้ายพวกเขาก็ไปถึงถ้ำที่ดูเหมือนเป็นถ้ำธรรมดา
“เรามาถึงแล้ว นายท่าน”
โจรกล่าวขณะที่หยุดเดิน
“ค่ายกลอำพรางรึ”
แม้ว่าดูอ่อนด้อยและลวกๆ ซูหยางก็สามารถรู้สึกได้ถึงค่ายกลอำพรางรอบสถานที่นี้
“นายท่าน…ข้าได้ทรยศพวกข้าด้วยการนำทางมาถึงที่ซ่อนของพวกเรา…โปรดเมตตา…”
โจรคุกเข่าลงบนพื้นและขอร้องเขาขณะที่ร้องไห้ออกมา
อย่างไรก็ตามซูหยางไม่แม้จะชายตามองโจรก่อนที่จะตวัดดาบในมือฆ่าตัดคอโจรในทันที
หลังจากฆ่าโจรแล้ว ซูหยางก็เดินเข้าไปยังปากทางเข้าถ้ำอย่างเยือกเย็นทำเหมือนกับว่าทุกอย่างปกติ
ภายในซ่องโจรมืดและชื้น มีกลิ่นเหม็นรุนแรงของเลือดและแอลกอฮอล์
ซูหยางเดินเข้าไปไม่กี่นาทีในช่องทางยาวนี้ก่อนจะถึงประตู
“เจ้าเป็นใครกันวะ”
มียามเฝ้าตรงทางเข้าและเขาก็ยกอาวุธขึ้นมาทันทีที่เห็นหน้าตาที่ไม่คุ้นเคยของซูหยาง
แม้จะเห็นยามโจร ซูหยางก็ไม่ได้หยุดก้าวยังคงเดินตรงไปทางเข้า
“ข้าถามเจ้า เจ้าเป็นเชี่ยใครกันและมาทำอะไรที่นี่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่—”
ครั้นเมื่อซูหยางไปถึงระยะห่างระดับหนึ่งจากโจร เขาก็ตวัดแขนจนทำให้ดาบในมือหายไปในทันทีก่อนที่จะปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ในเสี้ยวเวลานั้นโจรเฝ้าประตูก็ถูกฆ่าและเลือดก็ย้อมประตูเหล็ก
ด้วยการตวัดมืออีกข้าง ซูหยางก็ตัดประตูเหล็กนั้นออกเป็นหลายชิ้น ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปสู่รังโจรที่แท้จริงอย่างสบายๆ
การเข้าไปด้วยการใช้กำลังจนมีเสียงดังสนั่นของซูหยางพลันสร้างความตื่นตัวให้กับเหล่าโจรที่อยู่ภายใน
“มีผู้บุกรุก ทุกคนหยุดทุกอย่างที่ทำและมาช่วยกันฆ่าผู้บุกรุก”
โจรนับร้อยพากันฮือมายังตำแหน่งของซูหยางอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นหมู่โจร ซูหยางก็ยิ้มในเมื่อเขาหวังให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้
“พวกป่าเถื่อนที่ไม่รู้จักความงดงาม…”
ซูหยางยกดาบและชี้ไปยังพวกโจร
“ถึงแม้ขยะอย่างพวกเจ้าพลันหายไปชั่วนิรันดร์ก็ไม่มีใครในโลกนี้สนใจ…ตามจริงข้ายังหวังที่จะพนันว่าผู้คนกลับจะเฉลิมฉลองเสียด้วยซ้ำ”
“เจ้าเด็กบ้านี้ใครกัน เจ้านี้ถูกตีที่หัวมาหรืออย่างไร”
“เมื่อมาคิดว่าจะมีวันที่พวกเราโจรภูผาแดงจะถูกบุกรุกโดยเพียงแค่เด็ก….คนหนึ่ง ไม่มากไม่น้อย…ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…นี่ช่างน่าขันเหลือเกิน…”
ฝูงโจรไม่รู้สึกเร่งด่วนอีกต่อไปและเริ่มหัวเราะป่าเถื่อนครั้นเมื่อตระหนักว่ามีเพียงเด็กคนเดียวที่มาบุกรุกพวกเขา
“หัวเราะให้เต็มที่ตอนนี้เพราะว่าอีกไม่นานจักเป็นวาระสุดท้ายของพวกเจ้า”
พวกโจรพากันหยุดหัวเราะในทันทีและหรึ่ตาจ้องมองซูหยางด้วยกลิ่นอายกระหายเลือด
“อย่าฆ่าเจ้านี่ ข้าต้องการจับมันเป็นๆ” หนึ่งในหมู่โจรกล่าว
“พวกเราจะทรมานเจ้านี่กันรึ”
“แน่นอน”
“เราควรเริ่มจากใบหน้า” โจรอีกคนกล่าว
เมื่อได้ยินพวกโจรเหล่านี้ใช้ช่วงเวลาสุดท้ายของตนเองปรึกษาถึงอนาคตที่ไม่มีวันเกิดขึ้น ซูหยางได้แค่เพียงส่ายหน้า
ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นโดยไม่มีคำเตือนใดๆ ซูหยางก็เปิดใช้งานก้าวเก้าดาราประกาศถึงการนองเลือด