ไช่หยานขมวดคิ้วขึ้นมาพร้อมพูดว่า “แม่ แล้วถ้ามันเหลือแค่สองห้อง พวกเราจะอยู่กันอย่างไร?”
ผู้เป็นแม่พูดออกมาว่า “ใช่ เหลือแค่สองห้อง ดังนั้นแม่ของลูกคิดว่า ลูกกับเสี่ยวฉินยังอายุไม่มากสามารถทำงานหาเงินได้ ฉันกับพ่อของลูกคงต้องพึ่งลูกแล้ว และห้องที่เหลือก็แบ่งให้พวกเราหนึ่งห้อง น้องชายของลูกหนึ่งห้อง ส่วนลูกกับเสี่ยวฉินก็ไปเช่าห้องอยู่ด้านนอก”
หญิงผู้เป็นแม่พูดจบ สีหน้าของไช่หยานก็น่าเกลียดขึ้นมาทันที
“แม่ นี่มันไม่ยุติธรรมเลยนะ? ก็เห็นกันอยู่ว่าสามารถแบ่งได้สามห้อง แต่ทำไมต้องแบ่งสองห้องด้วย? แล้วพวกเราจะไปอยู่ที่ไหน?”
เมื่อเห็นไช่หยานพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ หญิงผู้เป็นแม่ก็ไม่พอใจเช่นกัน เธอลุกขึ้นและจ้องมาที่ไช่หยาน
“เมื่อกี้ฉันก็พูดไปแล้วนี่ ทั้งหมดก็เพื่อเตรียมตอนน้องชายของเธอแต่งงาน ถ้าหากไม่เปลี่ยนเป็นสองห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่น แล้วน้องชายของเธอจะแต่งงานได้อย่างไร? เธอแต่งงานไปแล้ว ก็ต้องเป็นห่วงและช่วยน้องของเธอสิ ทำไมเธอถึงเห็นแก่ตัวแบบนี้!”
หญิงผู้เป็นแม่พูดออกมาทำให้ไช่หยานรู้สึกเจ็บใจเป็นอย่างมาก หลายปีที่ผ่านมานี้เธอทำงานเพื่อเลี้ยงครอบครัวมาโดยตลอด ส่วนทางด้านของไช่เฉียงไม่ได้ทำอะไรเลย อยู่แต่บ้านกินและรอความตาย สุดท้ายตอนนี้เมื่อถึงเวลาแบ่งห้อง เธอกลับกลายไปเป็นคนเห็นแก่ตัว?
“ฉันเห็นแก่ตัว? เขาก็มีมือมีเท้าทำไมไม่ให้เขาออกไปหางานทำ พวกเราทำงานกันมาอย่างยากลำบาก สุดท้ายแม้แต่ที่ซุกหัวนอนก็ยังไม่มี นี่มันอะไรกัน?”
ไช่เฉียงตบโต๊ะและพูดออกมาว่า “นี่พี่ พูดแบบนี้มันเกินไปหรือเปล่า ฉันไปเป็นอย่างที่พูดตอนไหน? ฉันกำลังหางานทำอยู่ต่างหาก พี่ออกเรือนไปแล้ว หลังจากนี้ไม่ใช่ฉันเหรอที่จะเป็นคนเลี้ยงดูพ่อแม่? พี่ทำแบบนั้นได้เหรอ?”
หญิงผู้เป็นแม่พยักหน้าและพูดออกมาว่า “ใช่ หลังจากนี้พวกเราไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเธอแล้ว หลังจากนี้พวกเธอไม่ต้องเอาเงินมาให้ฉันแล้ว ขอแค่พวกเธอทั้งสองยอมให้ห้องนี้ หลังจากนี้พวกเธอจะไปรักกันที่ไหนก็ไป”
ดวงตาของไช่หยานเป็นสีแดง น้ำตาของเธอไหลพรากออกมา
ในบ้านหลังนี้ ความลำเอียงระหว่างชายหญิงมันชัดเจน
ไม่ว่าไช่หยานจะทำอย่างไร พยายาแค่ไหนก็ไม่ได้เกิดผลอะไร สุดท้ายแล้วคนที่พ่อแม่ของเธอรักและห่วงใยมากที่สุดก็คือไช่เฉียง
ฉินจุนที่อยู่ข้างๆก็เห็นเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เรื่องของความรู้สึกมันก็แบบนี้ แม้แต่เป็นพ่อแม่กันแท้ๆยังเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้
ไช่หยานมองเห็นฉากที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับครอบครัวของตัวเอง น้ำตาของเธอก็ไหลออกมาไม่ยอมหยุด
เมื่อก่อนตอนที่อยู่ด้วยกันมาอย่างยากลำบากก็ไม่มีใครพูดอะไร แต่ตอนนี้กำลังจะได้บ้านใหม่ ทุกคนกลับพูดออกมาด้วยความเห็นแก่ตัว?
แบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ!
ไช่หยานพูดออกมาว่า “ได้ ฉันไม่ต้องการห้องแล้ว ฉันจะย้ายไปอยู่ข้างนอกกับเหล่าฉิน”
พูดจบไช่หยานก็เริ่มที่จัดเก็บสิ่งของ แม่ของเธอก็เบะปาก เมื่อเห็นว่าไช่หยานจะไปอย่างแน่นอน เธอก็พูดออกมาว่า
“ใช่ ค่าสิ่งของเครื่องใช้ของเดือนนี้ยังไม่ได้ให้ฉันนะ ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไปถึงจะไม่ต้องจ่าย”
ไช่หยานมองไปที่แม่ของเธอทั้งน้ำตาและนำมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าหยิบเงินออกมา หยิบเงินที่มีทั้งหมดออกมา มีอยู่ประมาณพันกว่าหยวน ทั้งหมดนั้นถูกวางไว้บนโต๊ะ
“พวกเราไปกันเถอะ!”
ไช่หยานพาอาฉินคนรองเดินออกไป ส่วนทางด้านของฉินจุนก็เดินตามไปด้านหลังด้วยใบหน้าที่มีความสุข
หลังจากที่ออกมาจากบ้านแล้ว อาฉินคนรองก็หันไปยิ้มเพื่อเป็นกำลังใจให้กับไช่หยานที่กำลังร้องไห้อยู่
เมื่อไช่หยานเห็นแบบนั้นเธอก็พูดอะไรไม่ออก “พวกเราถูกไล่ออกจากบ้าน คุณยังจะมายิ้มอยู่อีก!”
ไช่หยานในตอนนี้หนักใจเป็นอย่างมาก ถูกพ่อแม่แท้ๆของตัวเองไล่ออกมาจากบ้าน ไม่มีเงินติดตัวสักหยวน แบบนี้ยังจะสบายใจได้อีกไหม
แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของอาฉินคนรอง เธอก็ต้องยิ้มออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ถึงแม้ว่าจะไม่เหลืออะไรแต่อย่างน้อยก็มีผู้ชายคนนี้อยู่ข้างๆกาย มันก็เพียงพอที่จะทำให้เธอมีความสุขและรู้สึกอุ่นใจ
ไช่หยานหันไปมองฉินจุน เธอรู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
“ดูสิ ได้เจอกับอาสะใภ้ครั้งแรกกลับไม่มีสิ่งดีๆให้ดูเลย แถมยังมีเรื่องน่าอายเกิดขึ้นอีก”
ฉินจุนตอบกลับมาว่า “อาสะใภ้พูดอะไรกัน อาวางใจเถอะ มีฉันอยู่ไม่มีทางปล่อยให้พวกอาทั้งสองลำบาก ไปกับผมเถอะ”
พูดจบฉินจุนก็โทรศัพท์ไปหา555 ไม่นาน555ก็ขับรถเข้ามาจอดอยู่ที่หน้าของฉินจุน
“ขึ้นรถเถอะ”
เมื่อไช่หยานเห็นรถที่ขับเข้ามาจอดเธอก็ตกใจมาก ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนจน แต่เธอก็รู้จักรถแบบนี้ เมื่อก่อนในตอนที่เธอทำงานอยู่ที่ร้านอาหาร ได้เห็นรถที่เป็นรถนำของขบวนแต่งงานล้วนแต่เป็นรถแบบนี้ มีคนเคยบอกเธอว่ารถแบบนี้เรียกว่า มายบัค คันละประมาณ 2 ล้านกว่าหยวน
หลานของเหล่าฉินเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงมีรถดีๆแบบนี้ด้วย?
หลังจากที่ทั้งสามคนขึ้นรถฉินจุนก็บอกให้555ขับรถกลับไปที่บ้านของตระกูลฉิน ถึงแม้ว่าบ้านของตระกูลฉินเองก็จะถูกรื้อถอน แต่ห้องหลักๆก็ยังอยู่ ฉินจุนพาอารองของเขากลับไปดู หวังว่าอารองของเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้บ้าง
เมื่อเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ของตระกูลฉิน สีหน้าของอารองก็ดูแปลกไปเล็กน้อย
ไช่หยานรีบถามออกมาทันทีว่า “เหล่าฉิน หรือว่าคุณนึกอะไรขึ้นมาได้?”
“อารอง ที่คือบ้านหลังเก่าของพวกเรา อายังจำได้ไหม?”
อาฉินคนรองมองไปรอบๆ จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขานอนราบลงกับพื้นโดยเอามือกุมศีรษะสั่นไปทั้งตัว
“อย่าฆ่าฉัน อย่าฆ่าฉัน!”
สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลัว ราวกับว่ากำลังเห็นบางสิ่งบางอย่างที่น่ากลัว
ในปีนั้นตระกูลฉินถูกลอบสังหาร ความทรงจำเหล่านั้นยังติดอยู่ในหัวของอาฉินคนรอง คนในครอบครัวของเขาถูกฆ่าตายที่นี่
“เสี่ยวจุน! เสี่ยวจุนหลานรีบหนีไปเร็ว!”
อาฉินคนรองนอนดิ้นไปมาอย่างไม่รู้ตัวพร้อมกับตะโกนออกมาอย่างไร้สติ
น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของฉินจุน อารองของเขาเป็นแบบนี้แต่ยังไม่ลืมที่จะเป็นห่วงเขา
เขารีบหยิบเข็มออกมา จากนั้นก็ฉีดเข้าไปที่ด้านหลังของอารอง หลังจากนั้นอาฉินคนรองก็สงบลง และหลับไปอย่างสบาย
ฉินจุนเองก็ไม่กล้าจะอยู่ที่นี่นานไปมากกว่านี้แล้ว เขารีบอุ้มอารองของเขากลับมาที่รถ จากนั้นก็ขับรถตรงไปยังคฤหาสน์ชิงเหมย
ระหว่างทางไช่หยานเต็มไปด้วยความสงสัย
“เสี่ยวจุนใช่ไหม? เกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของพวกนายกันแน่?”
สำหรับสถานะของเหล่าฉิน ไช่หยานเองก็มีความสงสัยในตัวเขามาตลอด แต่ด้วยท่าทางไม่เต็มของเหล่าฉิน ถามอะไรออกไปก็ไม่เคยได้คำตอบออกมา ครั้งนี้เธอมีโอกาสได้เจอกับญาติของเหล่าฉินเธอจึงอยากถามออกไป
ฉินจุนตอบกลับไปว่า “เมื่อสิบปีที่แล้ว ตระกูลฉินของพวกเราถือว่าเป็นตระกูลที่ดีที่สุดในตงไห่……”
ฉินจุนค่อยๆเล่าเรื่องราวออกมาให้ไช่หยานฟัง ไช่หยานเกิดในครอบครัวธรรมดา ถือว่าเป็นคนที่ต้อยต่ำเลยก็ว่าได้ คนอย่างพวกเธอไม่เข้าใจและไม่เคยได้รับโอกาสสำหรับการเรียนรู้ มีแต่ตระกูลที่ร่ำรวยเท่านั้นที่ได้รับโอกาส จึงไม่ค่อยเข้าใจอะไรกับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่นัก
แต่หลังจากนั้นเธอได้ยินว่าตระกูลของเขาถูกลอบสังหาร ไช่หยานก็เสียงร้องตกใจขึ้นมาทันที
เธอไม่คิดว่าเหล่าฉินจะรอดมาจากความตายครั้งนี้ได้! และก็ตัวตนที่แท้จริงของเขาเคยเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นมาก่อน!
ไช่หยานแสดงสีหน้าที่ต้อยต่ำของตนเองก้มหน้าและพูดออกมาว่า
“ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน อารองของนายคงไม่มีทางมองฉันแน่ ฉันไม่เหมาะสมกับเขา”
ฉินจุนพูดออกมาอย่างจริงจังว่า “อาสะใภ้ อาเป็นภรรยาดีที่ดีและมีความสามารถจริงๆ อารองของฉันได้เจอกับคุณก็ถือว่าเป็นบุญของเขา”
ไช่หยานรู้สึกดีใจ สีหน้าของเธอแสดงออกมาถึงความดีใจอย่างชัดเจน ฉินจุนคนนี้เป็นคนที่สุภาพมาก เขาไม่ได้ดูถูกเธอเลยแม้แต่น้อย นั่นทำให้เธอรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
ไม่นานก็เดินทางมาถึงคฤหาสน์ชิงเหมย
ไช่หยานตกใจทันทีเมื่อลงจากรถ
“นี่สวนสาธารณะเหรอ?”