ฉินจุนใช้มือของเขาทุบลงไปบนไม้กฤษณาชิ้นนั้น และพูดกับทุกคนว่า
“แม้ว่าไม้กฤษณาจะมีความหนาแน่นมากกว่าอากาศ แต่ก็มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก หลังจากการตกตะกอนตามกาลเวลา ความหนาแน่นของมันก็จะน้อยลงเรื่อยๆและใกล้เคียงกับสภาพอากาศมากขึ้นเรื่อยๆ ”
“ดังนั้น ไม้กฤษณายิ่งเก่าแก่ก็จะยิ่งล้ำค่า เวลาที่จุดไฟยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ”
“แต่เราจะเห็นได้ว่าไม้ชิ้นนี้ พวกเราพูดคุยกันเสียงดังขนาดนี้มันยังไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย ดังนั้นไม้ชิ้นนี้จึงเป็นของปลอม ”
หญิงชราขมวดคิ้วเพราะที่ฉินจินพูดก็มีเหตุผลอยู่
ไม้กฤษณายิ่งมีราคาแพง ข้อกำหนดของสิ่งแวดล้อมก็จะยิ่งสูงขึ้น และบางครั้งก็ไม่สามารถพูดเสียงดังหรือแม้แต่ไอได้ ห้องจะต้องปิดสนิท มิฉะนั้น การผันผวนของอากาศเพียงเล็กน้อยอาจทำให้รูปร่างของไม้กฤษณาเสียหายได้
และสิ่งที่เรียกว่าไม้กฤษณาป๋ายฉีสองร้อยปีนี้ ไม่ได้รับผลกระทบจากการพูดเสียงดังเช่นนี้ มันก็แปลกจริงๆ
สีหน้าของลู่ฟานเปลี่ยนไปเล็กน้อย และมีท่าทีโกรธ
“นายพูดบ้าอะไร นายมีความรู้เรื่องของล้ำค่าอย่างไม้กฤษณามากพอหรือเปล่า ? ”
หยางปิงเองก็ยังช่วยลู่ฟานพูดด้วยอีกแรง “บางทีไม้กฤษณานี้อาจจะแตกต่างจากชิ้นอื่นก็ได้ ไม่เช่นนั้นถ้ามันเป็นของปลอม จะสวยงามได้ขนาดนี้ได้ยังไง ? คงมีแค่ควันธรรมดาลอยขึ้นไปบนอากาศเฉยๆแล้วหละ ”
ฉินจุนตอบ “พวกไม้กฤษณาของปลอมเองก็จะมีวัสดุพิเศษของมัน และการที่จะทำให้ควันลดต่ำลงเหมือนของจริงก็ไม่ใช่เรื่องยาก ”
“อย่างเช่น การใช้มูลหมาป่ากับตะกอนของเถ้าถ่าน ก็สามารถทำให้เกิดประสิทธิภาพแบบเดียวกันได้ ”
หยางปิงขมวดคิ้วทันที “ถ้างั้นกลิ่นหอมพวกนี้มาจากไหน ? ”
“ถามเรื่องกลิ่นยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ แค่ใส่น้ำหอมเพิ่มก็จบแล้ว พวกไม้กฤษณาธรรมดา จะทำให้จิตใจสดชื่นและรู้สึกสบายหลังสูดดมเข้าไป แต่ไม้กฤษณาพวกนี้นอกจากมีกลิ่นหอมแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อย่างอื่นเลย ในทางกลับกันการสูดดมเป็นเวลานานจะทำให้รู้สึกปวดหัวเล็กน้อยและฉุนกลิ่นของมันอีกด้วย ”
เมื่อฉินจุนพูดจบ หยางปิงเองก็คิดแบบเดียวกัน เดิมทีแล้วเธอก็มีความรู้เกี่ยวกับไม้กฤษณาอยู่มากเช่นกัน และเธอก็รู้ว่าทุกสิ่งที่ฉินจุนพูดมานั้นเป็นความจริงทั้งหมด แต่เพราะว่ามันเป็นของที่ลู่ฟานตั้งใจเอามาให้ และก็มาหาเธอที่นี่ก่อน คิดว่าลู่ฟานไม่น่าจะเอาของปลอมมาให้เธอ ดังนั้นจึงค่อยมาสงสัยเอาตอนนี้
แต่ตอนนี้ดูๆไปแล้ว ไม้กฤษณาชิ้นนี้เป็นของปลอมจริงๆ ! สิ่งที่เธอสูดดมอยู่ตั้งนานที่แท้ก็คือมูลของหมาป่า !
สีหน้าของหยางปิงแย่มากๆ เหมือนกับว่าไปกินอุจจาระมาและเธอรู้สึกขยะแขยงสุดๆ
เธอหยิบกระถางธูปใบนั้นขึ้นมาและเขวี้ยงลงไปบนพื้นอย่างแรง !
เสียงดังเพล้ง กระถางธูปแตกละเอียด !
กระถางธูปที่แปดเปื้อนไปด้วยมูลหมาป่าเธอไม่ต้องการที่จะใช้มันอีกต่อไปแล้ว
ลู่ฟานหน้าถอดสี รีบเอ่ยว่า “อาจารย์ฉันขอโทษจริงๆค่ะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นของปลอม ฉันก็โดนหลอกเหมือนกัน ! ”
เมื่อฉินจุนได้ยินอย่างนั้น เขาก็ยิ้มบางๆ
“โดนหลอกหรอ ? ฉันว่าไม่ใช่นะ ไม้กฤษณาชิ้นนี้คงจะซื้อมาจากหม่าเหลียงเทียนใช่ไหมหละ ? ”
ลู่ฟานอึ้งไปทันที “นายรู้ได้ยังไง ? ”
เดิมทีลู่ฟานก็เคยได้ยินเรื่องไม้กฤษณาป๋ายฉีอยู่บ้าง ว่ามันอยู่กับหม่าเหลียงเทียน และเธอก็คุยราคาสูงลิ่วไว้เสร็จสรรพแล้วด้วย
เพราะถึงยังไงลู่ฟานเองก็มีเงิน จะจ่ายมากหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อถึงเวลาหม่าเหลียงเทียนกลับคำและบอกว่าไม่ขาย ไม่ว่าจะจ่ายเท่าไหร่ก็ไม่ขาย และก็ไม่ยอมรับสายเธออีกเลย
แม้ว่าลู่ฟานจะโกรธมาก แต่ก็ทำอะไรหม่าเหลียงเทียนไม่ได้ จึงทำได้แค่ไปหาของปลอมมาแทน คิดไม่ถึงว่าจะโดนแฉซะได้
ลู่ฟานพูดจบก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงรีบหันกลับไปถามอย่างรวดเร็ว
“นายจะมาพูดมั่วไม่ได้นะ ไม้กฤษณานี้ประธานหม่า หม่าเหลียงเทียนเป็นคนขายให้ฉัน ”
ฉินจุนหัวเราะอย่างเย็นชา “เอาหละเธอเลิกแสดงได้แล้ว ฉันรู้ว่าหม่าเหลียงเทียนไม่ได้ขายให้เธอ ”
ลู่ฟานหน้าถอดสี “ไอ้บ้า แกรู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ขายให้ฉัน ? ”
ฉินจุนหยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากระเป๋ากางเกงแล้ววางไว้บนโต๊ะ
“ง่ายมาก เพราะเค้าเอามาให้ฉันยังไงหละ ”
เมื่อสินเสียงของฉินจุน ลู่ฟานก็หัวเราะออกมาทันที
“ให้นาย ? นายใหญ่มาจากไหนหละ ? จะพูดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ก็ดูสถานการณ์หน่อยนะ นายคิดว่าฉันไม่รู้หรอว่าหม่าเหลียงเทียนเป็นใคร ? ”
ลู่ฟานทำท่าเหมือนได้ฟังเรื่องที่ตลกที่สุดในโลก แถมยังทำหน้าล้อเลียนตลกๆ
หม่าเหลียงเทียนเป็นใครรู้ไหม ? นั่นคือลูกพี่ใหญ่แห่งวงการบันเทิงเทียนจินเชียวนะ !
และวงการบันเทิงเทียนจิน ยังเป็นผู้ริเริ่มของอุตสาหกรรมบันเทิงจีนทั้งหมด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือบริษัทใหญ่ๆทั้งหลายเหล่านั้นก็พัฒนามาจากที่นั่น บริษัทของหม่าเหลียงเทียนเองก็มีส่วนแบ่งหุ้นในบริษัทบันเทิงไม่น้อยเลย
หม่าเหลียงเทียนและอาจารย์หยางปิงต่างก็เป็นบุคคลสำคัญในวงการบันเทิงของจีน แต่อาจารย์หยางปิงนั้นดังมากในแผ่นดินใหญ่ ทั้งมีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากๆ ใครๆก็จะต้องไว้หน้าเขา ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ต้องมีผลกระทบอย่างมากแน่นอน
แต่หม่าเหลียงเทียนนั้นมีอิทธิพลมากจริงๆ มีหลายบริษัทที่เขาถือครองหุ้นอยู่ ถ้าเขาอยากจะตัดสินอนาคตของศิลปินสักคน เพียงแค่เขาออกคำสั่งเท่านั้นทุกอย่างก็จบ
คนหนึ่งก็ต้องไว้หน้ารักษาน้ำใจ อีกคนหนึ่งก็มีอำนาจควบคุม แค่นี้ก็สามารถรู้ได้แล้วว่าอะไรสำคัญกว่า
“ฉันต้องการจะ ‘ซื้อ’ มันจากประธานหม่า แล้วอยู่ๆนายก็มาพูดว่าประธานหม่ามอบมันให้นาย นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร ? ”
ฉินจุนหยิบไม้กฤษณาออกมาแล้ววางลงตรงหน้าหยางปิงแล้วพูดว่า
“ใช่ของจริงหรือไม่ คุณลองดูก็รู้แล้ว ”
หญิงชราหยิบไม้กฤษณาชิ้นนี้ขึ้นมาอย่างระมัดระวัง และเมื่อเธอถือไว้ในมือก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันหนักและมีกลิ่นหอม
เป็นกลิ่นหอมที่ทำให้คนที่ได้กลิ่นรู้สึกสบาย ไม่ใช่กลิ่นของพวกน้ำหอมที่ทำให้ฉุนจมูก หยางปิงเริ่มรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
“ให้ฉันลองหน่อยนะ ”
หญิงชราใช้มีดอันใหม่ขูดไม้กฤษณาออกอย่างระมัดระวังแล้ววางมันบนกระถางธูปอันใหม่เอี่ยม
รูปทรงของกระถางธูปใบนี้เป็นเนินเขาที่มีร่องเป็นเกลียวรอบๆเนินเขาซึ่งดูเหมือนถนนบนภูเขาที่คดเคี้ยว เมื่อถึงตอนที่ควันจางลงคงจะสวยมาก
หญิงชราหยางปิงวางชิ้นไม้กฤษณาอย่างระมัดระวังบนยอดเขาเพื่อจะจุดไฟ จากนั้นควันก็ค่อยๆลอยขึ้นเบาๆ ราวกับว่ามันกำลังจะสลายไปเมื่อใดก็ได้
“อาจารย์หยาง ”
“ชู่ว อย่าพูด ! ”
ขณะที่ลู่ฟานกำลังจะพูด ก็ถูกหยางปิงขัดเอาไว้เสียก่อน ไม้กฤษณานี้ดูอ่อนแอมาก และหากถูกอะไรกระทบหรือลมพัดเพียงแค่นิดเดียว คาดว่ารูปร่างของมันจะถูกทำลายจนผิดเพี้ยน
ทุกคนต่างเงียบกันหมด แม้แต่จะหายใจแรงๆก็ยังไม่กล้า ต่างก็จ้องไปที่ไม้กฤษณาโดยไม่ขยับไปไหน
ควันพวยพุ่งลอยไปตามถนนที่คดเคี้ยวแต่ไม่ได้จมลงในร่องทั้งหมด ควันค่อยๆลอยขึ้นเหนือร่องอย่างช้าๆราวกับเป็นอมตะ
แม้แต่ซูเหวินฉีที่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับไม้กฤษณาเลยเธอยังรู้สึกว่ามันสวยมากๆ ไม่น่าหละหญิงชราถึงชอบมันมากขนาดนี้
และกลิ่นหอมก็ค่อยๆกระจายตัวไปทั่ว ทำให้คนที่ได้กลิ่นรู้สึกสบายตัว ผ่อนคลาย กลิ่นที่ลอยอยู่ในอากาศราวกับได้รับออกซิเจนในป่าทึบ ซึ่งมันให้ความรู้สึกสบายมาก
ใบหน้าของหยางปิงเต็มไปด้วยรอยยิ้มและรู้สึกเซอไพรส์มาก ไม่ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะพูดอะไร แต่หลังจากได้ยืนยันด้วยตนเองแล้ว เธอก็รู้ได้เลยว่ามันเป็นของจริงหรือไม่
ไม้กฤษณาแบบนี้ถ้าเกิดว่าเป็นของปลอม ต่อไปก็คงได้เล่นแต่ของปลอมแล้วหละ
เดิมทีหยางปิงอยากจะยืนยันความถูกต้องกับหม่าเหลียงเทียน แต่ตอนนี้คงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอีกต่อไปแล้ว ไม้กฤษณานี้ต้องเป็นไม้กฤษณาป๋ายฉีสองร้อยปีของจริงแน่ๆ
และด้วยสถานะของซูเหวินฉีในวงการบันเทิง การได้ไม้กฤษณาชิ้นหนึ่งมาจากหม่าเหลียงเทียนก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ในที่สุดไม้กฤษณาก็ถูกเผาจนหมด และถนนคดเคี้ยวก็จางหายไป หยางปิงลืมตาขึ้นมาและยิ้ม
“เหวินฉี เธอให้ของขวัญชิ้นใหญ่กับฉันจริงๆ ถ้าเธอต้องการความช่วยเหลืออะไรจากหญิงชราอย่างฉัน ก็บอกมาได้เลย “