“เราลองไปดูข้างหน้า ไม่แน่เขาอาจจะเว้นที่ไว้ให้เราที่แถวหน้า!”
จู้หลินหลินพยักหน้า ก็จะเดินไปหาที่ด้านหน้า กลับกลายเป็นว่ามีชื่อของเธออยู่ที่แถวที่สอง
เธอหันกลับไปพยักหน้าให้คุณย่า ก่อนที่จะนั่งลงไป
ถึงแม้ว่าหญิงชราจะไม่ได้นั่งที่แถวด้านหน้า แต่ก็ปลื้มอกปลื้มใจ อย่างน้อยคนของตระกูลจู้ก็ได้นั่งแถวหน้าซึ่งมันแสดงถึงฐานะของเรา!
ทุกคนต่างเริ่มทยอยกันเดินเข้ามานั่งประจำที่ เมื่อได้เวลาแล้วไฟในงานก็เริ่มดับลง ไฟบนเวทีก็สว่างขึ้น
ภายในความมืดเห็นเงาของคนจำนวนหนึ่งเดินลงมา ทุกคนต่างรู้ดีว่านี่เป็นเหล่าบุคคลสำคัญที่นั่งอยู่แถวหน้า
จู้หมิงเองก็ตื่นเต้นมาก ๆ “คุณแม่ครับ ดูนั่นสิ นั่นใช่ท่านประธานเหอหรือเปล่าครับ!”
หญิงชราพยักหน้า นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเธอได้ใกล้ชิดกับบรรดาเศรษฐี พวกเธอตื่นเต้นมากจริง ๆ
นอกจากเมิ่งเหวินกัง ซุนเจี้ยนหมินแล้ว คนอื่น ๆ เธอก็ดูไม่ค่อยออกว่าเป็นใคร
“เอ้ะ?คนนั้นเป็นใครน่ะ?”
มีเงาของผู้ชายคนหนึ่งเดินนำหน้า โดยมีพวกเหอเนี่ยนอิงตามอยู่ด้านหลัง แม้แต่ซุนเจี้ยนหมินที่อยู่ด้านหลังจะยังต้องก้มโค้งเพื่อแสดงความเคารพให้
แต่ว่าดูจากเงาด้านหลังแล้ว พวกเธอกลับดูไม่ออกว่าเป็นใคร
หญิงชราเองก็ส่ายหน้า “ดูท่าทางแล้วน่าจะอายุไม่มาก เมืองตงไห่ของเรามีหนุ่มรุ่นใหม่ที่เก่งกาจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
ดูจากเงาด้านหลังแล้วไม่จะน่าใช่เซี๋ยต้าหลินแน่นอน อีกอย่างต่อให้เป็นเซี๋ยต้าหลิน ก็ไม่มีทางมีฐานะแบบนี้
เมืองตงไห่นี่มีซุกซ่อนคงเก่ง ๆ ไว้มากมาย หยิงชรากับจู้หมิงนั่งอยู่ที่ด้านหลังรู้สึกเกินเอื้อมจริง ๆ แม้แต่เด็กหนุ่มคนนึงพวกเธอยังต้องชะเง้อมอง
ฉินจุนนั่งอยู่ตรงกลางของแถวแรกตามธรรมเนียม โดยมีซุนเจี้ยนหมินและหวังจินไห่นั่งอยู่ด้านข้าง
เหอเนี่ยนอิงเตรียมเดินขึ้นไปบนเวที เพื่อเป็นพิธีกร
……
จู้หลินหลินนั่งอยู่ที่แถวที่สอง เธอค่อนข้างรู้สึกเกร็ง ๆ รอบข้างมีแต่นักธุรกิจที่เธอไม่รู้จัก หรือไม่ก็เป็นผู้นำตระกูลต่าง ๆ ฐานะทางสังคมอยู่สูงกว่าเธอมาก
ทันใดนั้น ก็มีหญิงสาวที่อยู่แถวหน้าคนหนึ่งหันหน้ากลับมาด้วยท่าทางตกใจมาก
“จู้หลินหลิน!ทำไมถึงเป็นเธอล่ะ!”
จู้หลินหลินขมวดคิ้ว “เฉาจิงจิง?”
เฉาจิงจิงคนนี้ เป็นเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยของจู้หลินหลิน เป็นลูกคุณหนูเศรษฐี แต่เธอไม่ใช่คนท้องถิ่น เธอมาจากเมืองปังกิ่ง
พอจบมหาวิทยาลัย เฉาจิงจิงก็กลับปักกิ่งไป ทั้งสองคนไม่ได้เจอกันอีกเลยนับตั้งแต่นั้น ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกันที่งานนี้
เฉาจิงจิงหัวเราะอย่างเย็นชา “จู้หลินหลิน หลายปีมานี้ชีวิตเธอก็ไม่ได้ดีอะไรไม่ใช่เหรอ ทำไมได้มานั่งแถวสองล่ะ?”
ถึงแม้ว่าแถวที่หนึ่งกับแถวที่สองจะอยู่ใกล้กัน แต่ว่าฐานะทางสังคมก็แตกต่างกันมาก คนที่จะสามารถนั่งแถวแรกได้จะต้องเป็นบุคคลแถวหน้าจริง ๆ
จู้หลินหลินทำได้เพียงหัวเราะอย่างทำตัวไม่ถูก ถึงแม้ว่าจะภายในใจจะรู้สึกไม่ดี แต่ว่าบ้านของเฉาจิงจิงก็เหนือกว่าบ้านของเธอจริง ๆ
อีกอย่างการที่จู้หลินหลินได้มานั่งที่แถวที่สองก็ไม่ใช่เพราะความสามารถของเธอแต่เป็นเพราะตระกูลเหอจัดที่นั่งให้เธอ เพราะฉะนั้นจู้หลินหลินไม่พูดอะไรดีกว่า
งานกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ฉินจุนหันมามองเห็นจู้หลินหลินเข้าพอดี
“หลินหลิน!”
จู้หลินหลินหันไปมองตามเสียงทันใดนั้นเธอก็ตะลึงไปเลย
“พี่เสี่ยวจุน……”
เมื่อครู่นี้เธอเจอฉินจุนแล้วจะเจอเขาอีกครั้งก็ไม่ได้อะไร เพียงแต่ว่า……
ฉินจุนกลับนั่งอยู่แถวแรก?
แถมยังนั่งอยู่ที่นั่งตรงกลางสุด?
ที่นั่งแถวแรกไม่ใช่ที่ ๆ ใครจะนั่งก็ได้ ไม่อย่างนั้นเฉาจิงจิงคงไม่โอ้อวดใส่จู้หลินหลินแบบนั้น
คนที่นั่งอยู่แถวแรก ต่างก็เป็นท่านประธานใหญ่ระดับพันล้านไม่ก็เป็นดาราที่มีชื่อเสียงมากๆ เหล่าผู้นำต่าง ๆ
แต่ว่าฉินจุน……
ฉินจุนหันกลับมาเอ่ย “หลินหลินมานั่งตรงนี้สิ”
“หืม?” จู้หลินหลินออกอาการงง คนมากมายหันมามองที่เธอ ทำเอาเธอรู้สึกเกร็ง ๆ
ไปนั่งตรงนั้น?
เธอก็อยาก แต่ว่า พี่เสี่ยวจุนมีสิทธิ์ขาดขนาดนั้นเลยเหรอ……
พอฉินจุนเอ่ยจบผู้บริหารซุนก็ลุกขึ้นยืน “พวกคุณขยับไปทางนั้นหน่อย”
พอผู้บริหารซุนเอ่ย จะมีใครกล้าไม่ไว้หน้าต่างพากันลุกขึ้นยืน เขยิบถัดไปหนึ่งที่
คนสุดท้ายที่นั่งอยู่ในแถวคือเฉาจิงจิง ขยับที่นั่งแบบนี้พอเธอลุกขึ้นยืนก็ไม่มีที่นั่งแล้ว แต่ก็ไม่มีใครสนใจเธอเลย เธอหน้าเสียทันที
จู้หลินหลินเดินไปที่แถวแรกข้าง ๆ ฉินจุน ก่อนจะนั่งลงด้วยความแปลกใจ
รอบข้างของเธอมีแต่คนใหญ่คนโต ราวกับว่าเธอกำลังฝันอยู่
เฉาจิงจิงกัดฟันกรอด เดินไปนั่งที่ที่จู้หลินหลินนั่งเมื่อสักครู่อย่างโมโห
เมื่อกี้เธอเพิ่งจะเยาะเย้ยจู้หลินหลินที่นั่งอยู่ด้านหลังว่าไม่ได้มีชีวิตดีอะไร มาตอนนี้เธอกลับได้ไปนั่งที่นั่งตรงกลางของแถวแรก
เป็นเพราะจู้หลินหลินเข้ามาแทรก ทำให้เฉาจิงจิงต้องไปนั่งแถวหลัง!ช่างน่าอับอายจริง ๆ !
นังจู้หลินหลิน แกคอยดูเถอะ!
……
จู้หลินหลินนั่งอยู่ด้านข้างของฉินจุน นั่งดูเหอเนี่ยนอิงพูดอยู่บนเวทีใกล้มาก ๆ เธอก็รู้สึกแปลกใจสุด ๆ
“พี่เสี่ยวจุน ทำไมที่พี่……”
จู้หลินหลินอยากจะถามฉินจุนว่าทำไมถึงมีหน้ามีตาขนาดนี้ คนพวกนี้เป็นเหล่าท่านประธานใหญ่ระดับพันล้านทั้งนั้น เป็นนักธุรกิจแถวหน้าของตงไห่ทั้งนั้น ส่วนฉินจุนก็เป็นแค่อดีคุณชายตระกูลที่ล่มสลายไปแล้ว ว่าตามหลักการแล้วไม่น่าจะมีสิทธิ์อะไรมานั่งตรงนี้
ฉินจุนยิ้ม “เป็นเพื่อนของฉันทั้งนั้น”
“อ่อ”
คำอธิบายนี้ของฉินจุนไม่ได้ช่วยอะไรจู้หลินหลินเลย
เป็นเพื่อนแบบไหนกัน?เพื่อนมีตั้งหลายประเภท ถ้าตามหลักการแล้ว เธอกับท่านประธานเมิ่ง เมิ่งเหวินกังก็ถือว่าเป็นเพื่อนกัน แต่ก็เป็นเพื่อนกันในทางธุรกิจ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าท่านประธานเมิ่งก็คงไม่เห็นแก่หน้าของเธอขนาดนี้
หรือว่าฉินจุนเคยรักษาพวกเขามาก่อน?
มีความเป็นไปได้เพียงแค่ข้อนี้ อาจจะเป็นได้ว่าฉินจุนอาจจะสนิทสนมกับเมิ่งเหวินกังก่อน หลังจากนั้นเมิ่งเหวินกังก็แนะนำเขาให้แก่เพื่อน ๆ เขาจึงได้เข้ามาอยู่ในวงสังคมชั้นสูง ทุกคนต่างเห็นว่าฝีมือการรักษาของฉินจุนยอดเยี่ยม ดังนั้นจึงมีคอนเนกชั่นกันแบบนี้?
ตอนนี้จู้หลินหลินคิดออกเพียงแค่เหตุผลนี้ และก็เป็นไปได้แค่นี้เท่านั้น
เนื้อหาในงานแถลงข่าวไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ก็มีเพียงแต่ตึกสำนักงานใหม่ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เหอกรุปสองสามตึก คฤหาสน์สุดหรูในย่านธุรกิจ
บริษัทอสังหาริมทรัพย์เหอกรุปในมณฑลฮั่นตงนั้นถือว่ามีฐานะที่มั่นคง เหล่าตึกสำนักงานที่พวกเขาสร้างต่างอยู่ในทำเลทอง แม้ว่าราคาจะสูงลิบลิ่วแต่คนก็แย่งกันซื้อ พอเปิดตัวก็ไม่เหลือห้องว่างแล้ว
ขณะที่เหอเนี่ยนอิงกำลังพูดอยู่นั้น จู่ ๆ ที่ด้านนอกก็มีรถจากเมืองปักกิ่งขับเข้ามาจอด ชายหนุ่มสวมใส่ชุดสูทสีขาว สวมแว่นกันแดดสีดำคนหนึ่งก็เดินเข้ามา แถวยังมีบอดี้การ์ดติดตามมาด้วยอีกสองคน
พอเดินมาถึงหน้าประตูก็ถูกการ์ดรักษาความปลอดภัยขวางเอาไว้
“ขอโทษด้วยครับ งานเริ่มไปแล้ว ตอนนี้ไม่สามารถเข้าไปได้ครับ”
ชายหนุ่มคนนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่พอใจทันที
บอดี้การ์ดคนหนึ่งก็เดินขึ้นมาข้างหน้า ก่อนจะตบหน้าของการ์ดรักษาความปลอดภัยเสียงดังเพียะ
“แกไม่แหกตาดูหรือไง แกกล้าขวางคุณชายยวี่งั้นเหรอ?”