หวังตงเสวี่ยรับตั๋วมาอย่างมีความสุขและกลับไปเรียนต่อ
เมื่อมาถึงชั้นเรียน ทุกคนเห็นท่าทางร่าเริงของหวังตงเสวี่ย จึงถามเธอ
“ตงเสวี่ย ไปแลกรางวัลมาแล้วหรอ เธอได้ตั๋วมาหรือเปล่า ? ”
ข่งหลิงหลิงถอนหายใจอย่างเย็นชา “เป็นไปไม่ได้แน่นอน จินไถเป็นเรือสำราญสำหรับคนที่ร่ำรวย ไม่ใช่ว่าใครก็จะสามารถไปได้ ”
หวังตงเสวี่ยยิ้มและหยิบตั๋วสองใบในกระเป๋าของตัวเองออกมา
“จริงสิ ฉันไปแลกรับรางวัลมาแล้ว ”
“ว้าว จริงๆด้วย หวังตงเสวี่ยเธอโชคดีมากเลย ”
“ถ่ายรูปมาให้พวกเราดูเยอะๆนะ ”
“ฉันก็อยากไปเหมือนกัน โตขนาดนี้แล้วฉันยังไม่เคยเห็นเรือสำราญเลย ”
หวังตงเสวี่ยหยิบตั๋วออกมาจริงๆ และใบหน้าของข่งหลิงหลิงก็เปลี่ยนไป คิ้วของเธอก็ขมวดปม
เรือสำราญระดับไฮเอนด์ขนาดนี้นี้ เด็กผู้หญิงธรรมดาๆ คนนึงก็มีสิทธิ์ขึ้นเรือได้งั้นหรอ ?
“ตั๋วของเธอเป็นของจริงหรือของปลอม เอามาให้ฉันดูหน่อย ”
เมื่อข่งหลิงหลิงพูดอย่างนั้น หวังตงเสวี่ยลังเลนิดหน่อยแต่ก็ยื่นตั๋วให้ จริง ๆแล้วเธอเองก็กังวลเล็กน้อยว่าถ้าตั๋วนี่เป็นของปลอม จะไม่ขายขี้หน้าหรอ ?
เมื่อเธอรับตั๋วมาข่งหลิงหลิงก็ต้องขมวดคิ้ว
นี่คือตั๋วของจริงเหรอ ?
ไม่คิดเลยว่าจินไถจะแจกตั๋วด้วยวิธีนี้
น่าจะเป็นเพราะแบรนด์เสื้อผ้าบางแบรนด์ได้รับจดหมายเชิญและใช้จดหมายเชิญเป็นรางวัลเพื่อกระตุ้นยอดขาย คิดไม่ถึงเลยว่าหวังตงเสวี่ยจะเอามันมาได้
ไม่ได้ ถ้าเธอได้ขึ้นเรือไปด้วย ถ้างั้นระดับของจินไถก็ต้องลดลงน่ะสิ ?
ทันใดนั้นข่งหลิงหลิงก็ฉีกตั๋วด้วยมือทั้งสองข้างของเธอ
“นี่เป็นตั๋วของปลอม ”
ตั๋วถูกฉีกขาดและใบหน้าของหวังตงเสวี่ยก็เปลี่ยนไปทันที
“เธอ…… ”
ข่งหลิงหลิถอนหายใจอย่างเย็นชา “เธอทำอะไรของเธอ ตั๋วใบนี้เป็นของปลอม และฉันทำเพราะหวังดีกับเธอนะ ถ้าเธอเอาตั๋วปลอมไปขึ้นเรือ เธอรู้ไหมผลที่จะตามมาคืออะไร ? ”
หวังตงเสวี่ยไม่พูดขัดอะไรสักคำ และเธอก็ไม่ใช่คนที่ผ่านโลกมาเยอะ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่เธอจะเชื่อในสิ่งที่ข่งหลิงหลิงพูด
เพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆก็รีบปลอบใจ “ชั่งมันเถอะตงเสวี่ย ปลอมก็ปลอมสิ ยังไงก็ไม่ได้ใช้เงินซื้อมา ก็คิดซะว่าไม่ได้รับรางวัลมาก็แล้วกัน ”
“เดี๋ยวนี้ร้านค้าพวกนี้น่าขยะแขยงจริงๆ ใช้การถูกรางวัลลอตเตอรี่เพื่อมาเรียกลูกค้า แต่สุดท้ายรางวัลกลับเป็นของปลอม ”
“อย่าไปสนใจเลยตงเสวี่ย ที่แบบนั้นมีแต่คนแก่มีเงินไปเที่ยวกัน เธอไปก็ไม่เหมาะกับพวกเขา จะหมดสนุกเปล่าๆ ”
หวังตงเสวี่ยกัดริมฝีปากของเธอ ตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหยิบตั๋วถูกฉีกขาดสองนั่นขึ้นมาใบแล้วกลับไปที่ที่นั่งของเธอ
ที่เธอเสียใจไม่ใช่เพราะตั๋วเป็นของปลอม แต่กว่าพี่ฉินจะตอบตกลงได้ไม่ง่ายเลย และสุดท้ายเธอก็ไปไม่ได้ ถ้าพี่ฉินรู้คงจะผิดหวังแย่เลยสิ ?
หวังตงเสวี่ยถือตั๋วที่ขาดสองใบ และเห็นรหัส QR ต่อต้านการปลอมแปลงเอกสาร เธอสแกนด้วยโทรศัพท์มือถือของตนเอง ผลสุดท้ายกลับแสกนเข้าหน้าเว็บไซต์ทางการของงจินไถ
นี่มันตั๋วของจริงชัดๆ !
หวังตงเสวี่ยรู้สึกผิดมากและน้อยใจอยู่ในใจ ข่งหลิงหลิงนี่จะมากเกินแล้วไปจริงๆ
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วส่งข้อความ WeChat ถึงฉินจุน
“พี่ฉิน ฉันขอโทษ ฉันทำตั๋วหาย เราไปไม่ได้แล้วหละ…… ”
หลังจากนั้นไม่นานฉินจุนก็ตอบกลับมา
“ตั๋วจินไถหรอ ? ไม่เป็นไร ถ้าเธออยากไปเดี๋ยวฉันเอาตั๋วให้ใหม่สองใบ ”
หวังตงเสวี่ยชะงัก “หา ? จริงเหรอ ? พี่หาตั๋วมาได้หรอ ”
“น่าจะได้นะ ”
จริงด้วย แม้แต่คนที่รวยที่สุดพี่ฉินยังรู้จักเลย การหาตั๋วสองใบจึงไม่น่าจะมีปัญหา
หลังจากนั้นไม่นานฉินจุนก็ตอบกลับมา “ได้ตั๋วมาแล้วสองใบ เจอกันพรุ่งนี้ ”
หวังตงเสวี่ยมองโทรศัพท์และเผยรอยยิ้มอันแสนหวานบนใบหน้าของเธอ
เพื่อนโต๊ะข้างๆเมื่อเธอเห็นว่าเธอดูอารมณ์ดีจึงถามขึ้นมา
“ตงเสวี่ย มีอะไรเหรอ ? ”
หวังตงเสวี่ยลังเลและกระซิบบอกเธอ
“บอกเธอแล้วอย่าบอกใครหละ พี่ฉินได้ตั๋วมาสองใบ ”
เพื่อนโต๊ะข้างๆอึ้งไปครู่หนึ่ง และจู่ๆก็แปลกใจเล็กน้อย
“แฟนของเธอเก่งมากเลยนะ ! ”
ครั้งนี้หวังตงเสวี่ยรู้แล้ว และเรื่องนี้ไม่ควรจะป่าวประกาศออกไปอีก ไม่งั้นถ้าข่งหหลิงหลิงรู้เรื่องนี้เธอก็จะมาสร้างปัญหาให้อีก
แต่ก็ยังดีที่เพื่อนข้างโต๊ะนิสัยค่อนข้างดี ไม่ได้บอกกับใคร
“จริงด้วยตงเสวี่ย เธอต้องเตรียมชุดเดรสไปร่วมงานเลี้ยงนะ ”
“หืม ? จริงเหรอ ? ”
“แน่นอนสิ ไม่งั้นถ้าแฟนเธอใส่ชุดทักซิโด้ แล้วเธอจะใส่ชุดกีฬาหรือไงมันไม่เข้ากันน่ะสิ ! ”
หวังตงเสวี่ยเองก็คิดเช่นกัน เวลาดูโทรทัศน์พวกคนที่เข้างานเลี้ยงต่างก็แต่งตัวเป็นทางการมากและเธอเพิ่งจะซื้อชุดที่เป็นทางการให้กับฉินจุนแต่เธอเองยังไม่มีชุด
“มาสิ ฉันจะช่วยเลือกให้ ”
เพื่อนคนนั้นเปิดโทรศัพท์และดูในร้านลิซ่าแฟลกชิปสโตร์
หวังตงเสวี่ยขมวดคิ้วทันที “นี่มันแพงเกินไปหรือเปล่า ? ”
“ช่วยไม่ได้ ชุดของร้านลิซ่าดีที่สุด แน่นอนมันแพง แต่เธอไม่ต้องดูแถวแรกนี้หรอก พวกนี้เป็นเสื้อผ้าที่เหล่าดาราใส่เดินบนพรมแดง เราดูในระดับที่สองก็พอแล้ว ”
ลำดับต่อไป ราคาของชุดเดรสยังอยู่ในขอบเขตที่ยอมรับได้ของหวังตงเสวี่ย แต่ก็ราคาแพงมากเช่นกัน ราคาหลายหมื่นหยวน
หวังตงเสวี่ยขดริมฝีปากของตัวเอง “มันแพงมากจริงๆ ”
เพื่อนคนนั้นกล่าวว่า “นั่นคือเรือสำราญจินไถเชียวนะ ชีวิตนี้เธออาจจะได้ไปแค่ครั้งเดียว เธอจะไม่แต่งตัวสวยๆหน่อยหรอ ? และชุดนี้อาจจะได้ใช้ในอนาคต เช่น ตอนแต่งงาน”
หวังตงเสวี่ยก็คิดแบบเดียวกัน บางทีนี่อาจเป็นโอกาสเดียวในชีวิตก็ได้
เธอทำเงินได้หลายหมื่นหยวนในการถ่ายทอดสดเมื่อเร็วๆนี้ และเธอมีเงินเก็บอยู่อีก จะฟุ่มเฟือยก็ไม่ใช่ปัญหา
“โอเค อีกเดี๋ยวไปดูที่ร้านกับฉันสิ ! ”
หลังเลิกเรียน ทั้งสองไปที่ร้านลิซ่าที่มีแห่งเดียวในตงไห่ มีชุดเดรสสองชุดถูกแขวนอยู่บนหน้าต่าง ชุดนึงสีขาวและอีกชุดสีชมพู
หวังตงเสวี่ยมองไปที่สีชมพูและพูดว่า “สีนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน ซื้ออันนี้ก็แล้วกัน ถูกขึ้นอีกหลายพันหยวน ”
เพื่อนร่วมโต๊ะกลอกตาแล้วพูดว่า “ไม่ได้ เธอต้องซื้อชุดสีขาว สีขาวคือชุดเจ้าหญิง สีชมพูคือชุดเมด ถ้าเธอซื้อชุดสีชมพู แล้วถ้ามีคนซื้อชุดสีชมพูไป เธอก็จะต้องถูกขับให้โดดเด่นไม่ใช่หรอ ? ”
“ก็ได้ ”
หวังตงเสวี่ยกัดฟันและใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อซื้อชุดราตรีสีขาวนี้
ในช่วงบ่าย หลังเลิกเรียน หลิงหลิงก็มาที่ร้านลิซ่าและพูดกับเจ้าของว่า
“ฉันต้องการชุดเจ้าหญิงสีขาว ไซส์ s เอามาให้ฉันได้เลย ”
“ขออภัยคุณผู้หญิง ชุดเจ้าหญิงสีขาว ไซส์ S สินค้าหมดครับ และสินค้าจะมาถึงโดยเร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า ”
“อะไรนะ ! “ข่งหลิงหลิงขมวดคิ้วทันที “ฉันเห็นเมื่อวานมันยังห้อยอยู่ที่หน้าต่าง ทำไมวันนี้มันหายไปล่ะ ? ”
“คุณนาย ชุดเจ้าหญิงสีขาวนั่นถูกซื้อไปเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว เหลือแต่ชุดสีชมพูครับ ”
ข่งหลิงหลิงโกรธจัดที่เธอช้าไปหนึ่งก้าว !