ท่าทางของเฝิงจื้อผิงทำให้คนอื่นรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก อย่าว่าแต่ฉินจุนเลย แม้แต่ข่งฝานหลินเองก็รู้สึกโกรธมาก
“นายคิดว่านายเป็นใคร?มาขอร้องให้คนอื่นไปช่วยรักษาแต่มาขอร้องด้วยท่าทางแบบนี้น่ะเหรอ ญาติคนไข้แบบนาย คลินิกของพวกเราไม่ต้อนรับ!”
ฉินจุนมองเฝิงจื้อผิงอย่างเย็นชา สีหน้าของเขาเองก็ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
“ฉันยังมีคนไข้ที่คลินิกที่ต้องดูแล ไม่ว่างออกไปรักษา”
พูดไปฉินจุนก็หันกลับไปทำการรักษาคนเร่ร่อนที่อยู่ตรงหน้าต่อ
เฝิงจื้อผิงขมวดคิ้ว “พวกนายรู้หรือเปล่าว่าปู่ของฉันเป็นใคร!?ฉันให้พวกนายไปรักษา แต่พวกนายกลับมารักษาไอ้พวกคนเร่ร่อนอย่างนั้นเหรอ?”
ฉินจุนยิ้มอย่างสมเพช “ไม่ว่านายจะมีฐานะเป็นอย่างไร แต่เข้ามาในคลินิกของฉัน ทุกคนถือว่าเป็นคนไข้ของฉันทั้งนั้น นายไม่ได้สูงส่งกว่าใครในนี้”
เฝิงจื้อผิงส่งเสียงอย่างไม่พอใจ “ฉันอุตส่าห์ไว้หน้าพวกแกยังไม่สำนึกอีก เสแสร้งกันจริง ๆ !”
พูดจบเฝิงจื้อผิงก็หมุนตัวเดินออกไปทันที
ตระกูลเฝิงของเขาเป็นตระกูลระดับไหน?ท่านผู้เฒ่าเฝิงป่วย มีหมอจำนวนมากที่แย่งกันเพื่อมารักษา แต่ไอ้เด็กน้อยฉินจุนนี้ มีความสามารถนักเหรอถึงได้เก๊กแบบนั้น?
ถ้าไม่ใช่เพราะหวังอี้สุ่ยแนะนำไม่เลิก เขาไม่มีทางมาที่กระจอก ๆ แบบนี้แน่นอน
เฝิงจื้อผิงกลับบ้านไปอย่างโมโห เฝิงชู่เฉียงก็รีบเอ่ยถามทันที “เป็นยังไงบ้าง เชิญท่านหมออัจฉริยะมาได้ไหม?”
เฝิงจื้อผิงส่งเสียงไม่พอใจ “เชิญแล้วครับ แต่มันไม่มา หมออัจฉริยะบ้าบออะไรกัน ลุงหวังเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ก็แค่ไอ้กระจอก เหมือนหมออัจฉริยะตรงไหน?”
เฝิงชู่เฉียงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา จริง ๆ แล้วเขาก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับพ่อหนุ่มคนนั้น อาชีพแพทย์แผนจีนนี้ ต้องแก่ถึงจะมากความสามารถ เพราะยิ่งอายุมากก็จะมีประสบการณ์การรักษาอย่างโชกโชน เด็กอย่างฉินจุนนี้จะไปมีความสามารถอะไร?
“แค่ก ๆ !”
ท่านผู้เฒ่าเฝิงไอออกมาสองที ก็เริ่มอาเจียนออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้แม้แต่น้ำย่อยสักหยดก็ไม่มีออกมา สิ่งที่อาเจียนออกมามีแต่เลือดทั้งหมด!
แถมเลือดที่อาเจียนออกมานับวันยิ่งข้นขึ้นเรื่อย ๆ น่ากลัวมาก ๆ
พอหมอคนนั้นเห็นเข้า สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เขารีบเอ่ย
“ท่านประธานเฝิงครับ ผมว่าไม่ไหวแล้ว ถ้าหากเหตุการณ์แบบเมื่อสักครู่นี้ยังพอมีโอกาสรอด 20% แต่ว่าตอนนี้เกรงว่าแม้แต่ 1%ก็ไม่ถึงครับ ผมคงทำการผ่าตัดให้ไม่ได้ คงต้องขอตัวลาครับ”
“ท่านประธานเฝิงครับ ผมเองก็ไม่มีความสามารถพอ ลาก่อนครับ”
พูดจบนายแพทย์ทั้งสองคนก็เก็บข้าวของออกไปทันที
สีหน้าของเฝิงชู่เฉียงก็เปลี่ยนไปทันที
“คุณหมอหลิว คุณหมอจ้าว นี่พวกคุณทำอะไรน่ะ!”
หมอสองท่านนี้เป็นหมอที่เชี่ยวชาญทางด้านระบบทางเดินอาหารมากที่สุด ถ้าหากว่าพวกเขาไป ถ้าอย่างนั้นก็ไม่รู้จะไปหาใครมาแล้วจริง ๆ
นายแพทย์ทั้งสองคนก็เอ่ยด้วยสีหน้าลำบากใจ “ท่านประธานเฝิงครับ อย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลยครับ สถานการณ์ในตอนนี้ พวกเราไม่มีทางรักษาได้จริง ๆ ”
ตระกูลเฝิงมีทั้งอิทธิพลและเงินทองมากมาย ถ้าหากพวกเขาสามารถรักษาอาการป่วยของผู้เฒ่าเฝิงให้หายดีได้ จะต้องได้รับค่าตอบแทนไม่น้อยแน่นอน
แต่ก่อนอื่นคือมันต้องมีเปอร์เซ็นต์ที่จะรักษาหายได้อย่างแน่ชัด ถ้าหากพวกเขาไม่มั่นใจพวกเขาก็ไม่กล้าให้การรักษา อาการของผู้เฒ่าเฝิงนี้ ต่อให้ท่านหมอฮว๋าถัวยังมีชีวิตก็รักษาให้ไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเขาเลย
ทันใดนั้นเฝิงชู่เฉียงก็โมโหเหมือนระเบิดลง มันไม่มีหนทางรักษาแล้วจริง ๆ หรือไงกัน!
และในขณะนั้นเอง ที่ด้านนอกก็มีรถหรูขับเข้ามาจอด หวังอี้สุ่ยเดินลงมาจากรถก่อนจะเดินเข้ามาในบ้าน พอเห็นท่านผู้เฒ่าที่นอนหายใจรวยรินบนเตียงผู้ป่วย สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“ชู่เฉียง!แพทย์อัจฉริยะฉินล่ะ?!”
ใบหน้าของเฝิงชู่เฉียงออกอาการทำตัวไม่ถูก เหลือบมองไปที่เฝิงจื้อผิงผู้เป็นลูกชายที่อยู่ด้านข้าง
เฝิงจื้อผิงส่งเสียงอย่างไม่พอใจ “ไอ้หมออัจฉริยะอะไรนั่น เชิญยากเชิญเย็นเหลือเกิน ผมเชิญแล้วมันไม่มา”
ทันใดนั้นหวังอี้สุ่ยก็ขมวดคิ้ว ถอนหายใจออกมา
“พวกนายต้องไปทำให้หมออัจฉริยะฉินไม่พอใจแน่ ๆ ฉันบอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ฝีมือการรักษาของคุณหมออัจฉริยะฉินนั้นเก่งที่สุด พวกนายก็ยังไม่เชื่อ!”
นายแพทย์ทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านข้าง พอได้ยินดวงตาก็เปล่งประกายทันที
“แพทย์อัจฉริยะฉิน?ที่คุณพูดหมายถึงปรมาจารย์ฉินจุนเหรอครับ?”
ฉินจุนนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมากในทุก ๆ โรงพยาบาล ไม่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคนไหนที่ไม่รู้จักปรมาจารย์ฉิน นายแพทย์ทั้งสองคนนี้ก็เช่นกัน
หวังอี้สุ่ยเอ่ย “ถูกต้อง ท่านปรมาจารย์ฉินนั่นแหละ คุณทั้งสองก็รู้จักเหรอ?”
พอพูดถึงปรมาจารย์ฉิน สีหน้าของทั้งสองคนก็แสดงถึงความเคารพนับถือ
“ปรมาจารย์ฉินมีชื่อเสียงมาก แน่นอนว่าพวกเราก็รู้จัก เพียงแต่พวกเราไม่เคยมีโอกาสได้พบท่านเลย ในเมื่อพวกคุณรู้จักปรมาจารย์ฉิน ทำไมพวกคุณไม่เชิญท่านมาตั้งแต่แรกล่ะครับ?”
สีหน้าของเฝิงชู่เฉียงและเฝิงจื้อผิงสองพ่อลูกออกอาการสับสน โดยเฉพาะเฝิงจื้อผิงที่รู้สึกผิด เขาไม่คิดเลยว่าไอ้เด็กหนุ่มนั่นจะเก่งขนาดนี้เชียวเหรอ?!
เฝิงจื้อผิงกัดฟันกรอด จำใจเอ่ยออกไป
“ผมไปเชิญเอง!ผมจะต้องเชิญปรมาจารย์ฉินมาให้ได้!”
พูดจบเฝิงจื้อผิงก็รีบพุ่งออกไปจากบ้าน ขับรถออกไปทันที เขาเหยียบคันเร่งมิดไมล์มาที่หน้าประตูคลินิกซวนหยวนอีกครั้ง
พอเข้ามาเย่หวันเอ๋อก็ขมวดคิ้วมุ่น
“คุณมาอีกทำไม?”
ท่าทางของเฝิงจื้อผิงที่มารอบก่อนหน้านี้ทำเอาทุกคนต่างไม่พอใจ คนไข้แบบนี้ต่อให้มีเงินพวกเขาก็ไม่อยากจะสนใจ
พอเธอพูดจบ เฝิงจื้อผิงก็ลงไปคุกเข่าที่พื้นทันที
“ท่านปรมาจารย์ฉินก่อนหน้านี้เป็นเพราะผมมีตาหามีแววไม่ ทำผิดต่อท่านอย่างมาก ผมจึงมาเพื่อขอโทษ ท่านปรมาจารย์ได้โปรดช่วยคุณปู่ของผมด้วย !”
เย่หวันเอ๋อพอเห็นเขาลงไปคุกเข่าก็รู้สึกแปลกใจ แต่ว่าก็ยังเบ้ปากพร้อมทั้งส่งเสียงอย่างไม่พอใจ
“ตอนนี้รู้จักขอโทษแล้วเหรอ?ทำไมไม่มาให้เร็วกว่านี้ล่ะ!”
พูดจบเย่หวันเอ๋อก็ไปทำธุระของตัวเอง ไม่สนใจเฝิงจื้อผิง
ฉินจุนกับข่งฝานหลินก็ทำการตรวจคนไข้ต่อ ปล่อยให้เฝิงจื้อผิงคุกเข่าอยู่ตรงนั้นไม่หันไปมองเลยสักนิด
เฝิงจื้อผิงเห็นดังนั้น ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไร นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น เหมือนกับค้างเอาไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความหนักแน่น ไม่ลุกไปไหน
เขานั่งคุกเข่าอยู่อย่างนั้นหนึ่งวันเต็ม ๆ
ในช่วงระหว่างนั้นฉินจุนกับข่งฝานหลินก็ทำการรักษาคนไข้ตลอดไม่ได้พัก ช่วงนี้ชื่อเสียงของคลินิกซวนหยวนแพร่หลายออกไป ทำให้มีคนไข้มากขึ้นเรื่อย ๆ
เฝิงจื้อผิงที่นั่งคุกเข่าเห็นแบบนั้น ยิ่งได้เห็นเขาก็ยิ่งรู้สึกทึ่ง
คนไข้ที่มามีหลากหลายรูปแบบ แต่งกายด้วยสีสันทุกรูปแบบ และมีทุกระดับทุกชนชั้น
แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นอะไรมา พอมาถึงมือฉินจุน ก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง
โรคที่รักษาได้เร็วก็หายทันตา ส่วนโรคที่รักษายากหน่อยก็บรรเทาอาการเจ็บป่วยให้เบาลง
สีหน้าคนไข้ตอนที่เดินเข้ามาต่างเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมาน แต่พอเดินออกใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ดูคนแต่ภายนอกไม่ได้จริง ๆ
หนุ่มวัยเพียงแค่เท่านี้ แต่กลับมีความสามารถขนาดนี้!
เวลาล่วงเลยจนกระทั่งสามทุ่มกว่า คนไข้ทั้งหมดได้รับการรักษาหมดแล้ว ส่วนเฝิงจื้อผิงยังคงนั่งคุกเข่าอยู่ตรงนั้นตลอดเวลา ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเป็นเวลากว่าหนึ่งวันเต็ม เฝิงจื้อผิงไม่ได้ดื่มน้ำเลยสักคำ นับว่ามีความแน่วแน่และยืนหยัด
ฉินจุนลุกขึ้นยืนพร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้า พร้อมกับแบกกระเป๋าพยาบาล เดินไปตรงหน้าเฝิงจื้อผิงพร้อมกับเอ่ย
“เห็นแก่ความกตัญญูของนาย ไปกันเถอะ”
เฝิงจื้อผิงเผยสีหน้าดีใจออกมาทันที “ขอบพระคุณมากครับ ท่านปรมาจารย์ฉิน!”
เฝิงจื้อผิงยืนขึ้น ขาทั้งสองข้างไร้ความรู้สึกไปแล้วใช้เวลาอยู่นานกว่าจะกลับมาปกติ เขารีบไปเปิดประตูรถอย่างรวดเร็วและลากตัวฉินจุนกลับมาที่บ้านตระกูลเฝิง
พอเข้ามาในบ้านตระกูลเฝิง ใบหน้าของเฝิงจื้อผิงก็เปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อเขาเห็นท่านผู้เฒ่าเฝิงที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้อาเจียนออกมาเป็นเลือดอีกแล้ว
“คุณปู่!”
ฉินจุนเอ่ย “พลิกตัวคนไข้ ผมจะทำการฝังเข็ม”
พอเขาเอ่ยจบ ที่ด้านหลังของเขาก็มีเสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นมา
“ไม่ได้!จะฝังเข็มไม่ได้!”