หลังจากเหตุการณ์ใส่ร้ายป้ายสีครั้งที่แล้ว จู้หมิงก็อยู่นิ่ง ๆ มาหลายวันแล้ว แต่ช่วงนี้เมื่อเห็นครอบครัวของจู้หลินหลินยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือถังเสินหมายเลข 2 ของจู้หลินหลินยังไม่ได้ถูกส่งออกไปเลย
ตอนนี้โปรเจ็กต์ที่ทำกำไรได้มากที่สุดของตระกูลจู้คือถังเสินหมายเลข 2 ซึ่งอยู่ในมือของจู้หลินหลิน แม้ว่าจู้หมิงจะมีหุ้นมากแต่ก็ไร้ประโยชน์ แม้เขาจะมีชื่อเสียงแต่เขาก็ไม่มีสิทธิอะไรเลยในบริษัท
ดังนั้นจู้หมิงจึงต้องการหาโอกาสที่จะจัดการครอบครัวของจู้หลินหลินอยู่ตลอดโดยเฉพาะต่อหน้าคุณย่า
คุณย่ามองไปที่มือเปล่าของหวังหยุน เธอรู้สึกไม่พอใจจริง ๆ เธอก็รู้ด้วยว่าหวังหยุนเป็นหัวหน้าครอบครัวที่คอยรับผิดชอบครอบครัวนี้
ถ้าเป็นวันปกติก็ไม่เป็นไร แต่วันนี้มีแขกมากันเยอะขนาดนี้ แต่ไม่ถือของขวัญมาให้เลยนี่คนนอกจะมองว่าเป็นเรื่องน่าหัวเราะเยาะไหม?
“เฮอะ!” คุณย่าแค่นหัวเราะออกมาอย่างไม่พอใจ
หวังหยุนก็พ่นลมอย่างเย็นชา “พี่ใหญ่ พี่ก็มามือเปล่าเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
จู้หมิงหัวเราะเยาะเย้ย “ฉันจะมามือเปล่าได้อย่างไรล่ะ ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ฉันจะเอาออกมาก่อนเลยก็แล้วกัน เพราะยังไงฉันก็เป็นพี่ใหญ่”
หลังจากพูดจบ จู้หมิงก็หยิบภาพวาดออกมา เปิดม้วนกระดาษออกกลิ้งจากบนลงล่าง
บนม้วนกระดาษเป็นภาพวาดทิวทัศน์โบราณซึ่งดูเก่ามากและให้ความรู้สึกถึงอายุที่มาก
ทุกคนรู้ดีว่าหญิงชราชอบของโบราณ ดังนั้นจึงเลือกสิ่งที่เธอชอบมา
จู้หมิงกล่าวว่า “ภาพนี้คือภาพวาด”แผนที่ท่องเที่ยวเขาซีซาน” ของอาจารย์ฟ่านกวนแห่งราชวงศ์ซ่งเหนือ ฉันต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อซื้อมันมาให้ได้ด้วยราคากว่า 8 ล้าน!
ว้าว!
เมื่อได้ยินราคา ทุกคนต่างก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ!
แปดล้าน!
การซื้อภาพวาดในราคา 8 ล้านนั้นฟุ่มเฟือยจริง ๆ
หญิงชราพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “ดีมากๆๆ! ที่โลกพูดถึงถังป๋อหู่ส่วนใหญ่เป็นเพราะถังป๋อหู่ไม่เพียงแต่วาดภาพได้ดีเลิศเท่านั้น แต่เขายังมีความสามารถในด้านอื่นๆ อีกด้วย”
“แต่อย่างฟ่านกวนเขาเป็นจิตรกรที่ประสบความสำเร็จในการวาดภาพ แม้ว่าเขาจะไม่ได้โด่งดังมากขนาดนั้น แต่ภาพวาดของเขานั้นมีราคาไม่น้อยเลย ดีมาก ฉันชอบมันมาก มีความพยายามมาก”
จู้หมิงแสดงสีหน้าภูมิใจ และมองหวังหยุนอย่างเยาะเย้ย
“น้องสะใภ้บอกให้ฉันเอาออกมาก่อน ตอนนี้ฉันก็เอาออกมาแล้ว เธออายที่จะเอาของขวัญของเธอออกมาล่ะสิ?”
“เมื่อเทียบกับ “แผนที่ท่องเที่ยวเขาซีซาน” ของฉัน ของขวัญในกระเป๋าของเธอคงจะดูด้อยไปทันทีเลยสินะ เหอะๆ”
ฉินจุนแค่นหัวเราะอย่างเย็นชาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
“ก็แค่ภาพวาดปลอม มีอะไรให้อวดนักหนา”
เมื่อเสียงลดลง ใบหน้าของจู้หมิงก็เปลี่ยนไปทันที
“อะไรนะ! แกบอกว่าของใครเป็นภาพวาดปลอม! แกพูดมาให้ชัดเลยนะ!”
ท่าทางโกรธจัดของจู้หมิงเหมือนกับคนกินปูนร้อนท้อง รีบปกป้องตัวเองทันที
ฉินจุนก้าวไปข้างหน้า มองไปที่ภาพวาดนั้นและกล่าวว่า
“ภาพวาดนี้เป็นของปลอมจริงๆ แม้ว่าจะเลียนแบบจนคล้ายกันมาก และการทำให้ดูเก่าก็ทำได้ดีมาก แต่ก็ยังสามารถมองออกได้ว่านี่ไม่ใช่ของจริง”
“หลักฐานที่สำคัญที่สุดอยู่ตรงนี้”
ขณะที่พูด ฉินจุนก็ชี้ไปที่ป่าไผ่ใต้น้ำตกในภาพวาด ด้านล่างเขียนคำว่า ‘แผนที่ท่องเที่ยวเขาซีซานของฟ่านจงลี่แห่งราชวงศ์ซ่งเหนือ’
จู้หมิงจ้องเขม็ง
“ไอ้แซ่ฉิน แกอย่ามาจาพูดไร้สาระที่นี่ ตัวอักษรเหล่านี้มันทำไม นี่คือตัวอักษรที่ฟ่านกวนเขียนเองกับมือ!”
ถ้าจู้หมิงไม่อธิบายจะดีกว่า พอเขาพูดอย่างนั้น ใบหน้าของหญิงชราก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ฉินจุนยิ้มและกล่าวว่า “คนที่รู้จักภาพวาดพู่กันก็น่าจะรู้เกี่ยวกับภาพวาดนี้ ภาพวาด” แผนที่ท่องเที่ยวเขาซีซาน” นี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพวาดแรกในราชวงศ์ซ่งเหนือ และต่อมาก็ตกไแอยู่ในมือเฉียนหลง ”
“ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเฉียนหลงชอบทิ้งความเป็นตัวเองไว้ เช่น คำบรรยายภาพ หรือแม้แต่ตราประทับหยกของเขาบนภาพวาดที่มีชื่อเสียงต่างๆ”
“และแน่นอนว่า”แผนที่ท่องเที่ยวเขาซีซาน”นี้ก็หนีไม่พ้นการเขียนของเฉียนหลง”
“อักขระเล็กๆ เหล่านี้ ‘แผนที่ท่องเที่ยวเขาซีซานของฟ่านจงลี่แห่งราชวงศ์ซ่งเหนือ” มาจากลายมือของเฉียนหลง ภาพวาดมาจากราชวงศ์ซ่งเหนือ แต่อักษรนี้มาจากราชวงศ์ชิง
“แต่อักษรเหล่านี้เหมือนกันกับรอยเขียนอื่นๆเลย มันจึงเป็นของปลอมไม่ใช่หรือ?”
ราชวงศ์ซ่งเหนือและราชวงศ์ชิงห่างกันตั้งหลายปีแล้ว ตัวอักษรที่เฉียนหลงเขียนจะเหมือนกับตัวอักษรดั้งเดิมได้อย่างไร และร่องรอยระดับความเบลอของลายมือจะเหมือนกันทุกประการได้อย่างไร
เห็นได้ชัดว่าตอนที่ทำภาพวาดนี้ขึ้นมาไม่รู้ข้อมูลนี้ คิดว่าตัวอักษรกับภาพเขียนในยุคเดียวกัน
กล่าวได้ว่าของปลอมนี้เกรดต่ำมาก ต่ำกว่าของปลอมทั่วไปเสียอีก
ใบหน้าของจู้หมิงบูดเบี้ยวมาก แม้ว่าฉินจุนจะพูดอย่างชัดเจนแล้ว แต่เขาก็ยังกัดฟันแน่นไม่ยอมรับ
“แกจะไปรู้อะไรล่ะ! สิ่งที่มีชื่อเสียงขนาดนั้น การประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญก็ยังต้องใช้อุปกรณ์ระดับมืออาชีพ แกมาพูดลอยๆว่ามันเป็นของปลอมเนี่ยนะ?”
ฉินจุนหัวเราะเยาะ “คุณย่าโอวหยางรู้จักโบราณวัตถุดีที่สุด ให้เธอดูก็ได้ ดูว่าเงินแปดล้านนี้สุดท้ายใครจะได้ไป”
ใครก็ตามที่พอจะรู้เกี่ยวกับภาพวาดพู่กันโบราณก็น่าจะรู้ว่าสิ่งที่ฉินจุนเพิ่งพูดไปนั้นถูกต้อง
ใบหน้าของจู้หมิงซีดเผือด ยื่นภาพวาดนั้นให้หญิงชราอย่างสั่นเทา ศีรษะของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ
หญิงชรารับภาพนั้นไป เมื่อมองไปที่ภาพคิ้วของเธอก็ย่นเข้าหากันเล็กน้อย ใบหน้าของเธอนิ่งขรึม จากนั้นเธอก็แค่นหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา
“เห็นได้ชัดว่านี่เป็นภาพวาดจริง คุณกำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไร!”
ทันใดนั้น ทุกคนก็ตกตะลึง
ที่ฉินจินเพิ่งพูดอย่างมีเหตุผลไปเมื่อกี้ เขาไม่คิดเลยว่าหญิงชราจะพูดอย่างนี้
ฉินจุนผงะไปครู่หนึ่งแล้วยิ้มอย่างขมขื่น
หญิงชราย่อมดูออกอยู่แล้วว่านี่เป็นภาพวาดปลอม สามารถเห็นได้จากสีหน้าที่เธอได้รับภาพวาดเมื่อครู่นี้ เธอเห็นแล้ว แต่สุดท้ายเธอก็ยังบอกว่าภาพวาดนั้นเป็นของจริง เห็นได้ชัดว่าหญิงชราเข้าข้างจู้หมิง ไม่ว่าใครจะถูกหรือผิด
หญิงชราแค่นหัวเราะอย่างเย็นชา “หลินหลิน เดี๋ยวนี้ครอบครัวแกเริ่มแย่ลงเรื่อยๆเลยนะ ถ้าไม่นำของขวัญมาให้ก็ไม่ว่ากัน แต่ลุงของแกอุตส่าตั้งใจให้ของเก่าแก่กัับฉัน พวกแกยังบอกว่าเป็นของปลอมอีก มันเกินไปไหม?”
หวังหยุนไม่คิดว่าฉินจุนจะทำให้เสียเรื่องอย่างนี้ เธอจึงถลึงตาใส่เขาทันที
“ยังไม่รีบไปหยิบของขวัญออกมาอีก!”
เด็กคนนี้อย่าทำให้เสียเรื่องเชียวนะ มีเงินตั้งสิบล้าน คงไม่ได้ซื้อของขวัญแค่หมื่นสองหมื่นมาหรอกใช่ไหม?
ฉินจุนหยิบม้วนไม้ไผ่ออกมา
หวังหยุนรีบมอบมันให้หญิงชรา และกล่าวว่า
“แม่คะ ดูนี่สิ”
หญิงชรามีใบหน้าเย็นชา เธอไม่สนใจอะไรมาก เพราะฉินจุนเป็นคนนำมันออกมา เขาก็เป็นแค่คนต่ำๆคนหนึ่ง คุณชายตกอับจะไปมีของขวัญล้ำค่าอะไรกัน?
แต่ทันทีที่ได้รับม้วนไม้ไผ่นี้มา ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามันพิเศษมาก
หลังจากเปิดออก ดวงตาของหญิงชราก็ส่องประกาย
“ชิงหนางจิง?!”
แม้ว่าหญิงชราจะไม่เข้าใจทักษะทางการแพทย์ แต่เธอก็ยังรู้จักหวาถัวในฐานะแพทย์อัจฉริยะที่มีชื่อเสียงที่สุด หวาถัวมีผลงานหลงเหลืออยู่ไม่มากนัก ม้วนไม้ไผ่นี้เป็นสมบัติที่ตกทอดมาอย่างแน่นอนและราคาอย่างน้อยต้องอยู่ที่สิบล้านหยวน แต่จำนวนเงินที่แน่นอนนั้นยากที่จะตีราคาได้
หญิงชราชอบมากจนไม่สามารถวางมันลงได้ ถือม้วนไม้ไผ่มองไปทางซ้ายและขวา
จู่ๆ ก็มีใครบางคนพูดขึ้น
“ผู้อาวุโสครับ ชิงหนางจิงนี้เป็นของปลอมหรือเปล่า?”