ผู้รักษาสุดแกร่ง – ตอนที่ 94

พอเห็นซูเหวินฉีปรากฏ สีหน้าของจู้หมิงและจู้ซานกูก็เปลี่ยนไปทันที

ซูเหวินฉี !

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ค่อยรู้เรื่องวงการบันเทิง แต่ก็ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของซูเหวินฉี โด่งดังคนรู้จักทั่วบ้านทั่วเมือง เป็นราชินีแห่งวงการบันเทิง!

โหวยวิ๋น ถึงแม้ว่าจะมีชื่อเสียงมานาน แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความโด่งดังและอิทธิพลนั้น เทียบไม่ได้กับซูเหวินฉี

ทั้งสองคนไม่ได้อยู่ระดับเดียวกันเลยด้วยซ้ำ คิดไม่ถึงเลยว่า ยัยจู้หลินหลินจะเชิญซูเหวินฉีมาเป็นพรีเซนเตอร์ได้!

ในโฆษณา ซูเหวินฉีเล่นเป็นนักข่าว

ตามกล้องไป เธอเดินเข้าไปในบ้านของคนชาวบ้านคนหนึ่ง

ภายในบ้านมีผู้ป่วยโรคเบาหวานกำลังนอนอยู่บนเตียง โดยฉีดอินซูลินเข้าไปในท้องเพื่อลดน้ำตาลในเลือด เตรียมจะทานอาหาร

ตอนนั้นเองซูเหวินฉีก็ส่งถังเสินหมายเลข 2 ให้

หลังจากผู้ป่วยทานยาเข้าไป ก็ทำการเช็กค่าน้ำตาลในเลือด พอผลออกมาทุกคนก็ต่างทำท่าทางตกใจ

หลังจากนั้น ผู้ป่วยก็กินข้าวในจานที่ไม่ได้กินมานานอย่างตื่นเต้น ดื่มเครื่องดื่มที่ไม่ได้ดื่มมานาน

โฆษณามีระยะเวลาไม่นาน ประมาณ 30 วินาที ไม่มีบทสนทนา มีเพียงดนตรีประกอบ ในช่วงเวลานั้นจะมีการถ่ายโคลสอัพของยาถังเสินหมายเลข 2 และถ่ายสโลว์โมชั่นเล็กน้อย การทำโฆษณาประเภทนี้ดูผิวเผินก็ไม่ได้มีความคิดสร้างสรรค์อะไร ออกจะดูธรรมดาด้วยซ้ำไป

แต่ว่าในแง่มุมของการโปรโมตทำให้คนดูเข้าใจนั้น กลับตราตรึงและทำให้คนจดจำ

รู้ไหมว่าจู้หลินหลินลงทุนกับค่าโฆษณาสองพันล้านหยวน ในด้านการทำโฆษณานั้นเธอทุ่มไม่อั้น

หลังจบโฆษณา ครอบครัวจู้หมิงก็ตกอยู่ในความเงียบทันที สีหน้าแต่ละคนต่างเคร่งเครียดอย่างสุด ๆ

การตลาดของถังเสินหมายเลข 2 นี้ เกรงว่าคงจะสกัดไม่อยู่แล้ว ทั้งมีประสิทธิภาพ มีการโปรโมต มีพรีเซนเตอร์ เมื่อใดที่ออกสู่ตลาดมันต้องดึงดูดความสนใจจนสะเทือนวงการแน่ ๆ

“ยานี้ของพวกมันขายเท่าไหร่?”

“พี่ใหญ่ เหมือนว่าจะขายอยู่ที่ แปดร้อยกว่าหยวนนะ”

แปดร้อยกว่าหยวน……

จู้หมิงอิจฉาริษยาจนกัดฟันกรอด เขารู้ดีว่า ผลลัพธ์ของยานี่ อย่าว่าแต่แปดร้อยกว่าหยวนเลย ต่อให้แปดพันหยวนก็มีคนซื้อ

ถ้าหากจู้หลินหลินขายราคาสูงกว่านี้ก็ยังดี เขายังสามารถอยู่ในตลาดราคาล่างขายให้พวกลูกค้าที่ไม่มีเงินซื้อยาราคาแพงได้

แต่ว่าตอนนี้ ยาถังเสินหมายเลข 2 ราคาแปดร้อยกว่าหยวนก็ไม่ได้ถือว่าแพงมาก ผู้ป่วยที่สามารถซื้อยาถังโยว่สองขวดต่อเดือนได้ ก็สามารถซื้อยาถังเสินหมายเลข 2 ได้แน่นอน

ตอนนี้พวกเขาจบเห่แล้ว

ไม่นาน โทรศัพท์ของจู้หมิงก็ดังขึ้น

“ฮัลโหล ประธานสวี่?อะไรนะ!จะหยุดร่วมมือกับเรา?แต่ว่าสัญญาของเรายังเหลืออีกตั้งครึ่งปีนะ แบบนี้ถือว่าคุณผิดสัญญานะ……”

หลังจากนั้นไม่กี่วินาที สีหน้าของจู้หมิงก็เคร่งเครียดเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างสับสนหลายรอบ

เขาขมวดคิ้วและมีสีหน้าเคร่งเครียดทันทีหลังจากวางสาย

“ประธานสวี่ยอมละเมิดสัญญา และต้องการยุติความร่วมมือกับพวกเรา พวกเขาต้องการได้สิทธิ์ตัวแทนของยาถังเสินหมายเลข 2”

จู้ซานกูได้ยินดังนั้นก็ตบโต๊ะลุกขึ้นยืน “อะไรนะ!ที่แท้ยัยเด็กนั่นตั้งใจขัดขาเรา?ถึงได้ใช้กฎนี้มาบีบบังคับพวกเรา?หล่อนยังเป็นคนของตระกูลจู้อยู่ไหม ทำไมถึงได้หน้าด้านขนาดนี้!”

จู้ซานกูก็เป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้ เวลาที่เธอวิจารณ์คนอื่น เธอเป็นคนตรงไปตรงมามาก แต่เวลากับตัวเองเธอไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนั้นบ้างเลย

สิ่งที่พวกเขาทำกับจู้หลินหลินก่อนหน้านี้ก็ถูกลืมไปหมด

จู้หมิงถอนหายใจ “จบแล้ว ยัยจู้หลินหลินมันทำให้พวกเราจนตรอก!”

จู้ซานกูครุ่นคิดทันใดนั้นก็เอ่ย

“พี่ใหญ่ ฉันยังมีอีกวิธีหนึ่ง!”

“วิธีอะไร?”

“ฉันได้ยินมาว่าประธานใหญ่ของซวนหยวนกรุ๊ป ไม่ใช่เมิ่งเหวินกัง แต่เป็นคนอื่น!”

จู้หมิงเลิกคิ้วขึ้นทันที “หืม?เธอรู้ได้ยังไง?”

“ฉันรู้จักหนึ่งในผู้จัดการใหญ่ของพวกมัน เขาบอกฉันว่า ประธานใหญ่ของซวนหยวนกรุ๊ปต่างหากที่เป็นใหญ่คนโตของจริง ขนาดเมิ่งเหวินกังยังต้องทำงานให้เขา”

จู้หมิงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกประหลาดใจ บริษัทใหญ่โตเจ๋ง ๆ อย่างตระกูลเมิ่งกรุ๊ปยังต่อทำงานให้กับคนอื่นอีกเหรอ?

แต่ว่าเรื่องนี้ก็ดูมีความน่าเชื่อถืออยู่หรอก เพราะดูจากแนวโน้มในเดือนนี้แล้ว ตระกูลเมิ่งกรุ๊ปได้ทำการโอนย้ายเงินทุน ทรัพยากรบุคคลและสิ่งของต่าง ๆ ไปรวบรวมไว้ที่ซวนหยวนกรุ๊ป

ราวกับว่าซวนหยวนกรุ๊ปเป็นธุรกิจหลักของตระกูลเมิ่งกรุ๊ปอย่างนั้นเลย

ตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ ตระกูลเมิ่งกรุ๊ปก่อตั้งในตงไห่มาตั้งหลายปี มีทั้งชื่อเสียงและฐานลูกค้าที่แน่นหนา ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปเปิดบริษัทใหม่มาแข่งกับบริษัทตัวเอง

แต่ตอนนี้พอมาลองคิดดูแล้ว ดูเหมือนว่าซวนหยวนกรุ๊ปจะเป็นเจ้านายที่แท้จริง ?เมิ่งเหวินกังเป็นแค่คนที่ทำงานให้?

จู้หมิงมองหน้าจู้ซานกูก่อนจะเอ่ยถาม

“น้องพี่ เธอหมายความว่าอะไร?”

ใบหน้าของจู้ซานกูเผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมา พร้อมกับเอ่ยนิ่ง ๆ

“พี่ใหญ่ ถ้าหากว่าเมิ่งเหวินกังเป็นแค่ลูกน้อง เขาใช้อำนาจของตัวเองลงทุนให้กิ๊กอย่างจู้หลินหลินตั้งกี่พันล้าน พี่ว่าเรื่องแบบนี้ถ้าหากเจ้านายใหญ่รู้เข้า มันจะเป็นยังไงล่ะ?”

ทันใดนั้นดวงตาของจู้หมิงก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที “ความหมายของเธอคือ ทำลายเมิ่งเหวินกังงั้นเหรอ?!”

จู้ซานกูยิ้มบาง ๆ “เมิ่งเหวินกังสนับสนุนจู้หลินหลิน ส่วนตระกูลซูกับตระกูลหัวต่างก็สนับสนุนพวกเรา เมื่อใดที่เมิ่งเหวินกังหมดอำนาจ……”

จู้ซานกูไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ว่าเห็นได้ชัดเจนว่า เมื่อใดที่เมิ่งเหวินกังหมดอำนาจ เมื่อนั้นบริษัทยาตระกูลจู้ก็จะลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง

“ความคิดนี้มันก็ดีอยู่หรอก แต่ว่าเราจะไปคุยกับประธานใหญ่ของซวนหยวนกรุ๊ปได้ยังไง?”

“พี่ใหญ่เรื่องนี้พี่วางใจได้ ฉันรู้จักกับผู้จัดการใหญ่ของซวนหยวนกรุ๊ป เรื่องนี้ฉันคุยกับเขาได้อยู่แล้ว!”

“ดี น้องสาม ถ้าอย่างนั้นเธอก็ลงมือเลย ถ้าสำเร็จ เธอจะกลายเป็นฮีโร่ของครอบครัวเราเลยล่ะ!”

จู้ซานกูพยักหน้า จากนั้นก็รีบดำเนินการ

……

ไม่นาน ที่ห้องทำงานผู้จัดการใหญ่ของตึกสำนักงานซวนหยวนกรุ๊ป จู้ซานกูนั่งอยู่บนตักของชายวัยกลางคนคนหนึ่ง พร้อมกับโอบรอบลำคอ บิดตัวเล็กน้อย หยอกล้อชายที่อยู่ข้างๆ เธอ

“พี่เฉียนขา พี่เฉียนช่วยน้องหน่อยนะคะ……”

เฉียนตงหลายได้แต่กลืนน้ำลาย ค่อนข้างลังเล

“โถ่น้องจ๊ะ ไม่ใช่ว่าพี่ไม่อยากจะช่วยน้องหรอกนะ แต่การเล่นงานท่านประธานเมิ่ง มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยนะ พี่ต้องพิจารณาดี ๆ ก่อนถึงจะได้ !”

“เรื่องนี้มันยังมีอะไรให้ต้องพิจารณาอีกคะ นายเมิ่งเหวินกัง ใช้ชีวิตไม่รู้จักระมัดระวัง คบชู้สาวกับหลานของฉัน แถมยังใช้อำนาจส่วนตัวลงทุนให้บริษัทจะเจ๊งแหล่มิเจ๊งแหล่อย่างนั้นตั้งห้าพันล้านหยวน หลักฐานขนาดนี้ยังไม่เพียงพออีกเหรอคะ?”

เฉียนตงหลายขมวดคิ้ว “แน่ใจหรือว่าประธานเมิ่งมีอะไรในกอไผ่กับหลานสาวของน้อง?”

“ยังต้องบอกอีกเหรอคะ หลานสาวของฉันเองฉันจะไม่รู้เลยเหรอ?ถ้าพวกเขาไม่เคยนอนด้วยกัน แล้วบริษัทยาเหวินเหอจะมีเงินลงทุนมหาศาลขนาดนี้ได้อย่างไร”

เฉียนตงหลายพยักหน้า ที่พูดมาก็ไม่ผิด เพราะบริษัทยาเหวินเหอก็ไม่ได้มีความสามารถมากมายอะไรขนาดนั้น

ในแง่ของการลงทุน ไม่จำเป็นต้องลงทุนมหาศาลในบริษัทที่ไม่ได้โดดเด่นเช่นนี้

การลงทุนระยะแรกของซวนหยวนกรุ๊ป 5 พันล้าน ให้บริษัทยาเหวินเหอไปแล้ว 4.9 พันล้าน ต่อมาตระกูลเมิ่งกรุ๊ปควักเพิ่มอีก 5 พันล้าน ไป ๆ มา ๆ ลงทุนมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านแล้ว!

ถ้าบอกว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ ใครจะเชื่อ?

จู้ซานกูใช้เรือนร่างของเธอเสียดสีร่างกายของเฉียนตงหลาย พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน

“พี่เฉียนขา พี่เคยเจอประธานใหญ่ตัวจริงใช่ไหม?เมิ่งเหวินกังแค่ทำงานให้เขาอีกทีหนึ่งใช่ไหมคะ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset