กวงโถวชะงักไปครู่หนึ่ง หนึ่งร้อยกว่าคน ?
บ้าหรือเปล่า ?
แค่จัดการไอ้เด็กกระจอกนี่คนเดียว มากันทำไมมากขนาดนี้ ?
“มันต้องเป็นเรื่องบังเอิญแน่ ต่อให้เป็นผู้จัดการหวัง ก็คงไม่สามารถรวมคนมากมายขนาดนี้ได้ภายในเวลาสั้นๆหรอก ! ”
สำหรับเขาแล้ว คิดว่าที่ผู้จัดการหวังปกป้องฉินจุน เหตุผลเพียงเพราะว่าเขาทานข้าวอยู่ในภัตตาคารและต้องการจะปกป้องแขกของร้านเท่านั้น
เพื่อลูกค้าคนเดียว ต่อให้เป็นลูกค้าบัตรแพลทตินั่มก็เถอะ เป็นไปไม่ได้ที่จะมาเสียเวลาโทรเรียกคนมากมายมาหรอก ? เขาคิดว่าเขาเป็นใครกัน ?
ลูกน้องอีกสองสามคนก็พยักหน้าเช่นกัน รู้สึกว่าต้องเป็นเรื่องบังเอิญแน่ คนตรงหน้าเหล่านี้เป็นแค่ครอบครัวธรรมดาๆ จะมีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ได้ยังไง ?
ใบหน้าของซุนต้าเหมยเจ็บปวดและร้อนลุ่ม ใบหน้าเต็มความขุ่นเคือง
“กวงโถว ! จัดการพวกมัน จัดการพวกมันให้สาสม ! ”
หยางซินเฉิงกัดฟันด้วยความโกรธ “พี่กวง จัดการเรื่องวันนี้เสร็จผมจะเพิ่มเงินให้อีก ! ”
กวงโถวพยักหน้า “น้องหยางไม่ต้องกังวล วันนี้มีฉันอยู่ ไม่ว่าใครก็ไม่ไว้หน้าทั้งนั้น ”
เมื่อสิ้นเสียงลงด้านนอกก็มีเสียงตะโกนโหวกเหวก
“ไอ้สวะ แม้แต่ฉันก็ไม่พอให้แกไว้หน้าใช่ไหม ! ”
ชายคนหนึ่งสวมชุดสูทสีดำเดินเข้ามาเปิดประตูห้องอาหาร
กวงโถวตกตะลึง “หลง……นายท่านหลง ? ”
เมื่อเห็นว่าเป็นหลงอี้ฮุย กวงโถวขาสั่นจนแทบจะทรุดลงกับพื้น
หลงอี้ฮุยเป็นใครน่ะหรอ ?
เป็นคนใหญ่โตที่เขาไม่แม้แต่จะคิดไปมีเรื่องด้วย ไม่ว่าอยู่ข้างนอกเขาจะทำเสียชื่อเสียงแค่ไหนก็ตาม ดังนั้นเดิมทีหลงอี้ฮุยก็ไม่ได้สนใจเขาอยู่แล้ว
หลายปีมานี้ กวงโถวใช้ชื่อหลงอี้ฮุยเที่ยวหลอกต้มคนอื่นไปไม่น้อย วันนี้ต้องมาเผชิญหน้ากับหลงอี้ฮุย เขาไม่มีความกล้าที่จะอวดดีอีกแล้วจริงๆ
หยางซินเฉิงไม่รู้จักหลงอี้ฮุย และจากความสามารถของเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะได้ใกล้ชิดกับหลงอี้ฮุย เขาขมวดคิ้วและพูดว่า
“แกเป็นใคร ! ฉันบอกจะบอกให้นะ วันนี้ไม่ว่าใครหน้าไหนกวงโถวก็ไม่ไว้หน้าทั้งนั้น ! ”
หยางซินเฉิงพูดจบ เสียงอึกทึกก็ดังมาจากด้านนอกอีกครั้ง
“งั้นหรอ ? เพ่ยเหลียงอย่างฉันก็ไม่พอให้ไว้หน้าหรอ ? ”
ลูกพี่เพ่ยพูดในขณะที่ก้าวเท้าผลักประตูเข้ามา ทำให้สามารถมองเห็นด้านนอกล้อบบี้ที่เต็มไปด้วยคนมากมายล้อมรอบภัตตาคารนี้ไว้ทั้งหมดแล้ว
เพ่ยเหลียงมองกวงโถวด้วยสีหน้าเข้มขรึม พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“หน้าฉันพอมั้ย ? ”
กวงโถวงงไปหมด ลูกพี่เพ่ย……คิดไม่ถึงว่าจะมาจริงๆ ?
ก็แค่ลูกค้าคนหนึ่ง ทำไมลูกพี่เพ่ยต้องออกหน้าด้วยตัวเอง ?
เพ่ยเหลียงเข้ามาได้ยังไม่ถึงหนึ่งนาที ก็มีอีกเสียงหนึ่งดังเข้ามา
“ถ้าเกิดว่าหน้าของเพ่ยเหลียงยังไม่พอ งั้นก็เพิ่มหน้าฉันต้วนเป่าตงคนนี้เข้าไปอีกคนเป็นไง ? ”
ประตูของห้องอาหารเปิดออกอีกครั้ง ต้วนตงเป่าเดินเข้ามาอย่างน่าเกรงขาม จิตวิญญาณอาฆาตแผ่ออกมาจากร่างกายซึ่งเป็นเอกลักษ์ของความเหนือชั้น
ต้วนตงเป่ามองกวงโถวด้วยสายตานิ่งเรียบและสูดลมหายใจ
“แกนี่มันเก่งจริงๆนะ หน้าคนตั้งมากมายเหล่านี้ก็ไม่พอหรอ ? ”
ขาของกวงโถวอ่อนลง เขาคุกเข่าลงกับพื้นอ้าปากค้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง
เหมือนมีพายุถาโถมเข้ามาในใจ สมองว่างเปล่าไปหมด !
นายท่านหลง……ลูกพี่เพ่ย พี่ตง !
คนใหญ่คนโตเหล่านี้มายืนอยู่ตรงหน้าเขาหมดแล้ว หนึ่งในคนเหล่านี้ไม่ว่ายังไงก็ห้ามทำให้เขาต้องรู้สึกขุ่นเคือง ในวันนี้ทั้งสามคนมาด้วยเรื่องเดียวกัน ต่อให้กวงโถวมีสิบชีวิตก็ไม่พอให้คนพวกนี้จัดการหรอก !
“ลูกพี่เพ่ย พี่ตง……ผม ผมไม่รู้เรื่องนะ ! ”
เรื่องมาถึงตอนนี้ กวงโถว งงไปหมดแล้ว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะอธิบายเรื่องนี้ยังไงดี
คนใหญ่คนโตเหล่านี้เหมือนกับภูเขาใหญ่สองสามลูกอย่างไรอย่างนั้น กดเอาไว้จนเขาลุกไม่ขึ้น
ต้วนตงเป่ามองดูสถานที่เกิดเหตุ เขาคงวิเคราะห์ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ตอนนี้จะให้โอกาสได้ชดเชยความผิดพลาดของแก ถ้าเกิดฉันไม่พอใจหละก็ ชีวิตน้อยๆของแกก็ยากจะรักษาไว้ ”
ทันทีที่ต้วนเป่าตงพูดออกมา กวงโถวก็ดีใจอย่างมาก ราวกับว่าเขากำลังได้รับการนิรโทษกรรม มีโอกาสให้ได้ชดเชยความผิด ดีจริงๆ !
กวงโถวลุกขึ้นยืนแล้วหันมองหยางซินเฉิงด้วยสีหน้าเข้มขรึม
“แกหาเรื่องให้ฉันซวยใช่ไหม ฉันจะฆ่าแก ! ”
กวงโถวหยิบขวดเหล้าขึ้นมาตีไปที่หัวของหยางซินเฉิง
เสียงเพล้งดังขึ้นมา ขวดเหล้าแตก ศีรษะของหยางซินเฉิงเต็มไปด้วยเลือด
เดิมทีร่างกายของเขาบอบบางและผอมอยู่แล้ว จะทนรับแรงตีของกวงโถวได้อย่างไร ?
“พี่กวง ! พี่ทำอะไรเนี่ย ทำผมทำไม พี่เอาเงินจากผมไป5หมื่นหยวนแล้วนะ ! ”
“รอแกตายก่อนแล้วฉันจะเผาไปให้ ! ”
พูดจบ กวงโถวก็กดหยางซินเฉิงไว้กับพื้น แล้วกระทืบซ้ำ
ต้วนเป่าตงและเพ่ยเหลียงรีบมองไปยังฉินจุนเหมือนกับกำลังรอคำสั่ง
ฉินจุนกล่าว “พอแล้วถ้าไม่มีอะไร งั้นฉันก็จะกลับแล้ว ”
พูดจบฉินจุนก็ประคองป้ารองและทั้งสามก็ออกจากห้องอาหารไป
เมื่ออกมาจากห้องอาหารถึงได้รู้ว่ามีคนมากมายยืนอยู่ด้านนอก อย่างน้อยก็มีสัก200คน !
ถังหมิ่นตกใจ แต่เมื่อคนเหล่านี้เห็นหน้าของฉินจุนก็รีบพากันหลีกทางให้ด้วยความเคารพ ทำเอาถังหมิ่นสับสนไปหมดแล้ว
เมื่อทั้งสามขึ้นมาบนรถถังหมิ่นจึงถาม
“เสี่ยวจุน เรื่องวันนี้ คนพวกนั้นคือใครหรอ ? ”
ฉินจุนตอบ “เพื่อนผมเอง ”
ถังหมิ่นขมวดคิ้ว เสี่ยวจุนไปมีเพื่อนเก่งๆมากมายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?
หลินเยวี่ยเหยาขับรถไปก็อดถามไม่ได้
“เป็นเพื่อนสมัยที่นายเป็นคุณชายตระกูลฉินใช่มั้ยหละ ? เดิมทีตอนนี้นายก็ตกต่ำแล้ว ต่อไปก็พยายามอย่าไปรบกวนเขาบ่อย น้ำใจของคนน่ะใช้หนึ่งครั้งก็น้อยลงหนึ่งครั้ง ”
ฉินจุนเป็นคนช่วยพวกเขาแท้ๆ แต่หลินเยวี่ยเหยากลับมาพูดสั่งสอนฉินจุนเสียได้ คิดว่าเขายังคิดว่าตัวเอง
ยังเป็นคุณชายอยู่
คนธรรมดา ก็ควรใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา คนที่ไม่ควรยุ่งด้วยก็อย่าเข้าไปยุ่ง
เอาชีวิตรอดในสังคมนี้ จะมีคนไม่ก้มหัวได้อย่างไร ?
ฉินจุนเพียงแค่ยิ้มออกมาและไม่ได้พูดอะไรต่อ
“ป้ารอง ผมเปิดคลินิกแพทย์ของตัวเองแล้ว ต่อไปไม่ต้องหางานให้ผมแล้วนะ ”
ป้ารองนึกถึงเขาอยู่เสมอ แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ดี ฉินจุนไม่อยากให้เขาต้องเป็นห่วงต่อไปอย่างนี้แล้ว จึงได้
บอกเรื่องเปิดคลินิกแพทย์กับเขา
ถังหมิ่นประหลาดใจมาก “จริงหรอ ดีมากเลย มีคนเก่งอยู่ใกล้ตัวดีที่สุด คลินิกใหญ่แค่ไหนหละ กี่ตาราง
เมตร ? ”
หลินเยวี่ยเหยาแสดงความไม่พอใจ “เขาจะทำได้ใหญ่สักแค่ไหนกัน ก็แค่เช่าร้านเล็กๆร้านหนึ่งนั่นแหละ
นายขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจได้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว ”
“แต่ว่านะ นายอย่าไม่ว่าคนไข้คนไหนก็รับเด็ดขาด ทักษะทางการแพทย์ของนายมีแค่ผิวเผิน รักษาคนเป็นไข้ธรรมดาก็ได้อยู่ ถ้าเป็นโรคอื่นแล้วนายรักษาผิด คงต้องมารับผิดชอบกันใหญ่โต ”
หลินเยวี่ยเหยาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้ง
“แบบนี้แล้วกัน ถ้าเกิดว่าโรคไหนนายรักษาไม่หายก็โทรมาหาฉัน ฉันจะไปช่วยจัดการให้ ถ้าเกิดไม่ได้จริงๆ ฉันจะไปขอคำแนะนำจากหัวหน้าหลิวของพวกเราให้ ”
หัวหน้าหลิว ?
ฉินจุนยิ้มบางๆ “ไม่ต้องหรอก เขาให้คำแนะนำอะไรฉันไม่ได้หรอก ”
หลินเยวี่ยเหยานิ่งไปทันที จากนั้นใบหน้าก็แสดงความโกรธขึ้นมา
“นายบ้าไปแล้วหรือไง มีทักษะการแพทย์นิดหน่อย แล้วก็เปิดคลินิกได้ ก็อวดดีขนาดนี้เลยหรอ? ตามใจนายแล้วกัน ฉันขี้เกียจจะยุ่งแล้ว ! “