เมื่อเสียงเงียบลง เมิ่งเหวินกังก็ยืนทำความเคารพข้างๆฉินจุน และกล่าวว่า
“ประธานฉิน เชิญนั่งก่อน คนสองสามคนนี้ผมจัดการเอง?”
เมื่อสิ้นเสียง ทุกคนก็ตะลุึงไปพร้อมกัน
ทำไมมิ่งเหวินกังถึงเคารพคนสกุลเฉินคนนี้?
เมิ่งเหวินกังกล่าวก่อนหน้านี้ว่า หุ้นของบริษัท 51%อยู่ในมือของประธานคนใหม่ แม้แต่เมิ่งเหวินกังก็ไม่มีสิทธิ์พูด
ในซวนหยวนกรุ๊ปประธานคนใหม่มีสิทธิ์เต็มที่
พวกเขาคิดว่าประธานคนใหม่ควรเป็นผู้เฒ่าผู้มั่งคั่งจากต่างจังหวัด แต่พวกเขาไม่คิดว่าจะเป็นวัยรุ่นเช่นนี้!
หวังซิ่งเจียก็ตกตะลึงเช่นกัน ฉินจุนกลายเป็นประธานของซวนหยวนกรุ๊ป? !
บริษัทใหญ่ที่มีทรัพย์สินหลายหมื่นล้านเป็นของเขาเองทั้งหมด?
ก่อนหน้านี้เธอล้อเลียนฉินจุน เธอคิดว่าเขาไม่มีอะไร แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาแกล้งทำเป็นหมูกินเสือ!
เก๋อเฟิงตกตะลึงกว่าเดิม ฉินจุนเป็นประธานคนใหม่?
เขาเก็บเงินเพียงห้าแสนหยวน เลยให้มาเป็นแค่พนักงานธรรมดา
เขาทำอะไร? แบล็กเมล์เจ้านายเหรอ?
ขาของเก๋อเฟิงอ่อนลงและเขาเกือบจะทรุดตัวลงกับพื้น
รองประธานเฉียนสีหน้าดูแย่ เหมือนจะตายอย่างไงอย่างงั้น
ฉินจุนร้องเรียนเรื่องหวังซิ่งเจีย แต่กลับด่าฉินจุนไป แถมไล่เขาออก แค่ไม่ใช่คนโง่ก็จะมองออก
จบแล้ว จบแล้ว
ตอนแรกคิดว่าเป็นเพียงแค่คนไอคิวต่ำ และเป็นพนังานใหม่ที่ตาไม่ถึง
ตอนนี้กลับคิดได้ และเข้าใจว่า ฉินจุนคนนี้เป็นคนที่คุยกันอย่างลับๆ!
ฉินจุนพูดเบาๆ “ไม่เป็นไร เสี่ยวเมิ่ง นั่งลงก่อน”
่
เมิ่งเหวินกังพยักหน้า เขาหาที่นั่งและนั่งลง
เสี่ยวเมิ่ง…
ชื่อนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจจริงๆ
แม้แต่หัวหน้าซุนยังต้องเรียกประธานเมิ่ง ฉินจุนคนนี้เรียกประธานเมิ่งว่า เสี่ยวเมิ่ง…
ทันทีที่เมิ่งเหวินกังนั่งลง บรรยากาศในห้องประชุมและทุกคนก็เงียบ
เก๋อเฟิงและทุกคนที่นั่งอยู่ที่นั่งต่างก็มองหน้ากันยอ่างอับอาย
ฉินจุนนั่งอยู่ตำแหน่งประธานของที่ประชุมด้วยท่าทางเย็นชาและพูดเบา ๆ
“ผมไม่ค่อยรู้เรื่องการจัดการของบริษัทมากนัก ดังนั้นผมจะปล่อยให้เมมิ่งเหวินกังจัดการในลำดับต่อไป”
“อย่างไรก็ตาม เมื่อวานผมอยู่ในบริษัทและพบบางสิ่งที่ต้องแถลง”
มาแล้ว!
เสียงของฉินจุนลดลง และทุกคนเริ่มประหม่า
การขึ้นตำแหน่งประธานคนใหม่ ฉินจุนนัั้นไม่ใช่ประธานใหม่ แต่เขามาบริษัทเป็นครั้งแรก เขาต้องมีบางอย่างที่จะประกาศโดยธรรมชาติ
“เรื่องแรก ให้ถอดถอนเก๋อเฟิงจากตำแหน่งรองผู้จัดการแผนกทรัพยากรบุคคลและไล่เขาออกจากบริษัท พนักงานในฝ่ายทรัพยากรบุคคลลดเงินเดือนลง30%และให้ทำงานตาตำแหน่งเดิม”
“เรื่องที่สอง ถอดถอนพนักงานของแผนกตรวจสอบคุณภาพทั้งหมด รวมถึงหัวหน้าหวังซิ่งเจียออกจากบริษัท และระงับการทำงานของแผนก ไม่รวมถึงหวังหรุ่ย”
“เรื่องที่สาม แต่งตั้งหวังซินเป็นหัวหน้าแผนกตรวยสอบคุณภาพ และเพิ่มเงินเดือนให้หนึ่งเท่า”
“เรื่องที่สี่ ปลดรองประธานเฉียนออกจากบริษัท”
“เข้าใจแล้วใช่ไหม?”
เมื่อเสียงของฉินจุนเบาลง สายตาของรองประธานเฉียนก็เศร้าสลด เขาแทบทรุดลงกับพื้น
จบแล้ว มันจบแล้วจริงๆ
สีหน้าของคนอื่นๆ ก็แย่พอๆกัน เดิมทีพวกเขามีอนาคตที่ดี แต่ตอนนี้งานของพวกเขาหายไป และยังถูกปิดกันจากอาชีพอุตสาหกรรม
เมิ่งเหวินกังยืนขึ้น มองไปที่ผู้กระทำความผิด และพูดอย่างเย็นชา
“ยังไม่ออกไปอีก รอผมเรียก รปภ เหรอ!”
สีหน้าเมิ่งเหวินกังซีดและโกรธมาก ฉินจุนมาที่บริษัทเป็นครั้งแรกนั้นไม่ง่าย ปรากฎว่าสถานการณ์ในบริษัทกลายเป็นแบบนี้ โชคดีที่เขาพบมันเร็ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่เป็นเช่นนี้ แถมยังเสียชื่อเสียงอีก!
คนพวกนี้หยอดตาให้เขาจริงๆ! เขาอดไม่ได้ที่จะแสดงออกต่อหน้าฉินจุนเป็นอย่างดี!
แน่นอนว่าวิธีการจัดการของเมิ่งเหวินกังนั้นโหดเหี้ยมยิ่งกว่าที่ฉินจุนสั่ง!
มีคนไม่กี่คนที่ละอายใจ และถูกขับออกจากห้องประชุมราวกับว่าพวกเขาเสียสติไปแล้ว ฉินจุนพูดว่า
“เสี่ยวเมิ่งในอนาคต พนักงานที่ดีอย่างหวังหรุ่ยจะต้องถูกเรียกกลับมาทำงานใหม่ ต้องใช้เขาอย่างให้ความสำคัญ หากตำแหน่งรองประธานขาดคนไป ก็ให้เขาดำเนินการแทน เขาทำงานไม่เป็นก็ค่อยๆสอนไป เพราะนิสัยคนนั้นเรียนอย่างไรก็แก้ไม่ได้”
เมิ่งเหวินกังพยักหน้า “ตั้งแต่วันนี้ไป หวังหรุ่ยเป็นผู้แทนตำแหน่งรองประธาน”
หวังหรุ่ยตกตะลึง เขา… ได้เป็นรองประธาน?
เมื่อวานเธอยังเป็นพนักงานตัวเล็ก ๆ ที่ถูกรังแกในบริษัท วันนี้เธอไม่เพียงแต่จะเป็นหัวหน้าแผนกตรวจสอบคุณภาพเท่านั้น แต่เธอยังเป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งในบริษัท?
หวังหรุ่ยปริปากและมองไปที่ฉินจุน เธอรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยพูดไม่ออก
“โอเค ผมพูดแค่นี้ นอกจากนี้ก็ไปเรียนรู้เอง”
หลังจากพูดจบฉินจุนก็เดินออกจากห้องประชุม
ผู้คนในห้องต่างมองหน้ากัน ทุกคนเหงื่อตกราวกับว่าพวกเขาได้รับประสบการณ์ครั้งใหญ่
ฉินจุนมาและจากไปอย่างรวดเร็ว และดำเนินการอย่างแข็งขัน เขาจัดระเบียบแผนกตรวจสอบคุณภาพ คนที่ควนไล่ออกก็ไล่ออก ควรเลื่อนตำแหน่งก็เลื่อนตำแหน่ง
เขาทัศนคติที่ควรค่าแก่การเป็นประธาน
…
หลังจากออกมาจากซวนหยวนกรุ๊ปแล้ว เมิ่งเหวินกังก็รีบตามเขาไป เพราะเป็นเรื่องยากที่จะได้พบกับเพื่อนยากคนนี้ เขาไม่สนใจที่จะจัดการกับเรื่องยุ่งวุ่นวายในบริษัท หวังหรุ่ยเข้ารับตำแหน่งและให้เธอฝึกรับผิดชอบไปเรื่อยๆ
เมิ่งเหวินกังกล่าวว่า “พี่ชาย สองสามวันที่แล้วมีเรื่องฮฮตฮิตในเวยป๋อ ในนั้นเปิดเผยข้อมูลของพี่บางส่วน แต่หัวหน้าซุนได้ติดต่อบริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์ดังกล่าวให้รีบลบออกแล้ว”
หลังจากที่ฉินจุนและซูเหวินฉีปรากฏตัวที่ตลาดในคืนนั้น แม้ว่าจะไม่มีปาปารัสซี่ แต่พวกเขาก็ยังถูกถ่ายรูปโดยแฟน ๆ หลายคน และรูปของฉินจุนก็อยู่ในภาพถ่ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หลังจากนั้นการค้นหาอย่างฮอตฮิตก็ถูก “จัดการ”
สาวสาวของชาติถูกจัดการ และทุกคนต่างก็อยากจัดการกับ ‘สัตว์เดรัจฉาน’ นี้
โชคดีที่หัวหน้าซุนลงมือจัดการ และในไม่ช้าก็นำเรื่องนี้ออกจากการค้นหาดังกล่าวได้ และตัวตนของฉินจุนกฌ็ไม่ได้ถูกเปิดเผย
เมื่อได้ยินข่าวนี้ ฉินจุนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เพราะว่าเขามีการติดต่อกับวงการบันเทิงค่อนข้างน้อย และเขาไม่ได้คิดว่าข้อมูลจะแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
เมิ่งงเหวินกัง กล่าวว่า “แม้ว่าสื่อจะควบคุมได้แล้ว แต่สถานะของพี่ก็มีบางคนรู้ มีดาราชายคนหนึ่งชื่อหวังจื่อ เหมือนว่าเขามีความคิดไม่ดีกับพี่”
ฉินจุนผงะไปครู่หนึ่ง “หวังจื่อเป็นใคร?”
“เป็นดาราคนหนึ่ง เพิ่งจะดังในไม่กี่ปีที่่านมา แต่ผมส่งคนไปตรวจสอบแล้ว”
ฉินจุนเยาะเย้ย เขาคิดว่าพวกนี้นั้นเป็นกลุ่มคนที่ขี้อิจฉาในวงการบันเทิง
เดิมทีซูเหวินฉีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขา และเป็นการเข้าใจผิดกันในสื่อ
อย่างไรก็ตาม หากใครไม่รู้จักการเผยแพร่ และมาทำความเดือดร้อน แน่นอนว่าฉินจุนนั้นไม่ใช่คนอารมณ์ดี
ไม่ต้องพูดถึงกระแสดาราชาย เจ้ายแห่งวงการบันเทิงมา ก็ไม่อยู่ในสายตาฉินจุน