ผู้รักษาสุดแกร่ง – ตอนที่ 42 ลุงเขยพักงาน

 

ถังหมิ่นขมวดคิ้วและใช้เท้าเตะหลินเยวี่ยเหยาใต้โต๊ะ

“ลูกพูดดีๆไม่ได้เหรอ พี่เสี่ยวจุนของลูกเพิ่งกลับมา เขายังไม่ค่อยชินกับสภาพแวดล้อนในเมือง ค่อยๆบอกเขาก็ได้นี่”

หลินเยวี่ยเหยาฮึมฮัม แม้ว่าเธอจะลังเลอยู่มาก แต่เธอก็ยังคงเชื่อฟังถังหมิ่น

“ก็ได้ เดี๋ยวหนูจะหาโอกาสคุยกับหัวหน้า”

เมื่อทั้งสามกำลังกินข้าวอยู่ จู่ๆ ลุงเขยก็เปิดประตูเข้ามา

“เหล่าหลิน ทำไมวันนี้กลับมาเร็วจัง มาดูซิ ใครมา นี่เสี่ยวจุแห่งตระกูลฉิน”

หลินยู่ตกตะลึง หันมาด้วยความแปลกใจ

“เสี่ยวจุนกลับมาแล้ว โตขึ้นเยอะเลย มีพรสวรรค์ ตระกูลฉินมีผู้สืบทอดแล้ว”

ฉินจุนลุกขึ้น และเรียกลุงเขย

ในขณะที่เขาจำได้ ในตอนนั้นป้ารองและลุงเขยก็ดีใจ แม้ว่าตระกูลฉินจะล้ม แต่ครอบครัวของพวกเขาก็ไม่เดือดร้อน

เพียงแต่หลินเยวี่ยเหยา ต่างจากที่เขาจินตนาการไว้เล็กน้อย

แม้จะไม่ใช่คนไม่ดี แต่เธอทำตัวห่างเหิน ชอบเทศนากับผู้อื่น และค่อนข้างเห็นแก่ตัว

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่คิดถึงหน้าของป้ารองและลุงเขย ฉินจุนเลยไม่ใส่ใจเด็กสาวนัก

หลินยู่ล้างมือและนั่งรับประทานอาหารร่วมกัน และพูดคุยขณะรับประทานอาหาร

“เคยได้ยินไหมว่ามีคนส่งเสียงดังในงานเลี้ยงวันเกิดของถังเทียนห้าวเมื่อนานมาแล้ว และตอนนั้นทำให้หัวเขาต้องเปื้อนเลือดในงานเลี้ยง!”

ถังหมิ่นตกใจ!

“ใครจะกล้าขนาดนั้น กล้าทำอะไรกับถังเทียนห้าว?” ถังเทียนห้าวเป็นพี่ชายคนโตของถังหมิ่น แต่เมื่อถังหมิ่นพูดอย่างไม่แยแส เขาก็รู้ได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องแตกสลายแล้ว

หลินยู่ส่ายหัว “ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำถังเทียนห้าว ถังเทียนห้าวทำเรื่องไม่เหมาะสมต่างๆมากมาย ช้าเร็วก็ต้องมีคนจัดการเขา”

ครอบครัวของป้ารองเป็นเพียงคนธรรมดา และพวกเขาไม่ค่อยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวใหญ่ๆเหล่านั้น พวกเขารู้เรื่องช้าไปครึ่งเดือน

ฉินจุนถอนหายใจ แม้ว่าลุงเขยจะไม่ได้พูดอะไรก็ตาม จริงๆ แล้วเขายังคงถือความอยุติธรรมต่อตระกูลฉิน

น่าเสียดายที่คนดีแบบนี้ไม่ได้รับการตอบแทนที่ดี

“เหล่าหลิน ทำไมวันนี้ถึงกลับมาเร็ว?”

หลินยู่ถอนหายใจ ใบหน้าของเขาดูซึมเศร้า

“ผมถูกพักงาน”

“หือ? อะไรเหรอ?”

เดิมทีผมทำงานในตระกูลเมิ่งมาด้วยดีโดยตลอด จนมีโครงการนึงที่ต้องความร่วมมือกับตระกูล ผู้จัดการรู้ว่าผมมีความโกรธแค้นกับตระกูลถัง

เพื่อประโยชน์ของบริษัท ผมตัดสินใจเสียสละตัวเองก่อนและขอพักงานสักระยะหนึ่ง แล้วผมจะกลับไปทำงานเดิมหลังจากที่โครงการได้รับการยืนยันแล้ว

ถังหมิ่นขว้างตะเกียบด้วยความโกรธ

“มากเกินไปแล้ว! คุณมีส่วนร่วมในการก่อสร้าง และโครงการใช้เวลาหลายปี เป็นไปได้ไหมที่จะระงับคุณเป็นเวลาหลายปี?”

หลินยู่ขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกหงุดหงิดมาก

“หยุดพูดเถอะ อีกไม่กี่วันผมจะคิดหาทางแก้ไข”

ฉินจุนที่อยู่ข้างๆไม่ได้พูดอะไร แต่เมื่อได้ยินคำว่าตระกูลเมิ่งกรุ๊ป ประธานชื่อเมิ่งเหวินกัง

“ลุงเขย กลุ่มเหมิงที่คุณกำลังพูดถึง เจ้านายชื่อเมิ่งเหวินกัง?”

หลินยู่ตกตะลึง “เธอรู้จักประธานของบริษัทเราได้ไง?”

เมื่อคิดดูแล้วหลินยู่ก็พูดว่า “เห็นจากทีวีใช่ไหม? ใช่ๆ ตระกูลเมิ่งกรุ๊ปนั่นแหละ”

ฉินจุนพยักหน้า

ที่ตงไห่นี้คงมีแค่ตระกูลเมิ่งกรุ๊ปนี้

ลุงเขยเจอปัญหานี้ ฉินจุนก็จะไปจัดการให้

“ลุงเขยสบายใจได้ เรื่องนี้ผมจัดการเอง”

หลังจากที่ฉินจุนพูดจบ ทั้งสามก็ตกตะลึง

หลินเยวี่ยเหยาขมวดคิ้ว “ขี้โม้อะไร คุณแก้ปัญหา? บริษัทของพ่อฉันเป็นบริษัทหนึ่งในสิบของบริษัทชั้นนำเลยนะ คุณแก้ไขอะไรได้? งานก็ยังไม่ได้ทำ อย่ามาคุยโวที่นี่!”

เดิมทีหลินเยวี่ยเหยาอารมณ์เสียอยู่แล้ว เมื่อได้ยินฉินจุนมาคุยโวอีกก็โกรธหนักกว่าเดิม

หลินยู่กล่าวว่า “เยวี่ยเหยา !อย่าเสียมารยาท เสี่ยวจุนหวังดี เอาเถอะ รีบกันข้าวกัน ”

เห็นได้ชัดว่าแม้ว่าหลินยู่สุภาพมาก แต่เขาก็ไม่ได้เชื่อคำพูดของฉินจุน

เขาเป็นเด็กหนุ่มที่หนีความลำบากมา จะมาช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างไร?

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ป้ารองยืนกรานที่จะให้ฉินจุนอยู่ที่นี่ และคิดที่จะช่วยฉินจุนแก้ปัญหาเรื่องงาน?

ในตอนกลางคืน บ้านของป้ารองต่างก็หลับ ฉินจุนออกไปโทรหาเมิ่งเหวินกัง

แต่เป็นเลขาของเขาที่รับสาย

“เฮ้ คุณฉิน ประธานเมิ่งอยู่ในโรงพยาบาลตอนนี้ คุณมีอะไรหรือเปล่า?”

“น้องเมิ่งอยู่โรงพยาบาล? เป็นอะไรเหรอ?”

“คืออย่างงี้ พ่อของประธานเมิ่งเป็นมะเร็ง ประธานเมิ่งเลยมาดูแล แต่ด้วยความที่เป็นมะเร็ง ช่วงสองสามวันนี้เลยน่ากลัวหน่อย”

ฉินจุนกล่าวว่า “เป็นแบบนี้นี่เอง เดี๋ยวผมช่วยดู”

เมิ่งเหวินกังเป็นน้องคนที่สาม พ่อของเขาป่วย ฉินจุนก็ควรดูแล

เมื่อได้ยินว่าฉินจุนต้องการช่วย เลขาหลิวรู้สึกเขินเล็กน้อย

“คุณฉิน ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญจากทั่วทั้งจังหวัดกำลังปรึกษาหารือกันที่โรงพยาบาลเพื่อประชาชน คุณคงช่วยอะไรไม่ได้หรอก”

ผู้ช่วยหลิวเพิ่งรู้ว่าคุณเหมิงให้เกียรติคุณฉินมาก และฉันไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงให้เกียรติเขา แต่ในความเห็นของเขา เด็กคนนี้มักจะเป็นหมออัจฉริยะใช่ไหม?

เลขาหลิวรู้แค่ประธานเมิ่งให้ความเคารพคุณฉินคนนี้ แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงเคารพ ด้วยอายุยังน้อย ไม่น่าจะเป็นหมออัจริยะหรอก”

ฉินจุนไม่สนใจและพูดว่า “แค่บอกเพียงว่า นำคำพูดของผมไปบอกเมิ่งเหวินกังก็พอ ให้เขาเตรียมตัว เดี๋ยวซักพักผมถึง”

“โอเค”

มะเร็งถ้าได้รับการรักษาเร็วก็ยิ่งดี แต่ถ้าถึงเวลาที่ช่วยไม่ได้จริงๆ ฉินจุนก็ไม่สามารถกลับมามีชื่ออีกครั้งได้

เมื่อวางสาย เมิ่งเหวินกังเดินออกจากห้องพักฟื้นเหมือนกัน

“คุณเมิ่ง เมื่อครู่คุณฉินโทรศัพท์หา”

“อะไรนะ เกิดอะไรขึ้นกับคุณฉิน”

“เอ้อ ไม่ได้พูดอะไร ฉันบอกว่าพ่อของคุณเข้าโรงพยาบาล เขาเลยบอกให้คุณเตรียมตัวให้พร้อมเดี๋ยวเขามา

เมิ่งเหวินกังรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

เดิมทีหากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ไม่โอเค เขาก็จะขอร้องฉินจุนให้ช่วย

“เร็วเข้า เตรียมห้องผ่าตัดทันที ให้พยาบาลทุกคนมาช่วยคุณฉิน”

เลขาขมวดคิ้ว “ประธานเมิ่ง คุณฉินรักษาโรคได้”

เมิ่งเหวินกัง กล่าวว่า “แน่นอน อาจารย์ของฉันคือเย่ซวนหยวน เป็นแพทย์อัจฉริยะที่หายากที่สุดในโลก น้องชายเรียนกับเขามาสิบปีแล้ว และทักษะทางการแพทย์ของเขาไม่มีใครเทียบได้ในโลก ถ้าเขาเต็มใจรับ พ่อของฉันต้องรอด”

ฝั่งตระกูถัง หลินเยวี่ยเหยาตื่นขึ้นมาเก็บเสื้อผ้าเสียงดังโครมครามทำให้ถังหมิ่นตื่น

“เยวี่ยเหยาทำอะไรเสียงดังดึกดื่นจะไปไหน?”

หลินเยวี่ยเหยาสวมเสื้อผ้าแล้วพูดว่า “ที่โรงพยาบาลมีเหตุฉุกเฉิน ให้พวกเราไปทำโอที หนูต้องไปก่อนละ”

ถังหมิ่นได้ยินดังนั้นก็พูดว่า

“งั้นก็พาพี่เสี่ยวจุนไปด้วย ไปทำความคุ้นเคย”

หลินเยวี่ยเหยาขมวดคิ้ว “หนูไปผ่าตัด เขาไปทำอะไร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset