ในสายตาของพวกเขา แม้ว่าฉินจุนจะเป็นคนดี และยังดีกับพวกเขามาก แต่ตอนนี้ชีวิตคนสำคัญที่สุด ไม่ใช่เวลาที่จะอวดดี
ฉินจุนจนปัญญา “ซุนเจี้ยนหมินไปแล้ว”
ทันได้นั้นจู้หลินหลินก็ขมวดคิ้ว ตาของเธอเริ่มแดง เป็นเหมือนดอกสาลี่ที่มีน้ำฝนเกาะอยู่
จู้หย่งก็ได้ถอนหายใจ ความหวังเดียวในตอนนี้คือ หวังว่าคุณชายตระกูลจินจะช่วยได้
“เสี่ยวจุน ต่อไปเวลาพูดถึงผู้บริหารซุน ห้ามเรียกชื่อเขาโดยตรง ต้องเรียกนามเคารพ อย่าทิ้งขี้ปากไว้ให้เขามานินทา
จู้หย่งเตือนเขาว่า ผู้บริหารซุนนั้นเป็นคนใหญ่คนโต เรียกชื่อเขาตรงๆแบบนี้ ไม่เคารพเขาเลย
ฉินจุนอึ้งไปครู่หนึ่ง และพยักหน้า แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไร ต่อให้พูดออกไปก็ไม่มีใครเชื่ออยู่ดี
ทันใดนั้น มีเสียงดังกึกก้องมาแต่ไกล ฉินจุนมองไป เห็นเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธห้าลํากําลังมุ่งหน้าไปทางบ้านตระกูลฉี
ฉินจุนรู้ว่า นี่เป็นการเคลื่อนไหวของศิษย์น้องลองหวังจินไห่
แล้วหันหน้าไปพูดกับจู้หลินหลินว่า “วางใจเถอะ น้าหวังจะไม่เป็นไร”
จู้หลินหลินฝืนยิ้มแล้วพยักหน้า ดูออกเลยว่าใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คำพูดของฉินจุนนั้น เธอไม่เชื่อสักเท่าไหร่
……
ขณะเดียวกัน จินซานหลงยืนอยู่หน้าประตูตระกูลฉี รอมาครึ่งวันแล้ว ก็ไม่มีใครออกมา ทำให้เขาร้อนรนมาก
เดิมทีจู้หลินหลินก็ไม่สนใจเขาอยู่แล้ว แต่รอบนี้มีเรื่องที่อยากขอความช่วยเหลือจากเขา และเขาหวังว่าจะทำได้สำเร็จ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้เพิ่มความประทับใจ ดีไม่ดีถ้าจู้หลินหลินรู้สึกซาบซึ้งก็อาจจะตกลงแต่งงาน
จินซานหลงได้กดกริ่งประตูอีกครั้ง ไม่นาน มีพ่อบ้านคนหนึ่งเดินออกมา
“คุณชายจิน นายท่านของพวกเราบอกแล้วว่า เรื่องของตระกูลจู้คุณอย่าเข้ามายุ่งเลย ได้โปรดกลับไปเถอะ”
จินซานหลงขมวดคิ้ว ตระกูลจู้นี้ไม่ไว้หน้าเลยสักนิด
เขาอยู่ด้านนอกแล้วคิดไปคิดมา จินซานหลงก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาคุณพ่อเขาจินก่วงจื้อ
อธิบายสถานการณ์สั้นๆไปว่า จินก่วงจื้อเป็นหัวหน้ากองทัพ ตระกูลจู้คงจะต้องให้เกียรติเขาแน่
เดิมทีจินก่วงจื้อไม่อยากยุ่ง แต่เป็นเรื่องสำคัญของลูกชาย ยังไงก็รับปากอยู่ดี หากครั้งนี้สำเร็จ หากจู้หลินหลินตกลงแต่งงานกับครอบครัวเขาจริงๆ ก็ถือว่าไม่เสียแรงเปล่า
ไม่นานนัก โทรศัพท์ของจินก่วงจื้อก็โทรไปที่บ้านตระกูลฉี
“ผู้นำตระกูลฉี? ผมคือจินก่วงจื้อ ผมได้ยินมาว่าคุณจับหวังหยุนไว้? คุณต้องรู้ว่า ตระกูลจินเราและตระกูลของพวกเขามีสัญญาแต่งงานกัน”
จินก่วงจื้อยังไม่ทันพูดจบ ฉีเจี้ยนหลงก็ตะโกนออกมาว่า
“ไอ้คนแซ่จิน! ผมแนะนําให้คุณอย่ามายุ่งเรื่องชาวบ้านดีกว่า พวกมันทำให้หลานชายผมต้องพิการ ผมกับตระกูลจู้เป็นศัตรูกัน จะไม่ไว้หน้าใครอีก! รวมถึงคุณด้วย!”
พอพูดจบ ฉีเจี้ยนหลงก็วางสายทันที
มองไปยังหญิงวัยกลางที่โดนมัดอยู่ตรงหน้า ใบหน้าฉีเจี้ยนหลงดูเกรงกลัว เขาหยิบแท่งเหล็กขึ้น แล้วพูดแบบเย็นชา
“หลานฉันฉีเซียนตอนนี้กลายเป็นคนพิการ ทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือของลูกสาวแกและเศษสวะตระกูลฉิน! วันนี้ฉันจะเปิดประเด็นกับแก เพื่อให้แกเข้าใจรสชาติของการแขนขาหักบ้าง!”
หวังหยุนตกใจมาก สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ฉีเจี้ยนหลงเพิ่งจะหยิบแท่งเหล็กขึ้นมา ทันใดที่เขากำลังจะทุบลงไปนั้น มีเสียงสั่นสะเทือนหูจนแทบจะหนวกทำให้เขาหยุดลง
เสียงก้องกังวาน
เสียงดังกึกก้องใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ฉีเจี้ยนหลงและคนอื่นๆ รีบเดินออกจากห้องไป
บนลานบ้านของตระกูลฉี มีเฮลิคอปเตอร์หน่วยรบห้าลำบินวนอยู่ ลมที่พัดแรงทำให้ทุกคนไม่สามารถลืมตาขึ้นได้ เมื่อต้องเผชิญกับอาวุธที่แท้จริง ขาแต่ละคนต่างก็สั่นกันไปหมด
ฉีเจี้ยนหลงเองก็พูดอะไรไม่ออก และตกตะลึงมาก
ไม่นาน มีคนหนึ่งกระโดดลงจากเฮลิคอปเตอร์ ร่างกายกํายํา บนไหล่ติดห้าดาว นั่นคือนายพลหวังจินไห่!
เมื่อเห็นยศที่ติดบนไหล่ของหวังจินไห่ ขาของฉีเจี้ยนหลงก็อ่อนแรง เกือบจะทรุดลงกับพื้น เขาพยุงขอบประตูถึงจะฝืนยืนได้
“ท่าน… ท่านหมายความว่ายังไง?”
บนตัวหวังจินไห่เต็มไปด้วยกลิ่นอายความอาฆาต องอาจสง่าผ่าเผย บวกกับยศระดับห้าที่ใครเห็นก็ต้องหวาดกลัว อยู่ตรงหน้าเขา ใครจะไม่ตัวสั่นล่ะ?
หวังจินไห่พูดอย่างเย็นชาว่า “ปล่อยคนซะ ไม่อย่างนั้นให้รับผิดชอบผลที่ตามมาด้วยล่ะ””
เมื่อได้ยินคำสี่คำนี้ ฉีเจี้ยนหลงก็ตัวสั่นทันที
คำเดียวกัน ถ้าคนที่พูดเป็นคนอื่นเขาจะไม่เกรงกลัวเลยสักนิด แต่ถ้าเป็นหวังจินไห่ เขาถึงกับขนลุกขนพอง
คำที่หวังจินไห่กล่าวว่าให้รับผิดชอบผลที่ตามมาด้วย เขาไม่ได้ล้อเล่นเลยนะ เฮลิคอปเตอร์รบทั้งห้าลําบินสังเกตการณ์อยู่บนท้องฟ้า เพียงแค่เขาลงมือ ก็สามารถทำลายบ้านตระกูลฉีให้เป็นพื้นราบได้เลย!
ฉีเจี้ยนหลงไม่เคยคิดเลยว่า ผู้หญิงตระกูลจู้คนหนึ่ง สามารถดึงดูดคนใหญ่คนโตเช่นนี้มาลงมือเอง เมื่อต้องเผชิญกับหวังจินไห่ เขาไม่มีความคิดที่จะคัดค้านใดๆ ได้แต่พยักหน้า แล้วปล่อยคนทันที
หวังหยุนเดินออกมาอย่างงุนงง มองดูเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธที่อยู่ข้างนอก ก็รู้สึกตกใจ
นี่ นี่มารับฉันเหรอ?
หลังจากหวังจินไห่เห็นหวังหยุนออกมาอย่างปลอดภัยแล้ว ก็เดินจากไปทันที
มีเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธเหล่านี้วนเวียนอยู่ด้านบน ตระกูลฉีไม่กล้าที่จะทำอะไรบุ่มบ่าม
เมื่อเดินออกจากตระกูลฉี หวังหยุนก็ไม่เห็นหวังจินไห่ แต่เห็นแค่จินซานหลงที่ยืนอยู่ด้านนอก ด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“คุณชายจิน! คุณช่วยฉันออกมางั้นเหรอ?”
จินซานหลงรู้สึกประหลาดใจ เฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธเมื่อครู่นี้คืออะไรกัน? ตอนนี้พ่อเก่งขนาดนี้เลยเหรอ? สามารถระดมอุปกรณ์ที่ทรงพลังแบบนี้มาได้?
“ใช่แล้ว น้าหวัง ผมขอร้องให้พ่อเสียกำลังไปขนาดนี้ถึงจะช่วยคุณออกมาได้ คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
หวังหยุนยังคงหวาดกลัว สภาพที่ความโกรธของฉีเจี้ยนหลงเมื่อกี้ หากไม่มีใครห้าม เขาคงทุบขาเธอหักไปแล้ว แล้วเธอคงกลายเป็นคนพิการ
ยังดีที่จินซานหลงมาทันเวลา
“ขอบคุณมากเลยนะ คุณชายจิน!”
จินซานหลงยิ้มแล้วพูดว่า “น้าหลิวเกรงใจเกินไปแล้ว เราครอบครัวเดียวกันไม่ต้องพูดจาเกรงใจกันแบบนี้ก็ได้นะ”
หวังหยุนยิ้มแฉ่ง “ใช่ๆ ถ้าหลินหลินแต่งไปบ้านคุณ คุณก็เป็นลูกเขยฉันแล้ว เราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกัน”
จินซานหลงก็ดีใจเช่นเดียวกัน ดูเหมือนการที่จะชนะใจจู้หลินหลินรอบนี้ คงไม่ยากแล้วแหละ
……
ตอนนี้จู้หลินหลินกำลังกระวนกระวายอยู่ที่บ้าน หลังจากที่ฉินจุนได้รับสายของหวังจินไห่ ก็พูดกับเธอว่า
“หลินหลิน สบายใจได้แล้วนะ น้าหวังปลอดภัยแล้ว”
จู้หลินหลินอึ้งไปสักพัก “พี่รู้ได้ยังไง?”
ขณะที่ฉินจุนจะพูด หวังหยุนกับจินซานหลงที่อยู่ด้านนอกก็กำลังเดินเข้ามา
“แม่!”
ทั้งสามกลับมารวมกันอีกครั้ง กอดหัวร้องไห้ ดูตื่นเต้นมาก
“แม่รอดออกมาได้ไงเนี่ย?”
หวังหยุนพูด “ต้องขอบคุณคุณชายจินมากเลย คุณชายจินขอความช่วยเหลือจากคุณพ่อเขา ถึงขึ้นต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธออกโรงเลยแหละ ถึงช่วยฉันออกมาได้”
จู้หลินหลินรู้สึกตกใจมาก เดิมทีเธอแค่ลองขอความช่วยเหลือจากจินซานหลงเท่านั้น ไม่คิดว่าเขาจะช่วยจริงๆ
“คุณชายจิน คุณเป็นคนช่วยจริงเหรอ?”
หวังหยุนขมวดคิ้ว “เจ้าเด็กคนนี้ ฉันเห็นมากับตาจะไม่จริงได้ไง? ออกจากประตูบ้านตระกูลฉี ฉันก็ขึ้นรถของคุณชายจิน แกต้องขอบคุณคุณชายจินดีๆนะ รู้ไหม?”
จินซานหลงยิ้มเบาๆ “น้าหลิวก็พูดเกินไป ไม่ใช่คนนอก ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันขนาดนี้ก็ได้ เรื่องของหลินหลินก็เหมือนเรื่องของผม ผมจะทำเต็มที่แน่นอน”
ถึงจินจะซานหลงพูดแบบอ่อนน้อม แต่ก็ยังยอมรับย่างชัดเจนว่าเขาเป็นคนช่วย
แต่จินซานหลงก็ยังรู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ พ่อน่ามีอำนาจขนาดนี้นะ
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อทุกคนคิดอย่างนั้น เขาก็เลยยอมรับมัน ก็ไม่ได้แย่อะไร