เมื่อได้ยิน ฉินจุนยืนขึ้น หันกลับมา มองดูผู้คนตระกูลถัง ใบหน้าเผยให้เห็นถึงความนึกสนุก
“สัญลักษณ์ของสถานะ? ตระกูลถังของพวกคุณ ชอบเป็นสุนัขจริงๆ ด้วย!”
คนตระกูลถังช่างน่าขันจริงๆ มีบางคน ชินกับการเป็นสุนัขแล้ว จนไม่รู้จะทำตัวเป็นคนอย่างไร
ในขณะนี้คุกเข่าอยู่ที่นี้ ยังคิดว่าตัวเองมีสถานะอยู่อีก น่าตลกจริงๆ
ถังหลงหมิ่นไม่ได้ยืนขึ้น อย่างไรเสียก็ไม่รู้ว่าผู้บริหารซุนจะกลับมาเมื่อไหร่ เขาไม่อยากให้ผู้บริหารซุนเห็นว่าเขายืนขึ้น
แต่ว่า ฉินจุนไอ้หมอนี่ ไม่สั่งสอนคงไม่ได้
“ไอ้คนแซ่ฉิน! เห็นผู้อาวุโส ก็ไม่รู้จักมาทำความเคารพ แกยังมีตาคนรองในสายตารึเปล่า!”
ฉินจุนหัวเราะเย้ยหยัน เดินเข้าไปตรงหน้าถังหลงหมิ่นทีละก้าว ยืนอยู่มองเขาจากมุมสูง
“ตารอง? คุณเหมาะสมไหม?”
รูม่านตาถังหลงหมิ่นหดตัว สีหน้าโกรธมาก
“แกบังอาจ! แกคุยกับผู้อาวุโสแบบนี้เหรอ!”
ฉินจุนหัวเราะอย่างเย็นชา “ผู้อาวุโส?”
“ตอนที่ตระกูลฉินของผมเป็นที่เชิดชูในตอนนั้น พวกคุณสามารถมาเยี่ยมตระกูลฉินของผมได้วันละสามเวลา เห็นคุณปู่ของผมแล้ว แทบอยากจะก้มลงไปทำความเคารพ
“ตอนนี้ตระกูลฉินของผมตกต่ำ พวกคุณเปลี่ยนไปทันที ซ้ำเติม กำจัดให้สิ้นซาก แม้แต่พี่เลี้ยงคนหนึ่งของตระกูลฉินของเราก็ไม่ปล่อย”
“และสิ่งที่พวกคุณทำทั้งหมดนี้ ก็เพื่อเอาใจสามตระกูลใหญ่”
“ถังหลงหมิ่น เป็นสุนัขรับใช้ให้คนอื่น รู้สึกดีมากรึไง?”
ทันใจนั้นคำพูดของฉินจุน ก็ทำทุกคนในตระกูลถังหน้าแดง
ถังหลงหมิ่นโกรธมาก “แกบังอาจ!”
ถังหลงหมิ่นทนไม่ไหวแล้ว ยืนขึ้นมา เป็นหลานคนหนึ่ง ก็กล้าที่จะดูถูกตระกูลถังของพวกเขา ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ รนหาที่ตายจริงๆ
ทำเหมือนเขาถังหลงหมิ่นไม่ได้อยู่รึไง?
“ไอ้เด็กเปรต ฉันไม่ได้ชำระบัญชีกับแกสำหรับสิ่งที่แกทำกับเทียนห้าว วันนี้แกยังกล้าอวดดี! ถ้าไม่สั่งสอนแก แกก็คงคิดว่าตัวเองเป็นคุณชายอยู่!”
“คอยดูสิว่าฉันไม่จัดการแก!”
เมื่อพูดจบ ถังหลงหมิ่นยกฝ่ามือขึ้น ตบตรงเข้าไปที่หน้าของฉินจุน!
ผู้อาวุโสสั่งสอนผู้น้อย เป็นเรื่องสมเหตุสมผล แม้ว่าถังหลงหมิ่นจะไม่มีความรักต่อฉินจุนเลยสักนิด แต่ผู้อาวุโสก็คือผู้อาวุโส คนดูเยอะขนาดนี้ g-kวิพากษ์วิจารณ์อย่างเต็มที่ขนาดนี้ถ้าไม่สั่งสอนสักหน่อย ต่อไปก็คงจะเป็นที่ติฉินนินทาของผู้คน
อย่างไรก็ตาม ความเร็วของถังหลงหมื่น จะเร็วกว่าของฉินจุนได้ไง?
ฉินจุนไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย หลังมือก็ตบเข้าที่หนังหน้าแก่ๆ ของถังหลงหมิ่น
เพี๊ยะไปหนึ่งที ลายนิ้วมือห้านิ้วที่ชัดเจนปรากฏขึ้นโดยตรงบนใบหน้าของถังหลงหมิ่น
ในเมื่อเขาไร้ยางอาย ทำไมฉินจุนต้องให้เกียรติเข้าด้วย?
ตบไปหนึ่งที ทำให้ถังหลงหมิ่นล้มลงคุกเข่าอีกครั้ง
ปวดแสบปวดร้อนบนใบหน้า ทำให้ถังหลงหมิ่นเวียนหัว อีกนิดเขาเกือบหมดสติ
ต่อมาไม่กี่วินาที ทุกคนก็ตอบสนองกลับมา
“บังอาจ! แกบังอาจมากจริงๆ แกรนหาที่ตาย!”
ทุกคนในตระกูลถังยืนขึ้น รวมถึงคนตระกูลจู้ ไอ้เด็กเปรตแซ่ฉินนี่บังอาจมากจริงๆ เดิมทีวันนี้คนที่อยู่ที่นี่ไม่มีใครอยากสนใจเขาแต่เขามองข้ามความหวังดีของผู้อื่นแบบนี้ ตบข้าที่เบ้าหน้าติดกันถึงสองครั้ง รนหาที่ตายจริงๆ !
จากนั้น เมื่อตระกูลจู้กับตระกูลถังคนอื่นๆ กำลังจะเคลื่อนไหว ทหารติดอาวุธข้างนอกรีบพุ่งเข้ามา
ทหารติดอาวุธหลายสิบนายล้อมรอบทั้งสองครอบตระกูล ปากกระบอกปืนสีดำชี้ไปที่หัวของพวกเขา ถ้าใครกล้าขยับ กระสุนจะฆ่าพวกเขาทันที
ถังหลงหมิ่นและคนอื่นๆ ตกใจกลัวมาก ทันใดนั้นใบหน้าก็ซีดมาก ก็ไม่มีใครกล้าขยับ
“พวก……พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว!”
ถังหลงหมิ่นรีบอธิบาย
“เขาไม่ใช่ญาติของผู้บริหารซุน! เขาเป็นเศษสวะที่น่าผิดหวังของตระกูลถังของฉัน พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว!”
อย่างไรก็ตามทหารติดอาวุธเหล่านี้ไม่ขยับ หน้าไร้อารมณ์ พวกเขาดำเนินการตามคำสั่ง ไม่สนใจสิ่งอื่นใด
จู้หมิงก็ขมวดคิ้ว พูดว่า
“ทุกคน พวกคุณต้องเข้าใจผิดแน่ๆ เลย เมื่อกี้ไอ้เด็กนี้โค้งคำนับ เพียงเพื่อจะได้ใกล้ชิดกับผู้บริหารซุน เขาไม่ใช่ญาติของผู้บริหารซุนเลย พวกคุณอย่าเข้าใจผิดนะ!”
ไม่ว่าทั้งสองคนจะพูดยังไง ทหารติดอาวุธก็นิ่งเฉย ปากกระบอกปืนสีดำหันหน้าเข้าหาพวกเขา ขาของทุกคนสั่นเล็กน้อย
ตบที่เบ้าหน้าไปสองที พวกเขาไม่มีใครกล้าโต้กลับ
ฉินจุนพูดอย่างเย็นชาว่า “คุกเข่าต่อไป”
ถังหลงหมิ่นโกรธจัด “บังอาจ!แกพูดอะไร!”
ขณะที่ถังหลงหมิ่นตะโกน ปากกระบอกปืนของทหารก็เล็งไปที่หัวของเขา
ขณะนั้น เหงื่อทั่วร่างกายของถังหลงหมิ่นไหลลงมา
มองดูฉินจุนทั้งที่ยังกัดฟัน แต่การเผชิญหน้ากับปากกระบอกปืน ถังหลงหมิ่นยังคงต้องงอเข่า คุกเข่าอีกครั้ง
ตระกูลจู้และคนอื่นๆ ที่ถูกบังคับ ก็ต้องคุกเข่าลงอีกครั้ง
ฉินจุนยืนอยู่หน้าถังหลงหมิ่น ไขว้มือไว้ด้านหลัง พูดเบาๆ ว่า
“คุกเข่าจนฟ้ามืด ใครกล้าไป ฆ่าอย่างไร้ความปรานี”
“รับทราบ!”
พูดจบ ฉินจุนลงจากเขาแล้วจากไป
ถังหลงหมิ่นขมวดคิ้ว พูดไม่ออก “สหาย ทำไมพวกคุณถึงฟังคำสั่งของเขา? พวกคุณต้องเข้าใจผิดแน่ๆ เลย ต้องมีความเข้าใจผิดในเรื่องนี้แน่!”
ทหารที่ติดอาวุธเงยหน้าขึ้น มองดูถังหลงหมิ่นอย่างเย็นชา
“พูดมากอีก ก็จะส่งคุณไปตายก่อน”
ถังหลงหมิ่นพูดอะไรไม่ออก ก้มหัวลง ไม่กล้าพูดอะไรอีก
แค่พูดกระซิบว่า “ไอ้เด็กเปรตแซ่ฉินโชคดีจริงๆ”
ทหารติดอาวุธเหล่านี้คงเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นญาติของผู้บริหารซุนแล้ว ไอ้เด็กเปรต กล้าทำตัวดุร้ายต่อหน้าฉัน!
เรื่องเลือดหมาราดหัวครั้งก่อนได้แพร่กระจายไปยังตระกูลใหญ่แล้ว ตระกูลถังขายหน้าไปครั้งหนึ่ง ไม่คิดว่าวันนี้จะโดนไอ้สารเลวแซ่ฉินมาสั่งสอนอีก น่าขายหน้าจริงๆ
ถังหลงหมิ่งอายุมากขนาดนี้ หัวหน้าตระกูล คาดไม่ถึงว่าจะถูกเด็กรุ่นหลังตบหน้าต่อหน้าคนมากมาย! เรื่องนี้ไม่มีวันปล่อยไปแน่!
จู้หมิงและคนอื่นๆ รู้สึกขายหน้าอย่างยิ่ง พวกเขาคนเยอะขนาดนี้ และไม่สามารถกดขี่ข่มเหงตระกูลฉินคนเดียวที่เหลืออยู่ได้ ถ้าแพร่ออกไป ทั้งสองตระกูลของพวกยังจะมีหน้าอยู่อีกเหรอ?
“คุณปู่ถังวางใจได้ ไอ้สารเลวตระกูลฉินนี่เป็นเพียงแค่สุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ รอลงจากเขานี้แล้ว เมื่อความเข้าใจผิดคลี่คลาย ใครจะยังช่วยเขา?”
ในมุมมองของพวกเขา ฉินจุนกล้าที่จะถือดีในวันนี้ แต่เป็นเพราะทหารติดอาวุธเหล่านี้เข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับผู้บริหารซุน
ไอ้หมอนี้ อุบายลึกพอควร มาโดยไม่ได้รับเชิญ จงใจประจบผู้นำ
แต่ เข้าใจผิดก็คือเข้าใจผิด ออกจากตงซานแล้ว ฉินจุนไม่ใช่อะไรเลยเป็นแค่คุณชายที่ล้มเหลว!
ถังหลงหมิ่งก็กัดฟันและพยักหน้า ไอ้เด็กเปรต ดูว่าฉันจะจัดการแกยังไง!
……
หลังจากฉินจุนลงจากเขา ก็เห็นจู้หลินหลินกับจู้หย่งสองพ่อลูก
ขณะนี้แม่ของจู้หลินหลินหวังหยุนถูกคนของตระกูลฉีกักขังไว้ ไม่แน่กำลังถูกทรมานอยู่ พ่อลูกสองคนเป็นกังวลใจ
แม้ว่าจะขอความช่วยเหลือจากคุณชายจิน แต่ถึงอย่างไรก็เป็นคนต่างมณฑล น้ำที่อยู่ห่างไกลช่วยไฟไม่ได้ ดังนั้นจู้หลินหลินจึงอยากมาที่นี่เพื่อดูว่าสามารถพบเจอผู้บริหารซุนได้หรือไม่ ขอความช่วยเหลือจากผู้บริหารซุน
น่าเสียดาย พวกเขาเป็นคนต่ำต้อย ไม่เห็นแม้กระทั่งใบหน้าผู้บริหารซุน
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ฉินจุนพูดว่า
“ไม่ต้องกังวล เรื่องของน้าหวังผมส่งคนไปรับแล้ว”
จู้หลินหลินขมวดคิ้ว “พี่เสี่ยวจุน พี่อย่าปลอบฉันเลย ตอนนี้ไม่ใช่เวลาล้อเล่นนะ ฉันถามพี่ ผู้บริหารซุนอยู่ข้างบนไหม?”
จู้หย่งก็พยักหน้า
“ใช่ เสี่ยวจุน พวกเรารู้ว่านายหวังดี แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาขี้โม้โอ้อวดนะ พวกเราหาผู้บริหารซุนมีเรื่องจริงๆ นายเห็นเขาแล้วรึยัง?”