“อัตราการเต้นของหัวใจมีเพียงสิสิบห้าแล้ว สัญญาณชีพของผู้ป่วยลดลง”
“อัตราการหายใจลดลง เพิ่มปริมาณออกซิเจน!”
“เตรียมเครื่องปั๊มหัวใจ!”
……
“ไม่ไหวแล้ว เตรียมแจ้งสมาชิกในครอบครัวเถอะ”
ในขณะนี้ ในห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลเพื่อประชาชนแห่งแรกของเมืองตงไห่ หมอระดับผู้เชี่ยวชาญหลายคนรวมตัวกันที่หน้าเตียงผ่าตัด ดูผู้ป่วยที่กำลังจะตายบนเตียง ทุกคนต่างมีเหงื่อซึมที่หน้าผาก
บนเตียงผ่าตัด เป็นถึงท่านจู้จู้ซานเตา ไม่เป็นสองรองใครในตงไห่ ไม่กล้าพูดว่าอาศัยอิทธิพลใช้เล่ห์เหลี่ยมปิดบัง แต่ก็มีอำนาจที่แข็งแกร่งมาก
คนใหญ่คนโตแบบนี้ ถ้าหากตายบนเตียงผ่าตัดของพวกเขา งานของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ก็อย่าคิดที่จะมีเลย
“ทำไงดี ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันด้านซ้าย ตอนนี้ผู้ป่วยหายใจลำบาก ช็อกจากโรคหัวใจ พวกเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้เลย”
“แม้ตอนนี้จะผ่าตัดแล้วก็ตาม ก็ไม่ทัน พลาดช่วงเวลาทอง ฮัวโต๋มีชีวิตอยู่ก็ช่วยไม่ได้แล้ว”
“’ งั้นทำการผ่าตัดตอนนี้เถอะ!”
“ไม่ได้! ตอนนี้สายเกินไปสำหรับการผ่าตัดแล้ว เมื่อทำการผ่าตัดและผู้ป่วยเสียชีวิตบนเตียงผ่าตัด นั่นคือการอุบัติเหตุของการแพทย์ของเรา ความโกรธเคืองของตระกูลจู้ พวกคุณแต่ละคนไม่มีใครทนรับมันได้?”
หมอหลายคนเงียบ ทั้งหมดเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงในเมืองตงไห่ ตอนนี้หมดหนทางกับอาการป่วยนี้แล้ว
ประการแรก ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันด้านซ้ายนี้เป็นโรคซับซ้อน รักษายาก ประการที่สองอาการกำเริบกะทันหัน ส่งมาก็ไม่ทันแล้ว ประการที่สาม ท่านจู้อายุมากแล้ว วัยนี้ แม้แต่การผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบก็อันตราย ไม่ต้องพูดถึงการผ่าตัดหัวใจ
พยายามเต็มที่แล้ว
ทำได้เพียงพูดแบบนี้
ต่อให้สูงส่งเหมือนท่านจู้ เมื่อต้องเผชิญความเกิดแก่เจ็บตายก็ไม่ไม่มีทางเลี่ยงได้
หมอหลายคนถอนหายใจ ณ ตอนนี้ ได้แต่หวังว่าตระกูลจู้จะไม่โกรธเคืองแล้วถือโทษพวกเขา
เปิดประตูห้องผ่าตัด หมอพูด
“ประธานจู้ พวกเราพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว ท่านจู้ไม่ไหวแล้ว”
ผู้ชายที่ถูกเรียกว่าประธานจู้ อายุเกือบห้าสิบปี เป็นลูกชายคนที่สองของท่านจู้ จู้หย่ง ผู้บริหารสูงสุดของจู้อสังหาริมทรัพย์
เมื่อจู้หย่งได้ยิน ทันใดนั้นก็โมโห คว้าคอเสื้อหมอ
“คุณพูดอะไร! ก่อนหน้าที่พ่อผมจะเข้าห้องผ่าตัดยังดีๆ อยู่! จะไม่ไหวได้ยังไง!?”
หมอหลิวตกใจ ขาทั้งสองสั่นเล็กน้อย
“ประธานจู้ ท่านจู้เป็นโรคหัวใจวายเฉียบพลัน ไม่มีทางจริงๆ ส่งมาก็สายไปแล้ว แม้ว่าฮัวโต๋มีชีวิตอยู่ ก็ช่วยกลับมาไม่ได้ คุณต้องยอมรับมัน เตรียมงานศพเถอะ”
“คุณพูดพร่ำอะไร!”
จู้หย่งโมโห เขาไม่มีทางรับความจริงได้ เพิ่งกินข้าวพูดคุยหัวเราะกับพ่อ ในชั่วพริบตา ยังไม่ถึงสองชั่วโมง พ่อก็ล้มลงบนเตียงผ่าตัดแล้ว?!
จู้หย่งรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยในเวลานี้ หันกลับมา จ้องมองหมอเหล่านั้น
“ใคร! พวกคุณใครสามารถช่วยพ่อผมได้ เอาเท่าไหร่ผมจ่ายไม่อั้น!”
หมอหลิวขมวดคิ้ว แม้ว่าประธานจู้จะไม่ใช่คนธรรมดา แต่เขาก็มีความโกรธบ้างแล้ว
“ประธานจู้! คุณไม่ต้องตะโกนแล้ว ทั่วทั้งโรงพยาบาลเพื่อประชาชน และแม้กระทั่งทั่วตงไห่ ผมหลิวปู้ฝานผู้นำการผ่าตัดหัวใจที่มีฝีมือ โรคที่ผมก็ไม่สามารถรักษาได้ หาคนอื่นก็เปล่าประโยชน์!”
หมอหลิวมีผลงานโดดเด่นด้านการผ่าตัดหัวใจ แม้จะมองไปทั้งเมืองหรือทั้งจังหวัด ก็เป็นสุดยอดมือดี มันไม่เกินจริงสำหรับเขาที่จะพูดแบบนั้น
พฤติกรรมของจู้หย่งทำให้เขาโกรธเล็กน้อย สิ่งที่เขาหลิวปู้ฝานวินิจฉัยว่าผู้ป่วยแล้วตายแน่ๆ ไม่มีใครก็รักษาได้!
จู้หย่งจ้อง ” ไม่มีใครสามารถรักษาได้แล้วเหรอ!”
พูดจบ เสียงเย็นชาดังมาจากสุดทางเดิน
“ผมทำได้”
แม้เสียงจะไม่ดัง แต่ทะลุทะลวงมาก ดูตามเสียง มีหนุ่มวัยประมาณยี่สิบปี แต่งกายด้วยชุดลำลองธรรมดา สะพายถุงผ้าไว้ข้างหลัง เดินเข้ามาทีละเก้า
หนุ่มหน้าตาหล่อ ผมยุ่งเล็กน้อย แววตาสดใสมีชีวิตชีวา แม้สีหน้าจะนิ่ง แต่มันทำให้ผู้คนมีความรู้สึกที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้
จู้หย่งตกตะลึง รู้สึกว่าหนุ่มคนนี้คุ้นๆ แต่จำไม่ได้ว่าเป็นใคร
“คุณพูดอะไร!”
ฉินจุนเดินไปที่จู้หย่ง “ผมบอกว่า ผมสามารถรักษาได้”
ตาของจู้หย่งเป็นประกาย “คุณแน่ใจนะ?!”
ไม่รอฉินจุนตอบ หลิวปู้ฝานเริ่มพูดก่อน
“เด็กเมื่อวานซืนมาจากไหน กล้าทำตัวบ้าๆ บอๆ ในโรงพยาบาลของเรา! นี้เป็นสถานที่ที่นายสามารถเข้ามาได้รึไง!”
ดูเครื่องแต่งกายของฉินจุน บวกกับคำพูดของเขาเมื่อกี้ เหมือนหมอเถื่อนชัดๆ
อย่าว่าแต่จะยังหนุ่ม บวกกับคำพูดที่หยิ่งผยอง เมื่อกี้หลิวปู้ฝานบอกแล้วว่าไม่มีใครรักษาโรคของท่านจู้ได้ ยังจะบอกว่าเขารักษาได้ นี่เป็นการตบหน้าเขาไม่ใช่รึไง?
ฉินจุนไม่สนใจหลิวปู้ฝาน แต่มองดูจู้หย่งแล้วพูดว่า
“ลุงจู้ เวลาไม่มากแล้ว ผมเข้าไปตอนนี้ ยังมีความหวังเล็กน้อย”
ลุงจู้?
จู้หย่งงงงวยเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มคนนี้รู้จักเขาแน่ๆ แต่เขาจำไม่ได้ว่าเป็นใคร
เวลาไม่รอคน ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว พูดคำที่ไม่น่าฟัง ม้าที่ตายแล้วรักษาโดยคิดซะว่าเป็นม้าที่มีชีวิต ให้เขาลองก็ไม่เสียหาย
“ได้! คุณเข้าไปเถอะ!”
หลิวปู้ฝานขมวดคิ้ว “ประธานจู้! นี่ไม่ใช่เรื่องตลก เขาเป็นเด็กเมื่อวานซืน จะมีความสามารถทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมอะไร? โรคที่ผมหลิวปู้ฝานรักษาไม่หาย ใครก็ไม่สามารถรักษาหาย ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้น ผมไม่รับผิดความรับผิดชอบใรครั้งนี้!”
จู้หย่งฮึดฮัดอย่างเย็นชา “คนใกล้จะตายแล้ว ยังมีผลลัพธ์อะไรที่แย่ไปกว่านี้อีก? หลีกไป!”
หลิวปู้ฝานกัดฟัน ก็คงต้องหลีกทางให้ แต่สีหน้าหม่นหมองมาก
ฉินจุนเหลือบมองเขา พูดเบาๆ
“ความหยิ่งยโสเป็นข้อห้ามในการฝึกแพทย์ ไม่มีความสามารถ ก็คิดว่าตัวเองเป็นที่หนึ่งของโลก เป็นหมอที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ”
หลังจากพูดจบ ฉินจุนก็เดินเข้าห้องผ่าตัด
หลิวปู้ฝานตะลึง เป็นเวลานานก็ยังไม่ตอบสนองกลับมา
“เขาว่าอะไรนะ? เขาพูดว่าผมเป็นหมอที่ไม่ได้เรื่อง? เขาไอ้เด็กที่ยังไม่โตเต็มที่คนหนึ่ง กล้าพูดว่าผมเป็นหมอที่ไม่ได้เรื่องงั้นเหรอ?! ไอ้สารเลว!”
ต่อหน้าผู้คนมากมาย แต่กลับมีคนสงสัยในทักษะทางการแพทย์ของเขาหลิวปู้ฝาน รนหาที่ตายจริงๆ เลย!
“ไม่ได้ ปล่อยให้เขาก่อกวนไม่ได้ เข้าไป!”
หมอหลายคนรีบตามเข้าไปที่ของผ่าตัด กลัวว่าฉินจุนจะก่อเรื่องอะไรขึ้น
เพิ่งเข้ามาห้องผ่าตัด แค่เห็นฉินจุนยืนอยู่ข้างๆ ท่านจู้ สองนิ้วของขวามือรวบเข้าด้วยกัน ใช่แรงกด
สองนิ้วแตะที่หน้าอกขวาของเขา
จี้จุด?
โรงพยาบาลเพื่อประชาชนตงไห่ เป็นโรงพยาบาลที่ผสมผสานการแพทย์แผนจีนและตะวันตก เมื่อเห็นวิธีการใช้นิ้วนี้ ทุกคนก็ตกใจ
นี่คือการจี้จุดจริงๆ เหรอ?
การจี้จุดรักษาโรค ล้ำลึกสุดๆ ถึงจะเป็นหมอจีนเก่าแก่ที่เดินทางทั่วล่าใต้ฟ้ามาหลายสิบปี ก็ไม่กล้าลงมือได้ง่ายๆ
แต่ ช่วงเวลาสำคัญ การจี้จุดช่วยชีวิตได้ เป็นหนึ่งในมาตรการปฐมพยาบาลที่ทรงพลังที่สุดของการแพทย์แผนจีน
ฉินจุนจี้จุดนี้ ท่านจู้จู่ๆ ก็เฮือกออกมา
“นายทำอะไร! นายรีบออกไปจากที่นี้ นี้ไม่ใช่ที่ที่นายจะมาวุ้ยวายได้!” หลิวปู้ฝานโมโหมาก!
เมื่อหลิวปู้ฝานเพิ่งตะโกนเสร็จ ทันใดนั้นพยาบาลข้างๆ ก็ตะโกน
“มีลมหายใจแล้ว! ท่านจู้มีลมหายใจแล้ว!”