35 – เธอไม่ใช่แฟนฉัน
เย่ฟ่านมองไปเพื่อนๆที่กลายเป็นคนชราผมหงอกหลายสิบคนและไม่สามารถพูดได้เป็นเวลานาน พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นที่คุ้นเคยกันดี แต่ทุกคนกลับกลายเป็นแบบนี้มันทำให้เขารู้สึกกลัวมาก
ผังป๋อยังตกตะลึงไม่หาย เขาโชคดีแล้วที่กลับกลายมาเป็นเด็ก หากเขาต้องเป็นคนแก่อย่างที่เห็นอยู่ตอนนี้เขาคงต้องฆ่าตัวตายอย่างเดียว
ทั้งสองคนรีบไปตรวจสอบสถานการณ์ของทุกคนที่อยู่ตรงนั้น โชคดีที่ทุกคนยังหายใจและไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต
“อะไร”
ผังป๋อพบหลิวอี่อี้ในกอหญ้า เธอไม่ได้ดูเปลี่ยนแปลงอะไร เธอยังคงบอบบางและอ่อนแอเหมือนเมื่อก่อน เธอนอนหลับตาและดูน่าสงสารเหมือนเดิม
สิ่งนี้ทำให้เย่ฟ่านและผังป๋อมีความสุขมาก พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลิวอี่อี้ตั้งแต่ที่เรียนอยู่ด้วยกัน ดังนั้นหากเธอกลายเป็นคนแก่เหมือนกับคนอื่นมันคงเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากสำหรับเธอ
เย่ฟ่านค้นพบจางจื่งหลิงใต้ต้นไม้โบราณ และตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะอายุสี่สิบได้ แม้ว่าดูแก่ชราขึ้นมากแต่เขาก็ยังไม่แก่เท่ากับโจวยี่และคนอื่นๆ
“จื่อหลิงสุดหล่อกลายเป็นลุงไปแล้ว” ผังป๋อยังคงสบายๆและไม่กังวลกับสถานการณ์ของตัวเอง
ไม่นานนักที่หลิวอี่อี้ตื่นขึ้น เมื่อเห็นเย่ฟ่านและผังป๋อเธอก็ปิดปากด้วยความประหลาดใจ
ในไม่ช้าจางจื่งหลิงก็หันกลับมา และเมื่อเขาเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองเขาก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนสุดเสียง
เขาเปลี่ยนจากชายหนุ่มรูปงามกลายเป็นคุณลุงวัยกลางคนที่หล่อเหลา เรื่องเช่นนี้ไม่มีใครยอมรับได้อย่างแน่นอน
“นายจะตะโกนไปทำไม ถ้านายเห็นคนอื่นนายจะรู้ว่าตัวนายโชคดีแค่ไหนแล้ว”
จางจื่งหลิงได้ยินคำพูดกระแนะกระแหนของผังป๋อเขาก็เหลือบมองไปยังโจวยี่ หลี่เสี่ยวม่าน และคนอื่นๆ เสียงร้องของเขาหยุดลงทันที ในเวลานี้เขารู้สึกโล่งใจเล็กน้อย
“เป็นไปได้ยังไง…” เขาตกตะลึงแต่ก็ยังดีกว่าความสิ้นหวังในตอนที่ตื่นขึ้นใหม่ๆ
มีคนนับสิบคนนอนอยู่ตรงนั้น เย่ฟ่านและผังป๋อกลับสู่วัยเด็กหลิวอี่อี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลยแต่จางจื่งหลิงสูญเสียอายุไปประมาณ 20 ปี
ในขณะที่คนอื่นดูไม่ได้เลย พวกเขากลายเป็นคนแก่อายุ 70 80 ปีที่มีร่างกายทรุดโทรมเป็นอย่างมาก
เย่ฟ่านและผังป๋อมองหน้ากัน และทั้งสองก็นึกถึงผลไม้สีแดงใสราวคริสตัลในทันที
เมื่อพวกเขากินมันเข้าไปในตอนนั้น พวกเขารู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมและสามารถฟื้นคืนพลังงานอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ดูเหมือนว่าผลไม้จะส่งผลที่น่าอัศจรรย์กับพวกเขา!
ทุกคนแก่ชราลงโดยไม่ทราบสาเหตุ และมีเพียงผู้ที่กินผลไม้นี้เท่านั้นที่ต้านทานการกัดเซาะของกาลเวลาหลายปีได้
“สิ่งที่ทำให้ทุกคนกลายเป็นคนแก่ลงน่าจะเกี่ยวข้องกับดินแดนต้องห้าม” เย่ฟ่านคาดเดาเช่นนั้น
ดินแดนต้องห้ามโบราณถูกทิ้งร้างและแทบไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ เรื่องนี้สมเหตุสมผลอย่างยิ่งไม่เช่นนั้นดินแดนที่กว้างใหญ่ไพศาลจะไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม พวกเขาออกมาอย่างปลอดภัยโดยไม่มีอันตรายซึ่งไม่สอดคล้องกับสามัญสำนึก ดังนั้นเมื่อพวกเขาพบว่าตัวเองแก่ชราลงเรื่องนี้ก็ค่อนข้างสมเหตุผล
“ใช่ มันคงเป็นเพราะดินแดนโบราณที่ต้องห้ามนั้น!” ผังป๋อก็สรุปออกมาเช่นนี้
มีพลังอันน่าสะพรึงกลัวในดินแดนโบราณซึ่งทำให้ทุกคนสูญเสียความเยาว์วัยและพละกำลัง แต่ทำไมต้องรอให้พวกเขาออกมาก่อนมันถึงจะแสดงผล? สิ่งนี้ทำให้พวกเขางุนงงเล็กน้อย
“บางทีมันอาจจะเป็นเหมือนคำสาป เมื่อพวกเราเข้าสู่ดินแดนต้องห้ามอายุของพวกเราจะถูกแย่งชิงไปและไม่ว่าพวกเราจะไปอยู่ที่ไหนคำสาปนี้จะตามไปด้วย”
เย่ฟ่านและผังป๋อรู้สึกดีใจที่พวกเขากินผลไม้พวกนั้นเข้าไปเป็นจำนวนมาก ไม่เช่นนั้นสภาพของพวกเขาคงไม่แตกต่างจากทุกคน
หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง ผู้คนก็ตื่นขึ้นทีละคน และทันใดนั้นก็มีเสียงร้องด้วยความหวาดกลัวดังขึ้นไม่หยุดบนยอดเขา
การแก่ก่อนวัยอันควรนี่เป็นเพียงสิ่งที่น่าเศร้าที่สุดในโลก ในช่วงอายุ 20 กว่าปีนั้นเป็นช่วงที่สำคัญที่สุดของชีวิตมนุษย์ แต่ในชั่วพริบทุกคนก็กลายเป็นคนก็แก่หงำเหงือก เรื่องนี้จะให้พวกเขาทนได้อย่างไร
“ทำไมฉันถึงกลายเป็นแบบนี้ล่ะ”
โจวยี่ยื่นมือออกไปอย่างสั่นเทาและลูบผิวที่มีรอยเหี่ยวย่นของตัวเอง เขาดึงเส้นผมที่หงอกขาวของเขาออกมาดูและส่งเสียงกรีดร้อง
“ทำไม?”
ถัดจากนั้นหวังจื่อเหวินก็ตัวสั่น ดวงตาของเขาขาวขุ่นในขณะที่เขามองไปรอบรอบ
“ฉันไม่เชื่อ … “
“อา … “
หลินเจี๋ยเกือบจะเป็นลมอีกครั้ง และเสียงกรีดร้องของเธอก็ทำให้นกทุกตัวในป่าบนภูเขากระจัดกระจายไปด้วยความตกใจ
ความแก่ชราเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดของผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีความสวยเหมือนเธอ
ร่างกายที่มีความงามตามธรรมชาติและความเย้ายวนผ่องใสต้องกลับกลายเป็นหญิงชราที่มีผิวหนังเหี่ยวย่น เรื่องนี้โหดร้ายยิ่งกว่าความตายเสียอีก
ในอีกด้านหนึ่งหลี่เซียวม่านเองก็เช่นเดียวกัน เธอกำลังลังเลอยู่ว่าเธอจะฆ่าตัวตายดีหรือไม่ เส้นผมที่เคยดำงดงามของเธอเหี่ยวแห้งเหมือนกับกอหญ้า ผิวพรรณของเธอเหี่ยวย่นแม้แต่ดวงตาก็ยังว่าฟ่าฟางเล็กน้อย
เมื่อเห็นเย่ฟ่านกำลังเดินเข้ามาหลี่เสี่ยวม่านก็กรีดร้องด้วยความตกใจ
“อย่าเข้ามา!”
เธอเอามือปิดหน้าและร้องไห้ต่อไป จากนั้นจึงฝังศีรษะไว้ที่เข่าของตัวเอง
เย่ฟ่านไม่ได้เดินเข้าไปมากกว่านั้นเพราะไม่ต้องการให้เธอเสียใจไปมากกว่านี้ เขาหยุดอยู่กับที่แล้วกล่าวปลอบโยนว่า
“อย่าเพิ่งสิ้นหวัง ทุกอย่างต้องมีทางแก้ไข”
มีเมฆมืดครึ้มอยู่บนยอดเขา ผู้คนมากมายต่างหมดหวังที่จะมีชีวิตอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้เห็นเด็กอายุสิบเอ็ดสองปีสองคน คือเย่ฟ่านและผังป๋อยิ่งเป็นแรงกระตุ้นให้พวกเขาอยากฆ่าตัวตาย
คนส่วนใหญ่อายุมากจนแทบจะเดินไม่ไหว แต่ทั้งสองคนกลับกระปรี้กระเปร่า การเปรียบเทียบนี้ทำให้หลายคนคุ้มคลั่งจนเกือบเป็นบ้า
“โอ้ย พระเจ้า … เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้!” เคดแสดงความรู้สึกเศร้าโศกออกมาเป็นภาษาจีน
“ปีศาจผมทองอย่าเสียใจไปเลย” ผังป๋อเดินไปตบไหล่เขาอย่างอ่อนโยนและพูดว่า
“การแก่เฒ่าร่วมกับคนรักเป็นเรื่องที่โรแมนติกที่สุดในโลก”
ตอนนั้นเคดร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเด็กๆว่า
“เธอไม่ใช่แฟนของฉัน”
ผังป๋อตะลึงงันจากนั้นก็เหลือบมองหลี่เสี่ยวม่านโดยไม่ได้พูดอะไร
“เย่ฟ่าน ทำไมนายถึงไม่แก่เหมือนคนอื่น?”
โจวยี่สงบลงก่อนเพื่อน เขาจ้องไปที่เย่ฟ่านและผังป๋อจากนั้นดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย
คนอื่นๆก็ได้ระงับความเศร้าโศกไว้ชั่วคราวและหันมามองพวกเขา
ผังป๋อรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของโจวยี่ และเขาพูดอย่างเฉยเมยว่า
“เรื่องนี้ไม่สามารถตำหนิเราได้ แท้ที่จริงแล้วพวกเราไม่ใช่มนุษย์เหมือนกับพวกนาย พวกเราเป็นสายพันธุ์ที่แตกต่างซึ่งซ่อนตัวอยู่ในโลกมาหลายล้านปี”
หลินเจี๋ยหยุดร้องไห้และมองไปที่เย่ฟ่าน เธอถามอย่างจริงจังจนเกือบจะขอร้อง
“เย่ฟ่านทำไมนายถึงไม่แก่เหมือนคนอื่น บอกความจริงกับพวกเรา”
เย่ฟ่านไม่รู้จะบอกเธอยังไง ผลไม้พวกนั้นถูกเขากินได้หมดแล้วดังนั้นพวกเขาได้แต่หาวิธีอื่น
“ออกไปจากที่นี่ … ไปที่วังของเซียนนั่น!”
โจวยี่ยืนขึ้นอย่างสั่นเทาและชี้ไปที่ภูเขาสูงในระยะไกล ที่ซึ่งมีอาคารมากมายตั้งอยู่ราวกับพระราชวังบนท้องฟ้า
แม้ว่าร่างกายของเขาจะแก่แต่จิตใจของเขาไม่ได้ชราภาพ มีคนสามารถขี่นกกระเรียนอยู่ที่นั่นได้ สถานที่แห่งนั้นจะต้องเป็นที่อยู่ของเซียนอย่างแน่นอน
ทุกคนสนับสนุนความคิดนี้และเดินลงมาจากภูเขาภายใต้การประคับประคองของกันและกัน
หลายคนอายุมากขึ้น และการเดินทางของพวกเขาก็ช้าลงมาก เย่ฟ่าน ผังป๋อ หลิวอี่อี้และจางจื่งหลิง ต้องดูแลพวกเขาในระหว่างทางด้วย
“ปู่โจวกับปู่หวัง ฉันจะช่วยพวกนายเอง”
ผังป๋อเดินอยู่ตรงกลางและประคองหวังจื่อเหวินกับโจวยี่ให้เดินไปพร้อมกัน
ไม่รู้ว่าทำไม หลี่เสี่ยวม่านเลือกที่จะปล่อยให้เย่ฟ่านประคับประคองเธอเดินไปเรื่อยๆ เธอไม่ได้พูดอะไรเอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ตลอดเวลา