34 – ทำไมถึงเป็นแบบนี้
“ดูสิ มีทะเลสาบสีดำขนาดใหญ่”
ในตอนที่วิ่งมาถึงที่นี่ก้อนหินขนาดใหญ่ได้บดบังสายตาของทุกคนจนกระทั่งพวกเขาเดินผ่านก้อนหินพวกนั้นจึงมองเห็นว่ามีทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า
ทะเลสาบขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตาที่ดูไม่เหมือนทะเลสาบแม้แต่น้อย มันไม่มีคลื่นและสิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดคือสีของทะเลสาบซึ่งมืดเหมือนหมึกสีดำ
“ถ้าโลกใบนี้มีน้ำที่เต็มไปด้วยสีดำแบบนี้พวกเราคงได้ตายจริงๆ” ผังป๋อที่ไม่เคยพูดอะไรเข้าท่าก็แสดงความคิดเห็นบั่นทอนกำลังใจของทุกคนเหมือนเช่นทุกครั้ง
น้ำในทะเลสาบนั้นไม่มีชีวิตชีวาเหมือนกับดินแดนแห่งความตาย ไม่เพียงแค่นั้น พื้นที่ภูเขาที่เปิดโล่งรอบๆกลายเป็นดินแดนที่แห้งแล้งและแม้แต่วัชพืชก็ไม่สามารถเติบโตได้
ดูเหมือนว่าน้ำสีดำพวกนี้จะไม่สามารถนำไปใช้อะไรได้จริงๆ
“ดูเหมือน … ดูเหมือนจะมีเสียงบางอย่าง” เสียงของเพื่อนนักเรียนหญิงสั่นและใบหน้าของเธอก็ขาวซีด
ในเวลานี้คนอื่นๆก็ได้ยินเสียงแปลกๆดังมาจากทะเลสาบเหมือนกัน
“คลิก”
“อยู่ตรงนั้น!”
ใบหน้าของหลิวอี่อี้ซีดเผือดนิ้วของเธอชี้ไปที่สิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งซึ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่ที่ชายฝั่งของทะเลสาบ
ร่างกายส่วนใหญ่ของมันอยู่หลังก้อนหิน มีเพียงส่วนเล็กๆของร่างกายที่ถูกเปิดเผยออกมา ผิวที่หนาบนร่างกายของมันเรียบลื่นมันวาวและแข็งเหมือนโลหะสีดำ
“นั่นคืออะไร ?!” ทุกคนตกใจ
“ รีบไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!”
ทะเลสาบที่มีสีดำเหมือนหมึก ดินแดนแห่งความแห้งแล้งที่ไม่มีแม้แต่พืชพันธุ์ใดๆ สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ที่นี่ต้องไม่ใช่สัตว์กินพืชอย่างแน่นอน
“คลิก”
เสียงแตกดังขึ้นอีกครั้ง และมีเสียงกรีดร้องเบาๆคล้ายกับว่ามีสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่ได้รับความเจ็บปวดแต่ไม่สามารถส่งเสียงร้องอย่างเต็มที่ได้
ในเวลานี้สิ่งมีชีวิตที่พวกเขาเห็นกำลังดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งและใช้ร่างกระแทกหินไม่หยุด
ก้อนหินที่มีความสูงเจ็ดหรือแปดเมตรและความยาวมากกว่าสิบเมตรถูกกระแทกจนแตกในครั้งเดียว และตกลงไปในน้ำที่มืดมิดของทะเลสาบ ทำให้คลื่นสีดำสาดกระจายขึ้นสู่ท้องฟ้า
จนกระทั่งถึงเวลานี้ ในที่สุดทุกคนก็เห็นสัตว์ร้ายนั้น มันยาวเพียง 3 เมตรและสูงน้อยกว่า150 cm
มันไม่ได้ใหญ่โตอย่างที่คิด แต่ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ทุกคนตกใจยิ่งกว่า หินยักษ์ที่มีความยาวมากกว่าสิบเมตรและสูงเจ็ดหรือแปดเมตรตกลงไปในทะเลสาบ เจ้าสิ่งนี้มีพลังมากแค่ไหน
“นี่คืออะไร?!”
ทุกคนไม่เคยเห็นสัตว์ร้ายชนิดนี้มาก่อน มันไม่มีขนและไม่มีเกล็ดปกคลุมร่างกาย ทุกสิ่งทุกอย่างในร่างกายของมันเหมือนกับถูกหล่อขึ้นมาจากเหล็กไหล ทั้งตัวของมันมันวาวเหมือนกับโลหะ
แม้ว่ามันจะมีความยาวเพียงแค่ 3 เมตร แต่ลักษณะของมันนั้นเต็มไปด้วยความดุร้ายและแข็งแกร่ง
เมื่อมองแวบแรกมันดูเหมือนวัวที่แข็งแรง แต่เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆก็จะเห็นว่ามันเป็นวัวที่แปลกมาก เขาทั้งเก้าที่งอกออกมาจากศีรษะของมันแหลมคมจนน่าสยดสยอง
มันมีห้าดวงตาและแต่ละดวงล้วนเป็นสีแดงก่ำ ฟันแหลมคมยาวครึ่งฟุตในปากกว้างนั้นเผยออกมาเหมือนมีดสั้น บรรยากาศรอบตัวของมันเต็มไปด้วยความดุดันอำมหิต
นี่คือสัตว์ร้ายที่ทุกคนไม่เคยเห็นและได้ยินมาก่อนในชีวิต
ในเวลานี้ส่วนที่เป็นสีดำของสัตว์ร้ายก็เริ่มลอกออกและศีรษะของมันก็โผล่พ้นออกมาจากผิวหนังที่มันลอกอยู่นั้น
“เร็วเข้า ในตอนที่มันลอกคราบพวกเราต้องหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!”
สัตว์ตัวนี้กำลังลอกคราบเหมือนจั๊กจั่น ทุกคนไม่เคยได้ยินว่าจะมีสัตว์ที่ตัวใหญ่ขนาดนี้สามารถลอกคราบได้
แม้ว่าทุกคนจะไม่รู้ว่าเจ้าสิ่งนี้คือตัวอะไรกันแน่ แต่ทุกคนล้วนทราบดีในเรื่องหนึ่ง
ส่วนมากแล้วสัตว์ที่ถึงช่วงลอกคราบมันจะอดอาหารอยู่เป็นเวลานาน หากว่ามันลอกคราบสำเร็จแล้วก็ชัดเจนว่ามันต้องออกหาอาหารเพื่อเติมเต็มท้องให้เร็วที่สุด
ทุกคนต่างวิ่งหนีตายอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาวิ่งมาไกลมากแค่ไหนแต่รู้ว่าน่าจะออกห่างจากทะเลสาบสีดำอยู่พอสมควร
พวกเขาปีนขึ้นไปบนภูเขาเตี้ยๆ หลังจากวิ่งมานานพอสมควรในที่สุดอาคารที่อยู่ด้านหน้าของพวกเขาก็ใหญ่โตมากขึ้นเรื่อยๆ
“ฉันรู้สึกว่าร่างกายของฉันร้อนขึ้น … “
เพื่อนร่วมชั้นหญิงคนหนึ่งพูดอย่างเขินอายเล็กน้อยกับเพื่อนร่วมชั้นหญิงอีกคนที่อยู่ใกล้ๆเธอ
“ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน”
ในเวลานี้ทุกคนต่างพบความผิดปกติ ผิวของพวกเขาเริ่มแดงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่ได้เกิดจากอากาศร้อนแต่อย่างใด ทุกคนรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาถูกยัดลงไปในเตาอบ
“ฉัน … ทนไม่ได้ … อึดอัดมาก!” เพื่อนนักเรียนหญิงคนหนึ่งนั่งยองๆลงกับพื้นและกรีดร้องออกมา
“มันเจ็บ ร่างกายของฉัน … ” เธอควบคุมตัวเองไม่ได้และร้องไห้ออกมา ในเวลานี้ดูเหมือนว่าเธอจะเจ็บปวดมากและกำลังกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น
จากนั้นเพื่อนร่วมชั้นอีกสองสามคนก็ทนไม่ไหว ร่างกายของพวกเขาเป็นสีแดงก่ำและเริ่มมีเลือดไหลซึมออกมาตามรูขุมขน พวกเขาล้มลงกับพื้นและม้วนตัวด้วยความเจ็บปวด
“เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น”
ทุกคนตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ ในมีเพื่อนหลายคนล้มลงกับพื้นและพยายามดิ้นรนอยู่ตรงนั้น ทุกคนส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดในขณะที่ผิวหนังของพวกเขาถูกลอกออกมากขึ้นเรื่อยๆ
“ฉันไม่อยากตาย…” ใครบางคนตะโกนด้วยความหวาดกลัว
นี่คือหายนะที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่มีใครรู้ว่าเหตุใดจึงเกิดเรื่องแบบนี้ พวกเขาไม่รู้สภาพของตัวเองเพียงสัมผัสได้ว่าร่างกายของพวกเขาเหมือนกับถูกใบมีดเชือดเฉือนออกทีละน้อย
“ให้ฉันตาย ให้ฉันตายเดี๋ยวนี้ มันทรมานมาก! “
หลายคนดิ้นรน ร้องไห้ เกลือกกลิ้งและตะโกน พวกเขาหมดหวังที่จะมีชีวิตต่อและส่งเสียงคำรามดังลั่น ในที่สุดร่างกายของทุกคนก็ชุ่มโชกไปด้วยเลือด
นี่เป็นการทรมานที่ไร้มนุษยธรรม เหมือนอยู่ในนรก ประสบกับการทรมานที่น่าสลดใจที่สุดในโลก ในที่สุดความเจ็บปวดก็ทำให้ทุกคนหมดสติ และไม่มีใครสามารถลุกขึ้นได้
……………….
สองชั่วโมงต่อมา เย่ฟ่านที่กำลังนอนอยู่บนหญ้าก็ตื่นขึ้นก่อน ท้องฟ้าเป็นสีฟ้า เสียงร้องของนกแมลงดังอยู่รอบตัวเขาและเขาก็ลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว
ไม่มีความเจ็บปวดในร่างกายของเขาอีกต่อไป และเขาก็เต็มไปด้วยความสดชื่น เขารู้สึกเหมือนร่างกายของตัวเองมีพลังมากมายมหาศาล
ไม่รู้ทำไมแต่เย่ฟ่านคิดว่าเขาสามารถฉีกร่างกายของเสือตัวเป็นๆออกจากกันได้
อย่างไรก็ตามในไม่ช้าเขาก็ค้นพบความผิดปกติ เสื้อผ้าบนร่างกายของเขาก็ใหญ่ขึ้นและไม่มีความใกล้เคียงกับคำว่าพอดีเลย
เย่ฟ่านยื่นมือออกจากแขนเสื้อกว้าง เมื่อเขาเห็นมันเขาก็เกือบจะร้องออกมาด้วยความตกใจ
นี่ยังเป็นฝ่ามือของเขาอยู่หรือเปล่า? ทำไมมันเล็กถึงขนาดนี้ มันมีความแวววาวและน่ารักเหมือนมือของทารก ต่อให้มือของเขาหดตัวลงก็ไม่น่าจะเป็นแบบนี้ได้
เย่ฟ่านยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกว่าทุกอย่างเหลือเชื่อมาก เสื้อผ้าบนร่างกายของเขาหลวมและแทบจะใส่ไม่ได้ เขารู้ดีว่าไม่ใช่เสื้อผ้าของเขาใหญ่ขึ้น แต่ร่างกายของเขาต่างหากที่เล็กลง
ในเวลานี้เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองย้อนกลับไปในช่วงที่อายุประมาณ 11-12 ปี
ในเวลานี้ผังป๋อซึ่งอยู่ไม่ไกลก็ตื่นมาและขยี้ตาตัวเองด้วยความเหน็ดเหนื่อย เมื่อเขาเห็นเย่ฟ่านยืนอยู่ไม่ไกล เขาก็แสดงความตกใจและพูดว่า
“แกเป็นใคร ทำไมถึงเอาเสื้อผ้าของเย่ฟ่านไปใส่!”
เมื่อพูดออกมาผังป๋อก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เสียงของเขาทำไมดูเล็กลง เขารีบลุกขึ้นยืนและสำรวจร่างกายของตัวเองอย่างถี่ถ้วน
“เสื้อผ้าของฉันใหญ่ขึ้นได้อย่างไร ไม่ ร่างกายของฉันเล็กลงได้อย่างไร” เขามองเย่ฟ่านด้วยความประหลาดใจและพูดติดอ่าง
“นาย … เย่ฟ่านหรือเปล่า” เมื่อพูดออกมาเขาก็แทบจะหัวเราะกับเสียงของตัวเอง
เมื่อมองไปที่ผังป๋อซึ่งอยู่ไม่ไกล เย่ฟ่านก็ตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง นั่นเป็นเด็กน้อยอายุประมาณ 11-12 ปีที่มีความคล้ายคลึงกับผังป๋อ
“เกิดอะไรขึ้น”
ผังป๋อเดินเข้ามาหาเย่ฟ่าน แต่ใบหน้าของเขาไม่ได้มีความหวาดกลัวเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจแทน
“ฉันคิดว่า … เราอาจจะกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง”
เย่ฟ่านก็ตกใจเช่นกัน แต่เขาเป็นคนที่มีสติอยู่ตลอดเวลาดังนั้นจึงอนุมานสาเหตุได้อย่างรวดเร็ว
“เกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่?!”
ผังป๋อะตะโกนไปครู่หนึ่ง แต่ไม่ช้าเขาก็เลิกให้ความสนใจ เขาเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ เมื่อเห็นว่าเรื่องนี้ยากที่จะเข้าใจมากเกินไปเขาก็เลิกคิดมันทันที
“ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนอื่น”
เย่ฟ่านเรียกผังป๋อให้เดินขึ้นภูเขาด้วยกัน พวกเขากลิ้งลงมาจากภูเขาจนห่างจากจุดเดิมหลายสิบเมตร
โชคดีที่ภูเขาที่นี่ไม่มีต้นไม้และเศษหินมากนักไม่เช่นนั้นการตกลงจากภูเขาในช่วงที่ไม่มีสติคงไม่ใช่เรื่องน่าสนุกอย่างแน่นอน
เมื่อมาถึงยอดภูเขาเย่ฟ่านและผังป๋อก็ตัวสั่นทันที
“ทำไมพวกเขาถึงเป็นแบบนี้”
หลายสิบคนนอนอยู่บนพื้นเส้นผมของพวกเขาหงอกขาวและมีผิวหนังเหี่ยวย่น แต่คนเหล่านี้สวมเสื้อผ้าของคนที่คุ้นเคยและพวกเขามีอายุประมาณ 70-80 ปี
“พวกเขา … โจวยี่ หวังจื่อเหวิน หลินเจี๋ย หลี่เสี่ยวม่าน ทำไมถึงเป็นแบบนี้”