30 – อสูรโบราณ
ในเวลานี้ทุกคนได้แก้ปัญหาของตนเองบ้างแล้ว บางคนเริ่มปรึกษากันว่าจะเดินทางไปทิศทางไหนดี
เมื่อเย่ฟ่านและผังป๋อเดินเข้ามาพร้อมกับกลิ่นผลไม้ที่เข้มข้นก็ดึงดูดสายตาของทุกคนทันที ในขณะนี้บางคนยังคงหิวโหยอยู่ดังนั้นสายตาของพวกเขาจึงเปล่งประกาย
“อี้อี้ให้เธอ รีบกินเดี๋ยวนี้เดี๋ยวจะมีคนมาแย่ง” ผังป๋อยัดผลไม้สีแดงสองผลไว้ในมือของหลิวอี่อี้ซึ่งส่องแสงสดใสภายใต้แสงแดด
หลี่ฉางชิงยืนห่างออกไปไม่ไกล เมื่อได้กลิ่นหอมของผลไม้นี้เขาก็เดินเข้าหาผังป๋อแล้วกล่าวว่า
“ผังป๋อนายไปเจอมันที่ไหน พาพวกเราไปดูหน่อย”
ก่อนหน้านี้เขายังพยายามใส่ร้ายเย่ฟ่านและผังป๋ออยู่เลย แต่ตอนนี้เขาเอื้อมมือออกไปหยิบผลไม้อีกสามผลในมือผังป๋อ
“ฉันไม่เคยเจอคนที่หน้าหนาขนาดนี้มาก่อน” ผังป๋อดึงมือกลับแล้วใช้มืออีกข้างผักหน้าอกของหลี่ฉางชิงออกไป
“นายทำแบบนี้หมายความว่ายังไง” หลี่ฉางชิงทนไม่ไหวและพูดด้วยความโกรธเคืองว่า
“เราเป็นเพื่อนร่วมชั้นที่มาสู่โลกแปลกประหลาดด้วยกัน เราควรช่วยเหลือกัน ตอนนี้ทุกคนหิวมากและในเมื่อพวกนายสามารถหาอาหารได้พวกเราก็ควรจะแบ่งปันกัน”
“ฮ่าๆๆ นี่เป็นเรื่องตลกที่สุดที่ฉันเคยได้ยินเลย” ผังป๋อหัวเราะเยาะ “ใครแอบกินช็อกโกแลตในโลงศพทองแดงวะ รีบไสหัวไปให้พ้นๆหน้าฉัน ฉันขยะแขยงแกยิ่งกว่าจระเข้พวกนั้นซะอีก!”
หลี่ฉางชิงใบหน้าซีดเผือด เขาไม่ยอมรับว่าเขาแอบกินช็อกโกแลตในตอนที่ทุกคนอยู่ในโลงศพทองแดงและพวกเขาก็เริ่มโต้เถียงกันอีกครั้ง
“ขอโทษนะทุกคนมันมีน้อยมากเกินไป ฉันเลยเก็บผลไม้มาทั้งหมด 5 ผล ซึ่งไม่เพียงพอจะแบ่งปันให้กับทุกคนจริงๆ ร่างกายของอี้อี้ผอมเกินไปดังนั้นฉันต้องแบ่งให้เธอก่อน?”
ผังป๋อไม่ได้สนใจทุกคนในเวลานี้เขาหยิบผลไม้ที่เหลืออีกสี่ผลออกมา
“จางจื่อหลิงนายก็เอาไปลูกนึง” เมื่อจางจื่อหลิงรับไปแล้วผังป๋อก็หันกลับมา
“ผลไม้หมดแล้ว”
ผังป๋อพูดจบก็ยักผลไม้ที่เหลือเข้าไปในปากของเย่ฟ่านและตัวเอง
หลิวอี้อี้ที่มีความอายก็พูดขึ้นว่า
“ฉัน … ฉันกินได้ครึ่งหนึ่งเดี๋ยวส่วนที่เหลือจะแบ่งให้กับเพื่อน”
เมื่อเย่ฟ่านเห็นเช่นนั้นจึงจับแขนเธอไว้แล้วพูดว่า
“นี่เป็นของวิเศษไม่สามารถแบ่งให้ใครได้”
ผังป๋อก็ยืนจ้องเขม่งและบังคับให้เธอกินลงไปต่อหน้าเขา
“แต่…” หลิวอี้อี้รู้สึกหวาดกลัวต่อสายตาของเพื่อนที่มองมา
“อี้อี้เธอใจดีเกินไปแล้ว” ผังป๋อกระซิบ: “เธอคิดว่าทุกคนจะหิวโหยเหมือนเธอหรือไง พวกเขามีช็อกโกแลตของตัวเองมีใครหยิบมาแบ่งเธอบ้าง”
เมื่อเห็นเย่ฟ่านพยักหน้าให้เธอหลิวอี้อี้ก็ไม่ปฏิเสธอีกต่อไป
“ฉันยังมีช็อคโกแลตอยู่ เดี๋ยวจะแบ่งให้ทุกคน” ในเวลานี้หลิวหยุนจื่อก็ก้าวไปข้างหน้าและแจกช็อกโกแลตหลายห่อให้ทุกคน
เมื่อเห็นเช่นนั้นผังป๋อก็มองด้วยความโกรธ นี่คือการตบใบหน้าของเขาตรงๆ
“ยังคงเป็นหยุนจื่อที่มีน้ำใจมากที่สุด!”
หลี่ฉางชิงลอกช็อกโกแลตชิ้นหนึ่งแล้วยัดเข้าไปในปากของตัวเองโดยไม่ลืมที่จะมองไปยังผังป๋อและเย่ฟาน
“หนทางพิสูจน์ม้ากาลเวลาพิสูจน์คน … “
เพื่อนร่วมชั้นหญิงที่ติดตามหลิวหยุนจื่อมาโดยตลอดก็กล่าวเย้ยหยันเย่ฟ่านและผังป๋อ
เรื่องนี้ทำให้ผังป๋อมีใบหน้าแดงก่ำเล็กน้อย
“ฉันจะดูว่าพวกนายจะกินได้จนถึงตอนไหน “
“หยุนจื่อนายมีน้ำใจจริงๆ ไม่ว่านายจะไปที่ไหนฉันจะติดตามนายเอง” หลี่ฉางชิงจงใจเหลือบมองไปยังเย่ฟ่าน
หลังจากที่จัดการความหิวเล็กน้อยทุกคนก็เดินลงจากเขาและสำรวจป่าบริเวณรอบๆ
“ที่นี่เป็นสถานที่ต้องห้ามจริงๆ ไม่มีสัตว์เล็กๆแม้แต่ตัวเดียว…” หลี่ฉางชิงพูดกับตัวเอง
ผังป๋อรีบสอดขึ้นว่า
“นายควรจะดีใจต่างหาก ฉันรับประกันได้ว่าถ้ามีสัตว์ร้ายตัวใหญ่มันจะต้องกินนายก่อนเพื่อน”
หลี่ฉางชิงสะบัดหน้าไม่สนใจเขา หลังจากนั้นทุกคนก็เดินไปอีกประมาณชั่วโมงแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเห็นสัตว์ชนิดใดเลย
“เรามาผิดทางหรือเปล่า?” บางคนเริ่มสงสัยแต่ก็ยังเดินหน้าต่อ
หลังจากเดินไปอีกหลายชั่วโมงก็มืดพอดี ดังนั้นทุกคนจึงตั้งแคมป์บริเวณนี้และเตรียมจะหาทางออกจากป่าในวันพรุ่งนี้
นี่เป็นคืนที่น่ากลัว ตอนเที่ยงคืน ทุกคนได้ยินเสียงคำรามอันน่าสยดสยอง เสียงนั้นดังมากในขณะเดียวกันก็มีเสียงโซ่เหล็กดังขึ้นพร้อมเสียงคำรามด้วย
ในป่าบนภูเขาที่น่ากลัวนี้ ทุกคนรู้สึกเหมือนว่ามีสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ที่ถูกล่ามโซ่ไว้
“มันน่าจะมาจากหลุมขนาดใหญ่ที่พวกเราเห็นในตอนแรก” ทุกคนตัวสั่น ไม่มีใครลืมหลุมขนาดใหญ่ที่เห็นในตอนที่มาถึงโลกใบนี้
ในขณะเดียวกันเสียงคำรามก็ดังมากขึ้นเรื่อยๆ และภูเขาทั้งลูกที่พวกเขากำลังนอนอยู่ก็สั่นสะเทือนเล็กน้อย
นี่ไม่ใช่ความรู้สึกที่คิดไปเองเพราะในตอนนี้ใบไม้ก็ร่วงลงมาไม่หยุดจากการสั่นสะเทือน
ความหนาวเย็นแผ่ซ่านเข้าไปในจิตใจของทุกคน เสียงสั่นสะเทือนนั้นดังขึ้นเรื่อยๆแม้แต่ลมหายใจของมันทุกคนก็ได้ยินอย่างชัดเจน
“คร่อ” “ครอ” …
ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนสีพร้อมกันในขณะที่พวกเขานึกถึงบางสิ่งบางอย่าง
“ซากมังกรขนาดใหญ่ทั้งเก้ากับโลงศพทองแดงตกลงสู่หลุมนั่นใช่ไหม? … “
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโลงศพทองแดงและซากศพของมังกรทั้งเก้าต้องตกลงไปกระแทกอสูรตัวนี้ทำให้มันตื่นขึ้นมา
“มันคืออะไร?!”
“ครอ”, “ครอ” …
เสียงลมหายใจของอสูรตัวนั้นสั่นสะเทือนนแก้วหูของทุกคน
“บูม”
ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามรุนแรง ในบริเวณที่ขุมนรกตั้งอยู่ก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้น หมอกสีดำที่ไม่มีที่สิ้นสุดถูกพ่นออกมาปกคลุมท้องฟ้าอย่างสมบูรณ์
ในขณะที่ทุกคนกำลังแตกตื่นตกใจพวกเขาก็มองเห็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่มีลักษณะคล้ายกับมนุษย์กระโดดออกมาจากหลุมโซ่เหล็กหนายาวหลายร้อยฟุตกำลังมัดขาของมันไว้
มันกระโดดขึ้นสู่ท้องฟ้าและเสียงคำรามดังกึกก้องอย่างบ้าคลั่ง
ในตอนแรกทุกคนคิดว่ามีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่เป็นสิ่งมีชีวิตในประเภทสัตว์ซึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณนี้
แต่เมื่อเสียงคำรามดังขึ้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวของสิงสาราสัตว์ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง พวกมันต่างก็วิ่งหนีตายอลหม่านทำให้ป่าบริเวณรอบรอบเกิดเสียงดังสนั่น
สิ่งมีชีวิตสีดำที่กระโดดออกมาจากกลุ่มนั้นลากโลงศพทองแดงออกมาด้วย มันใช้โซ่เหล็กในมือฟาดเข้าใส่โลงศพทองแดงไม่หยุดดูเหมือนมันจะเสียสติไปแล้ว
“มันกำลังเปิดโลงศพทองแดงอยู่หรือเปล่า”
“น่าจะเป็นอย่างนั้น ถ้าโลงศพทองแดงถูกเปิดออกแล้วปฏิกิริยาของมันต้องไม่เป็นแบบนี้”