พวกเขาเป็นเพียงคนธรรมดากลุ่มหนึ่ง ไม่เคยพบเห็นความสามารถเช่นนี้มาก่อน
เพราะเหตุนี้ เมื่อคนหนึ่งกระเด็นออกไปจึงไม่กล้าเดินขึ้นหน้ามาอีก
ไป๋ยี่เฟยพูดเสียงเรียบว่า “คนอย่างพวกแกคือคนที่ไม่ควรมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ที่สุด!”
กุ้ยเหล่านั้นถูกทำให้ตกใจจนตัวสั่นไปทั้งตัว
คุณชายคนนั้นกลับเอ่ยขึ้นอย่างดันทุรังว่า “อย่ามาทำเสแสร้งอยู่ที่นี่ พ่อฉันคือจินฉี หากแกกล้าแตะต้องฉัน รับรองว่าแกไม่รอดแน่!”
ไป๋ยี่เฟยกลับชะงักไป “จินฉี? จินฉีคือใคร? ดังมากเลยหรือ?”
คำพูดนี้ของเขาคือการถามหญิงสาวคนนั้นที่อยู่ด้านข้าง
หญิงสาวทำสีหน้าปั้นยาก สุดท้ายก็กัดฟันพูดว่า “เป็นผู้อำนวยการของบริษัทหนึ่งในบรรดาบริษัทของตระกูลหู”
“ตระกูลหูที่อยู่ในสิบอันดับยักษ์ใหญ่?” ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว
หญิงสาวพยักหน้า
คุณชายหูเห็นเช่นนี้ ก็อดเงยหน้ายืดอกไม่ได้ เขาเชิดคางขึ้น ทำสีหน้าหยิ่งยโสมากกว่าเดิม “ถูกต้อง พ่อฉันคือจินฉี รู้จักกลัวแล้วสินะ?”
“รู้แล้วก็รีบคุกเข่าขอโทษฉันซะ ถ้าไม่อย่างนั้น……”
ไป๋ยี่เฟยไม่สนใจเขา แต่หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาคนคนหนึ่งแทน “ช่วยอะไรอย่างสิ”
“ว่ามา” ปลายสายคือเสียงของไป๋เซี่ยว
ไป๋ยี่เฟยกล่าวว่า “ช่วยกำจัดบริษัทจินฉีให้ที”
“ได้”
มองไป๋ยี่เฟยโทรศัพท์ คุณชายหูก็หัวเราะร่าทันที “ฮ่าๆ ……แกแสร้งทำเกินไปหน่อยหรือเปล่า? แกคิดว่าแกเป็นใครกัน? เป็นวิชาหมัดมวยนิดหน่อยก็เจ๋งแล้วเหรอ?”
” ยังบอกอีกว่าจะกำจัดบริษัทของตระกูลเรา แกพูดตลกอะไรกัน?”
กุ๊ยสองสามคนที่อยู่ข้างกายเขาเห็นเช่นนี้ก็หัวเราะเยาะตาม
“ไอ้เด็กโสโครก เห็นคุณชายของเราพูดเล่นกับแกอยู่เหรอ?”
“นั่นสิ ไม่ดูตัวเองบ้างเลยว่าเป็นตัวอะไร!”
ไป๋ยี่เฟยไม่สนใจที่พวกเขาหัวเราะเยาะ
แต่หญิงสาวคนนั้นกลับมองพวกเขายิ้มเย็นกล่าวว่า “เขานับเป็นอะไร พวกแกไม่รู้โดยสิ้นเชิง แต่ขอเพียงเขาพูดประโยคเดียว ทำลายตระกูลพวกแก ก็ง่ายดายเหมือนปอกกล้วย!”
“เพราะว่า ต่อให้เป็นตระกูลตู้ของสิบอันดับยักษ์ใหญ่ สำหรับเขาแล้วก็เป็นแค่ของไร้ค่า!”
สิ้นคำ คนเหล่านั้นก็มีความไม่อยากเชื่อเต็มใบหน้า
คนอื่นๆ ในร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ต่างมองมาทางนี้กันหมด
แม้แต่สาวอินเตอร์เน็ตคาเฟ่กับพนักงานที่อยู่ไม่ไกลนักก็กำลังมองมาทางนี้เช่นกัน
เวลานี้เอง ไม่รู้ว่าเป็นใครที่ส่งเสียงการเคลื่อนไหวเล็กน้อยออกมา
ทุกคนที่ราวกับถูกกดปุ่มพอสก็เปลี่ยนเป็นปุ่มเพลย์ขึ้นมา
“ฮ่าๆ ……”
“คิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญจริงๆ เหรอ?”
“ไอ้หนูแกรู้ไหมว่าตระกูลหูเป็นอันดับหนึ่งของสิบอันดับยักษ์ใหญ่ อย่างแกเนี่ยนะ? น่าขันชะมัด!”
“ฉันแนะนำว่าทางที่ดีตอนนี้แกคุกเข่าขอโทษฉันจะดีกว่า บางทีหากฉันพอใจแล้ว ยังอาจจะปล่อยผ่านอย่างคนใหญ่คนโตไม่ถือสาคนต่ำต้อยได้ แต่หากแกเสแสร้งอยู่ที่นี่ต่อไป ฉันคงได้แต่โทรหาพ่อฉัน ให้พวกเขาส่งยอดฝีมือมาจัดการแก”
“ฉันขอบอกกับแด บอดี้การ์ดของพ่อฉันเป็นยอดฝีมือระดับที่สาม อาศัยวิชาหมัดมวยแค่นั้นของแก ไม่พอให้ชายตามองด้วยซ้ำ!”
พวกเขาหัวเราะเยาะไป๋ยี่เฟยกับหญิงสาวอย่างไร้ความรู้สึก
สาวอินเทอร์เน็ตคาเฟ่กับพนักงานได้แต่ส่ายหน้าถอนหายใจ
“สมัยนี้คนดีช่างเป็นยากจริงๆ!”
“นั่นสิ หนุ่มนี่น่าเสียดายจัง”
คนอื่นๆ ที่ชมดูความครึกครื้นก็ลอบส่ายหน้ากับตนเองเช่นกัน คิดว่าไป๋ยี่เฟยถึงคราวซวยใหญ่หลวงแล้ว ถึงขั้นยังแสดงความเห็นใจออกมาด้วย
ทว่าในเวลานี้เอง มือถือของคุณชายหูก็ดังขึ้น
คุณชายหูหยิบมือถือออกมาดูแวบหนึ่ง “ดึกขนาดนี้พ่อฉันโทรมาหาฉันทำไม?”
“พอดีเลย จะได้บอกพ่อ มีคนกำลังก่อกวนที่ร้านเน็ต ให้เขาส่งบอดี้การ์ดมาที่นี่”
พูดพลางรับโทรศัพท์พลาง “พ่อ ดึกขนาดนี้ยังไม่นอนอีกเหรอ? จริงสิ พ่อ พ่อเอาบอดี้การ์ดของพ่อมาให้ผมยืม……”
“ไอ้สารเลว!” คุณชายหูยังพูดไม่ทันจบ ที่ปลายสายก็มีเสียงตะคอกดังมา “แกไปล่วงเกินใครอยู่ข้างนอก?”
คุณชายหูชะงักไป “ผมไม่ได้ล่วงเกินใครนี่? ทำไมเหรอ?”
“ทำไมน่ะเหรอ?” คนที่อยู่ในสายโมโหมาก “แกยังมีหน้ามาถาม?”
“เมื่อกี้ฉันได้รับโทรศัพท์จากสหพันธ์ธุรกิจ ทำให้พรุ่งนี้ตระกูลจินของเราต้องประกาศล้มละลายทันที ทั้งยังต้องมอบทรัพย์สินทั้งหมดให้สหพันธ์ธุรกิจด้วย!”
คุณชายหูสีหน้างงงวย “มีสิทธิ์อะไรกัน? มีสิทธิ์อะไรถึงต้องการทำให้พวกเราล้มละลาย? พ่อ สหพันธ์ธุรกิจเข้าใจผิดหรือเปล่า?”
ตอนนี้ในร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เงียบมาก ดังนั้นเสียงทางปลายสายพวกเขาเองก็ได้ยินเช่นกัน เพราะว่าเป็นเช่นนี้เอง ทุกคนจึงมึนงงกันไปหมด
เสียงตะคอกในสายพูดต่อว่า “แกยังมีหน้ามาถามฉัน? ลองคิดให้ดีๆ แกไปล่วงเกินใครกันแน่? คนของสหพันธ์ธุรกิจบอกว่าไอ้สารเลวอย่างแกไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตที่ไม่ควรล่วงเกิน!”
“ยังบอกอีกว่าคนใหญ่คนโตท่านนั้นไม่ฆ่าแกตาย ก็นับว่าเป็นบุญแล้ว!”
“ตอนนี้แกรีบไสหัวกลับมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ แล้วเก็บข้าวของไสหัวออกจากเมืองหลวงไป!”
คุณชายหูทั้งช็อกทั้งตกใจ
ผ่านไปแค่ไม่กี่นาทีก็ล้มละลายแล้ว?
แถมเขายังต้องถูกไล่ออกจากเมืองหลวงอีก?
เขาไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตที่ล่วงเกินไม่ได้?
ในที่สุดคุณชายหูก็มองไปทางไป๋ยี่เฟยอย่างตกตะลึงเต็มดวงตา
ไป๋ยี่เฟยกลับสงบนิ่งอย่างมาก เขาเดาออกแต่แรกแล้วว่าผลลัพธ์ต้องเป็นเช่นนี้
คุณชายหูส่ายหน้าติดๆ กัน เหมือนกับยังไม่เชื่อ “นี่……นี่จะเป็นไปได้ยังไง! นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
กุ๊ยสองสามคนนั้นที่ติดตามอยู่ข้างกายเขา ต่างแกมองฉัน ฉันมองแก
สาวอินเทอร์เน็ตคาเฟ่กับพนักงานก็มีความประหลาดใจเต็มใบหน้าเช่นกัน
คนเหล่านั้นที่ท่องเน็ตอยู่ด้านข้างต่างก็ฮึกเหิมเป็นอย่างยิ่ง
หญิงสาวมองคุณชายหูเอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า “ตอนนี้เชื่อหรือยัง?”
“แล้วก็ ต่อให้แกเรียกยอดฝีมือระดับที่สามของพ่อแกมา แล้วอย่างไร? อย่าว่าแต่ระดับที่สามเลย ต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับที่สอง ก็ต้านเขาไม่ไหวสักกระบวนท่าหรอก!”
ไป๋ยี่เฟยไม่พูดอะไร เพียงเดินไปทางหญิงสาว จากนั้นก็ยื่นมือออกมา
หญิงสาวชะงักเล็กน้อย ยังคงวางมือลงบนมือของไป๋ยี่เฟย
สุดท้าย ไป๋ยี่เฟยก็ลากหญิงสาวออกไปจากร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่
ส่วนคุณชายหูกับตระกูลหูที่กำลังประสบกับการล้มละลาย สำหรับไป๋ยี่เฟยแล้วไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง เขาไม่สนใจโดยสิ้นเชิง
รอจนออกมาจากร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่แล้ว ไป๋ยี่เฟยก็ปล่อยหญิงสาว ถามว่า “ทำไมพวกเธอไม่ไปหลันเต่า?”
“เป็นคุณ!” หญิงสาวมองไป๋ยี่เฟยอย่างตกตะลึง
ตอนนั้นหลังไป๋ยี่เฟยแปลงโฉมอย่างง่ายๆ ถึงเข้าไปยังตระกูลฉุง หลังจากนั้นเขาก็ช่วยฉุงลี่หย่ากับฉุงเฉ่าเจว๋ออกมา แล้วให้พวกเขาออกไปจากที่นี่แล้วไปหลันเต่าหาฉางเชี่ยว
ดังนั้นฉุงลี่หย่ากับฉุงเฉ่าเจว๋จึงไม่รู้เลยว่าตอนนั้นไป๋ยี่เฟยเป็นคนช่วยพวกเขาออกมา
ซึ่งตอนนี้ หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าก็คือฉุงลี่หย่า ดังนั้นเธอจึงตกใจเช่นนี้
……
ฉุงลี่หย่าพาไป๋ยี่เฟยมายังบ้านที่ไม่สะดุดตาอย่างมากหลังหนึ่ง ไป๋ยี่เฟยเห็นฉุงเฉ่าเจว๋แล้ว
ฉุงลี่หย่าพูดว่า “พ่อฉันเขาไม่ยอมไปจากเมืองหลวง”
“ดังนั้นพวกเราตอนกลางวันจึงอาศัยอยู่ในบ้าน หากน่าเบื่อ กลางคืนฉันก็จะไปเล่นเน็ตที่ร้านเน็ต อย่างไรฉุงโยวหมิงก็ไม่มีทางไปสถานที่แบบนั้น”
หลังฉุงเฉ่าเจว๋เห็นไป๋ยี่เฟยก็ยังความไม่เข้าใจอะไรอยู่อีก ดังนั้นเวลานี้สีหน้าจึงไม่สู้ดีนัก
ต่อให้ก่อนหน้านี้ไป๋ยี่เฟยช่วยเขาไว้ แต่เขายังคงไม่อาจปล่อยวางเรื่องที่ไป๋ยี่เฟยฆ่าลูกชายตัวเองลงไปได้
ไป๋ยี่เฟยเองก็รู้ว่าเขาไม่มีทางให้อภัยตน ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนั้นเป็นฉุงโยวเวยที่คิดจะฆ่าตน แถมยัง’ ฆ่า’ ฉินหัวทางอ้อม ภายใต้สถานการณ์นั้น ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกี่ครั้ง เขาก็เลือกที่จะฆ่าฉุงโยวเวย
แต่ตอนนี้สถานการณ์ต่างไปอยู่บ้าง ไป๋ยี่เฟยนั่งลงอย่างไม่เกรงใจ กล่าวกับฉุงเฉ่าเจว๋ว่า “คุณเกลียดผมผมรู้ แต่ตอนนี้ มีเพียงผมที่สามารถทำให้คุณกลับสู่ตระกูลฉุงอีกครั้งได้ ชิงตระกูลฉุงกลับมา”
ฉุงเฉ่าเจว๋แค่นเสียงเย็น “ไม่ต้องการการเห็นใจจากนาย!”