“เพล้ง!”
เศษกระจกที่แตกเต็มพื้น ทำให้ทุกคนยิ่งหวาดกลัว พวกเขาพากันถอยหลัง ไม่กล้าขึ้นหน้ามาอีก
ปฏิกิริยาของไป๋ยี่เฟยนิ่งสงบมาก ก็เหมือนเขาตบแมลงวันจนตายไปอย่างสบายๆ เขาถอนหายใจครั้งหนึ่ง เอ่ยว่า “บางทีตอนนั้นอาจจะโกรธเกินไป ฉันวู่วามแล้ว”
“ฉันคิดว่าฉันไม่อาจจะฆ่าทุกคนจนหมดจริงๆ อย่างไรเสียฉันก็ไม่ได้มีไอสังหารที่มากขนาดนั้น”
“ฉุงโยวหมิงถึงแม้จะมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ แต่ดีร้ายอย่างไรเขาก็เป็นพี่ชายของเธอ อีกทั้งเขาก็แค่ถูกคนใช้เป็นปืนเท่านั้น”
พอเอ่ยคำพูดนี้ ฉุงเฉ่าซินก็โกรธขึ้นมาทันที “ไป๋ยี่เฟย! นายพูดไร้สาระอะไร?”ไป๋ยี่เฟยเพียงแค่มองฉุงเฉ่าซินอย่างเย็นชา หลังจากนั้นยกมือขึ้นชี้เขา คำรามเสียงดัง “เป็นนาย! เป็นเพราะนาย!”
“นายกำลังพูดอะไรกันแน่?” ฉุงเฉ่าซินตะโกนอย่างพลุ่งพล่าน แต่ว่าสามารถมองเห็นได้ว่าสีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นซีดขาวแล้ว “เป็นนายที่ฆ่าจีซือ! เป็นเพราะนาย ลูกสาวฉันถึงได้ตาย!”
ไป๋ยี่เฟยพลันเดินไปทางฉุงเฉ่าซิน ในดวงตามีความโกรธ แววตากลับทั้งเยียบเย็นถึงขีดสุด
ฉุงเฉ่าซินเห็นเช่นนี้ก็อดไม่ไหวถอยหลังไป “ไป๋ยี่เฟย! นายจะทำอะไร? ฉันบอกนายไว้ ฉันและพ่อของนายสนิทสนมกันแนบแน่น หรือว่านายจะทุบตีฉัน?”
“เพี๊ยะ!”
เสียงของเขาเพิ่งจะหลุดออกมา ไป๋ยี่เฟยก็ตบเขาอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ฝ่ามือนี้ทำให้ทุกคนในห้องนั่งเล่นล้วนกลั้นหายใจ
ในสายตาของพวกเขา ไป๋ยี่เฟยไม่กล้าตบฝ่ามือนี้
อย่างไรสี่ตระกูลใหญ่ประลองกันก็ล้วนประลองกันในที่ลับ เปลือกนอกการต่อสู้ทำได้สมบูรณ์แบบ อยู่ด้านนอกก็ล้วนเป็นการทักทายอย่างสนิทสนม
ใครจะคิดว่าไป๋ยี่เฟยถึงกับใจกล้าขนาดนี้ ตบฉุงเฉ่าซินไปหนึ่งฝ่ามือตรงๆกันล่ะ?
นายหญิงฉุงเห็นเช่นนี้ก็รีบขึ้นหน้าไปก้าวหนึ่งทันที ตะคอกอย่างโมโหว่า “ไป๋ยี่เฟย นายถึงกับกล้ากำเริบต่อคนที่สถานะสูงกว่า? นายรังแกคนตระกูลฉุงหรือ?”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินก็หัวเราะเสียงเย็นครั้งหนึ่ง “กำเริบต่อคนสถานะสูงกว่า?”
“ฉุงลี่ซือเพิ่งจะกลับบ้าน กระดูกยังไม่ทันเย็น พวกนายถึงกลับกล้าพูดเรื่องกำเริบต่อคนที่สถานะสูงกว่ากับฉันที่นี่?”
ไป๋ยี่เฟยหยุดลงชั่วครู่ หลังจากนั้นมองไปทางฉุงเฉ่าซิน “ฉุงโยวหมิงประจบเหลียงเหว่ยชาวได้ ก็คิดว่าตัวเองมีที่พึ่งแล้ว แต่ว่าทั้งหมดนี้ก็เป็นแค่กับดักของสหพันธ์วรยุทธเท่านั้น”
“ส่วนคนที่วางกับดักนี้ ก็คือนายฉุงเฉ่าซิน!”
คำพูดเอ่ยออกมา ทุกคนล้วนมองไปทางฉุงเฉ่าซินอย่างตกตะลึง
ฝ่ามือนั้นของไป๋ยี่เฟยตบจนดวงตาของฉุงเฉ่าซินมีดวงดาววนรอบ ตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นสภาพกลับมา
ไป๋ยี่เฟยเอ่ยต่อไป “นายสมรู้ร่วมคิดอย่างลับๆกับสหพันธ์วรยุทธแห่งหนานเหมินนานแล้ว ใช่ไหม?”
“ฉันเคยให้คนสืบหาแล้ว รถปอร์เช่นำเข้าที่ภายนอกเห็นนั้นไม่เข้ากับของที่วางขายในตลาดเลย”
“ตระกูลฉุงนำเข้ารถยนต์ระดับไฮเอนด์จากหนานเหมินมาโดยตลอด”
“ฉุงเฉ่าซิน นายสมรู้ร่วมคิดกับหนานเหมินมาตั้งนานแล้ว!”
“ใช่หรือไม่?”
ฉุงโยวหมิงสีหน้างุนงงมองไปทางฉุงเฉ่าซิน
ฉุงเฉ่าซินใบหน้าขาวสลับแดง
เขาไม่ได้โต้แย้ง เพราะว่าเรื่องแบบนี้โดยพื้นฐานแล้วไม่มีคนไปใส่ใจด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจึงไม่เคยปกปิดเลย ต้องการสืบละก็แน่นอนว่าสืบได้ง่ายมาก อีกทั้งตรวจสอบครั้งหนึ่งตรงครั้งหนึ่ง
แต่ว่าเขายังคงเอ่ยอย่างไม่ยินยอมว่า “นั่นแล้วจะอย่างไร? คนตระกูลฉุงมีเยอะมากมาย? อาศัยอะไรมาคิดว่าฉันกับหนานเหมินร่วมมือกัน?”
“ยิ่งไปกว่านั้นลูกสาวของฉันตายอยู่ไกลบ้าน ยังตายอย่างไม่รู้สาเหตุ นายไม่ปลอบพ่อคนนี้ที่สูญเสียลูกสาวก็แล้วไปเถอะ ยังจะมาตำหนิฉัน ถึงขั้นลงมือตบฉัน นายมีจิตใจหรือไม่?”
“ฉันว่า เป็นเพราะนายฆ่าลูกสาวของฉัน ถึงได้ต้องการลงมือชี้คนผิดก่อน เพื่อปกปิดความจริงที่ว่าเธอฆ่าลูกสาวของฉัน!”
คำพูดของฉุงเฉ่าซินทำให้ทุกคนล้วนเข้ามาทันที
ฉุงโยวหมิงชี้ไปที่ไป๋ยี่เฟยแล้วเอ่ยว่า “เป็นนายที่ฆ่าน้องสาวของฉัน นายมันฆาตกรฆ่าคน ถึงกับยังมาที่นี่เพื่อประณามพวกเรา?”
ไป๋ยี่เฟยมองฉุงโยวหมิงครั้งหนึ่งนิ่งๆ สายตานั้นมีความเห็นอกเห็นใจและดูถูก
“ฉุงโยวหมิง ฉันนับถือนายจริงๆ พ่อของนายวางแผนการใส่นาย เอาชีวิตของนายไปขายแล้ว นายถึงกับยังช่วยเขานับเงินอีก?”
ฉุงโยวหมิงตอบอย่างโมโหทันที “นายพูดไร้สาระ!”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มเย็น “ฉันพูดไร้สาระ? เรื่องสหพันธ์วรยุทธหนานเหมินล่วงล้ำหลันเต่าเพิ่งจะเงียบลงไป ฉันก็ถูกเตรียมให้เข้าเมืองหลวงอย่างน่าประหลาดใจ”
“แล้วยังถูกคนจัดการงานแต่งให้อย่างน่าประหลาด”
“สุดท้ายยังไปร่วมงานแต่งงานของคนคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดอีกด้วย”
“เหอะ ในตอนนั้น สี่ตระกูลใหญ่กลัวจะเข้าไปพัวพันกับหนานเหมิน แต่พวกนายตรงกันข้ามพอดี”
“ในตอนพิธีแต่งงานนั้น ถึงกับเอารถหรูนำเข้าจากหนานเหมินมาแสดงให้ทุกคนดู”
“ฉันนั่งอยู่ในรถธรรมดาๆ ส่วนพวกนาย คนไหนบ้างที่ไม่ได้นั่งรถหรู? ยังมีนาย ฉุงโยวหมิง งานแต่งวันนั้นที่เอวของนายยังมีกุญแจของรถปอร์เช่ห้อยไว้”
“ลูกน้องของนาย คนขับรถ บอดี้การ์ด เกือบทุกคน”
“นายรู้ไหมว่านี่เป็นเพราะอะไร?”
คำพูดเหล่านี้ของไป๋ยี่เฟยทำให้ฉุงโยวหมิงตะลึงไปชั่วขณะ
สำหรับเรื่องหนานเหมินล่วงล้ำหลันเต่า แน่นอนว่าเขารู้ เขากลับไม่รู้ว่ารถหรูเหล่านี้มาจากไหน ยิ่งไม่รู้ว่ารถพวกนี้เกี่ยวข้องกับหนานเหมิน
แต่ทว่าเขาจะพูดอย่างไร?
เขาคุณชายใหญ่ตระกูลฉุงคนหนึ่ง ถึงขั้นเป็นผู้นำตระกูลรุ่นต่อไป ตระกูลซื้อรถหรูจากหนานเหมินอย่างโจ่งแจ้ง เขาไม่รู้? ใครเชื่อกันล่ะ?
นาทีนี้ ในที่สุดฉุงโยวหมิงก็ตระหนักถึงอะไรขึ้นมาได้ มองไปทางฉุงเฉ่าซินอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ฉุงเฉ่าซินเห็นเช่นนี้ก็ตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยวใส่ไป๋ยี่เฟยทันที “ไอ้สารเลว ทั้งหมดเป็นเรื่องไร้สาระทั้งนั้น อาศัยเรื่องเล็กๆแค่นี้มาพูดว่าฉันกับหนานเหมินสมคบคิดกัน ไม่สำเร็จโดนสิ้นเชิง!”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าเบาๆ เอ่ยว่า “แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เรื่องเล็กน้อยนี้”
“พวกนายช่วงนี้นี้เพิ่งจะย้ายเข้ามาในบ้านใหม่ของตระกูลฉุงใช่ไหม?”
“ใช่แล้วจะยังไง?” ฉุงโยวหมิงค่อนข้างโกรธเกรี้ยว
ไป๋ยี่เฟยยิ้มเย็นเอ่ย “พวกนายตอนแรกล้วนอาศัยอยู่ในบ้านเก่าตระกูลฉุง ฉุงโยวหมิงอยู่ในบ้านใหม่ ส่วนในบ้านเก่ามีสามเรือนพัก พอดีกับพวกนายสามพี่น้องอาศัยอยู่”
“ก่อนหน้านั้น หยุนอิงเอาหมายเลขที่อำพรางชื่อประเภทหนึ่งมาบอกฉัน หลอกฉัน”
“แต่ว่าเพื่อให้ฉันยิ่งเชื่อมั่น คำพูดที่เธอหลอกฉันครึ่งหนึ่งเท็จครึ่งหนึ่งจริง ส่วนหมายเลขนี้ก็คือของจริง พิกัดก็เป็นจริง หมายเลขส่งมาจากตำแหน่งบ้านเก่าของพวกนายพอดี”
“เรือนพักของฉุงเฉ่าซินและเรือนพักฉุงเฉ่าเจว๋นั้นอยู่ติดกัน ฉุงโยวเวยก็โดนฉันฆ่าไปแล้ว ดังนั้นหลังจากฉันสืบพบจุดนี้ แรกเริ่มที่ฉันสงสัยควรจะเป็นฉุงเฉ่าเจว๋”
“ถ้าฉันเป็นคนสมองทึ่มทื่อจริงๆ ไม่มีทางระบุฉุงเฉ่าเจว๋อย่างแม่นยำ น่าเสียดายมาก ที่ฉันไม่ใช่”
“ไม่เพียงแค่สงสัยฉุงเฉ่าเจว๋ สงสัยมาถึงนายฉุงเฉ่าซิน แต่จนถึงขั้นฉันยังสังเกตเห็นความผิดปกติของฉุงโยวหมิง”
“ดังนั้น ฉันกำลังคิด ถ้าเป็นนาย โดยพื้นฐานแล้วไม่มีทางเอาตำแหน่งของตัวเองเปิดเผยให้กับฉัน หรือจะพูดว่า ไม่ว่าจะอย่างไรฉันก็ไม่อาจสงสัยมาจนถึงตัวนายได้ฉุงเฉ่าซิน”
“ยังมีอีกจุดที่ฉันไม่เข้าใจมากๆ เห็นได้ชัดว่ามีคนมากมายขนาดนั้นที่สามารถโยนความผิดไปให้ได้ ทำไมนายถึงได้เอาความผิดไปโยนใส่หัวลูกชายของนายกันนะ?”
“พูดบ้าอะไร!” ฉุงเฉ่าซินถูกพูดจนอายกลายเป็นโกรธ ตบโต๊ะตะโกนเสียงดัง “นายไสหัวออกไปให้ฉัน! ไม่เช่นนั้น……”
ฉุงโยวหมิงยังคงมองไปที่ฉุงเฉ่าซินอย่างไม่อยากจะเชื่อ
นายหญิงฉุงกลับมีสีหน้าตกตะลึง
ฟางหยันก็ยืนสงบนิ่งอยู่ไม่ไกล
ไป๋ยี่เฟยส่งเสียงเย็น “พวกนายคิดว่าตัวเองกลายเป็นแหล่งเศรษฐกิจและที่พึ่งของสหพันธ์วรยุทธ แต่ว่าพวกนายล้วนคิดไม่ถึง หยุนอิงเธอไม่ได้สนใจพวกนายโดยสิ้นเชิง”
“เธอก็แค่ยืมมือพวกนาย ยังมีชีวิตของฉุงลี่ซือ มาช่วยทำให้ความทะเยอทะยานในใจของเธอให้เป็นจริงเท่านั้น ในสายตาของเธอ ตระกูลฉุงเป็นแค่หมาก คนเดินหมากจะมาสนใจการอยู่รอดของตัวหมากได้ยังไง?”
“นายฉุงเฉ่าซินถึงกับคิดเองเออเองว่าตนเองและคนเขาเป็นคนที่ขึ้นเรือลำเดียวกัน แต่ไม่อยากที่จะตกเป็นขี้ปากคนอื่น สุดท้ายถึงกับวางหลุมพรางใส่ร้ายฉุงเฉ่าเจว๋น้องชายตัวเองก่อน จากนั้นค่อยเอาโถอุจจาระโยนใส่หัวลูกชายแท้ๆของตัวเอง ถึงขั้นยังเอาชีวิตลูกสาวตัวเองส่งไปที่น้ำพุเหลือง!”
“ตอนนี้นายมีสิทธิ์อะไรมาให้ฉันไสหัวไป? ฉันอยากไปก็ไป อยากมาก็มา อยากฆ่านาย ฉันก็ฆ่านาย ยังจะทำอะไรฉันได้อีก?”
คำพูดเหล่านี้ของไป๋ยี่เฟยทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงไปแล้ว
นี่เข้าใจได้ง่ายมาก ฉุงเฉ่าซินก็แค่หลอกใช้กำลังของสหพันธ์วรยุทธกำจัดฉุงเฉ่าเจว๋ที่คุกคามเขาออกไป ตำแหน่งผู้นำตระกูลฉุงของตนเองก็มั่นคงแล้ว
แล้วยังไม่อยากให้คนอื่นมาชี้หน้าด่าความผิดพลาดของตน ก็แสร้งทำเป็นว่าพวกเต้าจ่างข่มขู่ ให้ลูกชายของตนเองยืนอยู่ที่ภายนอก รอจนเรื่องนี้มีกลิ่นออกมา ลูกชายของเขาจะต้องกลายเป็นหนังหน้าไฟ ในตอนนั้นเขาค่อยยึดเอาอำนาจคืนมาอีกครั้ง
ถึงตอนสุดท้าย ภายใต้การไม่รู้เรื่องอะไรของเขา อาศัยฐานะผู้ได้รับความไม่เป็นธรรมคนหนึ่ง กลับมาเป็นผู้นำตระกูลของตัวเองอีกครั้ง และเขาก็สามารถคุมเส้นเศรษฐกิจของหนานเหมินได้อย่างเงียบๆ