ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่สามารถทำลายสำนักยี่เหมิงลงได้ ไม่อาจฆ่าท่านดยุกได้ แต่ว่าอย่างน้อยเขาก็สามารถพาฉุงลี่ซือส่งกลับบ้านได้
ยังมี เขาต้องการช่วยหลงหลิงหลิง
ไป๋ยี่เฟยทางหนึ่งขับรถทางหนึ่งดูเวลา เวลาที่แสดงในตอนนี้ก็คือหนึ่งทุ่มครึ่ง
แต่สิ่งที่ดวงตาของไป๋ยี่เฟยเห็นก็คือดวงอาทิตย์ที่ห้องสูงอยู่ทางทิศตะวันออก ราวกับว่าเพิ่งจะโผล่ขึ้นมาได้ไม่นาน
จากนั้นไป๋ยี่เฟยพลันถามหลิวเสีย “ขับรถเป็นไหม?”
“เป็น!”
“เธอมาขับ”
ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยกลัวเล็กน้อย ถ้าเขามีปัญหาที่ระบบประสาทจริง ตนเองขับรถเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย
หลังจากรอจนเปลี่ยนตำแหน่งกันเสร็จแล้ว ไป๋ยี่เฟยเอ่ยว่า “ไปเขตคฤหาสน์หลันโปกั่ง”
“ไม่มีปัญหา!”
หลิวเสียกระตือรือร้นมาก ลูบคลำพวงมาลัยอย่างตื่นเต้น แล้วก็ลูบคลำเกียร์รถอีก
ไป๋ยี่เฟยเห็นเธอเช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลเล็กน้อย “เธอขับรถเป็นจริงหรือ?”
“แน่นอน!” หลิวเสียเอ่ยอย่างลำพองใจยิ่งว่า “ฉันเพิ่งได้ใบขับขี่เมื่อสองวันก่อน”
“ครืน!”
หลังจากพูดจบ หลิวเสียก็เหยียบคันเร่งอย่างรุนแรง รถก็พุ่งออกไปทันที
……
ส่วนไป๋ยี่เฟยไม่รู้ด้วยซ้ำ หลังจากเขาจากไป ชายวัยกลางคนอายุห้าสิบเศษก็เดินออกมาจากห้องทางทิศเหนือ ในมือของเขาถือเก้าอี้พับตัวเล็กไว้อันหนึ่ง นั่งอยู่ในลาน ก้มหน้าแกะสลักดาบไม้เล่มเล็ก
ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว ดูเหมือนว่าเขาสามารถมองเห็นได้เช่นนั้น แกะสลักดาบไม้เล่มเล็กอย่างละเอียด ในบางครั้งก็หยิบดาบไม้เล็กขึ้นมา มองหาเส้นแกนกลางอย่างละเอียดกลางท้องฟ้ากว้าง
ขณะนี้ เจ้าของบ้านสาวที่กำลังจะออกจากบ้านคนนั้นเอนตัวพิงกรอบประตูของห้องทางทิศเหนืออยู่ เธอจุดบุหรี่มวนหนึ่ง หลังจากสูบไปหนึ่งครั้งก็พ่นออกมา
เจ้าของบ้านสาวหัวเราะเยาะเสียงหนึ่ง “นายไม่ใช่บอกว่าอีกคนหนึ่งพรสวรรค์สูงกว่าหรอกหรือ? ทำไมถึงเอาทรัพย์สมบัติไปสิ้นเปลืองไว้ที่เขากัน?”
ชายวัยกลางคนกลับเอ่ยกลับเรียบๆ “เติมน้ำใส่ถ้วยให้เท่ากัน”
หญิงสาวหัวเราะเยาะอีกครั้ง “คนที่คิดแต่ความสัมพันธ์ชายหญิงแบบนาย ยังจะสนใจว่าน้ำถ้วยหนึ่งจะเติมได้เท่ากันไหมอีกหรือไง?”
สำหรับการเสียดสีของหญิงสาว ชายวัยกลางคนเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “ถ้าเธอไม่อาจทนดูฉันได้ พวกเราหย่ากันก็ได้”
“เชอะ!” หญิงสาวกลอกตา หลังจากสูบบุหรี่ครั้งสุดท้ายเสร็จแล้ว ก็ตวัดก้นบุหรี่ไปทางชายคนนั้น ถึงได้หมุนกายกลับห้องไป
ชายวัยกลางคนไม่ได้ขยับสักนิด ตอนที่ก้นบุหรี่นั้นกำลังจะโดนเขานั้นก็โดนอะไรสักอย่างกั้นเอาไว้ หลังจากนั้นก็ตกลงไปบนพื้นเอง
เขายังคงก้มหน้าแกะสลักดาบไม้เล่มเล็ก ผ่านไปสักพักก็ยกดาบไม้เล็กขึ้นไปบนฟ้า เอ่ยเสียงเบาว่า “อาจจะเป็นเพราะว่าเขากับพวกเราไม่เหมือนกัน”
“ในสายตาของฉันมีแต่ท้องฟ้ายามค่ำคืนเท่านั้น”
……
ไป๋ยี่เฟยไม่รู้เรื่องที่เกิดในห้องเช่า เขารู้เพียงแค่ว่าตอนนี้เขานึกเสียใจอย่างมาก
ไป๋ยี่เฟยอดไม่ไหวที่จะเตือนหลิวเสียว่า “เพิ่งจะขับมาได้ห้ากิโลเมตร เธอก็ทำผิดกฎไปแล้วสิบแปดครั้ง คะแนนมากกว่านี้ก็ไม่พอหักให้เธอแล้ว”
หลิวเสียในตอนนี้ก็ไม่ได้ตื่นเต้นขนาดนั้นแล้ว และหน้าผากก็ผุดเหงื่อซึมออกมา
ไป๋ยี่เฟยรู้ว่าตอนนี้เธอเคร่งเครียดมาก เขาจึงรีบเกลี้ยกล่อมเธอ “ฉันขับเองเถอะ”
“รอผ่านทางแยกถัดไปค่อยให้พี่ขับ” หลิวเสียเอ่ยเช่นนี้
อย่างไรก็ตามผ่านไปหลายทางแยก หลิวเสียไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนคนขับรถ
สุดท้าย “ปัง” เสียงหนึ่ง รถก็ชนเข้ากับราวกั้น
ไป๋ยี่เฟย “…..”
ในที่สุดหลิวเสียก็ลงรถด้วยความขัดเขิน
ไป๋ยี่เฟยลงรถไปดู พบว่ากันชนของรถบุบลงไปแล้ว แต่ว่าไม่ได้มีผลกระทบมากนัก
และก็เป็นตอนที่เขาเตรียมตัวจะขับรถอีกครั้งนั้น ก็มีมอเตอร์ไซค์ตำรวจจราจรคันหนึ่งขับมา
หลังจากตำรวจจราจรลงจากรถก็ยื่นขวดอันหนึ่งให้ไป๋ยี่เฟย เอ่ยต่อว่า “เป่าที่ปาก”
นี่คือเครื่องมือพิเศษที่ใช้วัดการดื่มแล้วขับ
ไป๋ยี่เฟยให้ความร่วมมืออย่างมากเป่าไปครั้งหนึ่ง
เสียงเตือนดังขึ้นมาทันที
คนทั้งสามที่อยู่ตรงนั้นต่างก็ตกตะลึงแล้ว
ตำรวจจราจรพูดด้วยความตกใจ “เจ้าหนุ่มใช้ได้นี่ นี่ไม่ใช่ดื่มแล้วขับ แต่เป็นเมาแล้วขับ!”
เอ่ยจบตำรวจจราจรก็เอ่ยอย่างเข้มงวดว่า “นายถูกสงสัยว่าเมาแล้วขับ โปรดออกจากรถยอมรับการจัดการ”
ไป๋ยี่เฟยร้อนใจผุดลุกจากรถ เอ่ยว่า “คุณตำรวจจราจร ฉันไม่เคยดื่มเหล่านะ”
หลิวเสียลงจากรถเอ่ยว่า “คุณลุงตำรวจจราจร พวกเราไม่ได้ดื่มเหล้าจริงๆนะ!”
ตำรวจจราจรมองคนทั้งสองรอบหนึ่ง แล้วก็มองไป๋ยี่เฟยมากเป็นพิเศษอีกรอบหนึ่ง
ไป๋ยี่เฟยสีหน้าปกติ แล้วก็ไม่หอบ พูดจาคล่องแคล่วลื่นไหล แล้วก็ไม่มีกลิ่นเหล้า ไม่มีท่าทางเหมือนดื่มเหล้ามาก่อนสักนิด
ตำรวจจราจรลำบากใจอยู่ชั่วขณะ “หรือว่าเป็นเพราะเครื่องมือพังแล้ว?”
เป็นเขาที่รีบส่งเครื่องมือมาให้อีกครั้ง “งั้นนายเป่าอีกรอบ”
ตอนที่ไป๋ยี่เฟยกำลังจะรับมา พลันคิดถึงความฝันนั้นขึ้นมาได้
ในฝันนั้น ลุงวัยกลางคนให้เหล้าสีเขียวกับเขาหนึ่งถ้วย ตอนนั้นเขาดื่มไปแล้ว
ชั่วขณะนั้นไป๋ยี่เฟยก็ชะงักค้างไปแล้ว หลังจากนั้นก็ปิดตาลงอย่างรวดเร็ว
เขาถึงกับสัมผัสได้ถึงของเหลวสีเขียวที่ไหลเวียนอยู่ในเลือดของตนเอง
ไป๋ยี่เฟยตกใจมาก นั่นไม่ใช่ฝัน
ในร่างกายของเขามีเหล้าสีเขียวนั้นอยู่ แสดงว่าเขาเคยดื่มเข้าไปจริงๆ
เช่นนั้นลุงเจ้าของบ้านก็มีตัวตนอยู่จริงใช่หรือไม่?
เช่นนั้นทำไม่มีปฏิกิริยาผิดปกติในร่างกายของเขาเลยสักนิด?
“เป่าสิ? ชะงักค้างอยู่ทำไม?” ตำรวจจราจรเห็นเขาหลับตาลง อดไม่ไหวเอ่ยเร่ง
ไป๋ยี่เฟยรีบลืมตาขึ้นมา หลังจากนั้นเอ่ยอย่างชาญฉลาดว่า “เมื่อครู่คนที่ขับรถไม่ใช่ฉัน สามารถตรวจสอบวงจรปิดได้”
หลิวเสียก็มีสติกลับมาแล้ว รีบเอ่ยว่า “ใช่ๆๆ เมื่อครู่คนที่ขับรถเป็นฉัน ฉันทดสอบเอง”
หลิวเสียเอ่ยจบก็เป่าไปที่เครื่องมือครั้งหนึ่ง เครื่องมือไม่มีปฏิกิริยา แสดงว่าเธอไม่ได้ดื่มเหล้า
ตำรวจจราจรเห็นเช่นนี้ก็รีบโทรศัพท์หาเพื่อนร่วมงานของเขา หลังจากตรวจสอบวงจรปิดแล้วพบว่าเป็นหลิวเสียที่ขับรถจริงๆ ถึงได้ปล่อยพวกเขาจากไป
แต่ว่าก่อนจะจากไปยังกำชับอีกประโยค “นายคนที่ดื่มเมาแล้วคนนั้นอย่าได้ขับรถเป็นอันขาด ถ้านายขับรถก็จะเป้นเมาแล้วขับเลยนะ”
“รับทราบ” ไป๋ยี่เฟยตอบรับ
ไม่มีทางเลือก สุดท้ายก็ยังคงเป็นหลิวเสียขับรถ ไป๋ยี่เฟยนั่งเบาะหลัง
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจการขับรถของหลิวเสียแล้วชั่วคราว เขาตอนนี้กำลังกลับไปคิดถึงเหล้าสีเขียวนั้นและลุงเจ้าของบ้าน
จนกระทั่งหลิวเสียเรียกเขา ทำให้เขาได้สติกลับมา
“พี่ไป๋ พวกเราถึงแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยเงยหน้ามองดูรอบหนึ่ง ไม่เช่นนั้นก็ถึงหลันโปกั่งแล้ว
ไป๋ยี่เฟยก็เอ่ยว่า “เธออยู่ที่นี่รอฉัน”
หลังจากลงรถ ไป๋ยี่เฟยก็ตรงไปที่บ้านพักหลังนั้นของหลงหลิงหลิง
หลังจากมาถึงประตู ไป๋ยี่เฟยกดกริ่งหน้าประตูอย่างต่อเนื่อง แต่ที่สุดแล้วก็ไม่มีคนมาเปิดประตูให้เขา
ไป๋ยี่เฟยถอนหายใจในใจ หลงหลิงหลิงเกิดเรื่องแล้วจริงๆ
เขาหมุนตัวจะจากไป
กลับเป็นในตอนนี้ คิดไม่ถึงว่าประตูก็เปิดออกแล้ว
ไป๋ยี่เฟยหมุนตัวกลับไปดูทันที ที่เขาเห็นก็คืออีกใบหน้าหนึ่งที่คุ้นเคย และบนใบหน้าของคนผู้นั้นยังมีรอยน้ำตา
“เสี่ยวอิง?”
คนที่เปิดประตูคือหลิวเสี่ยวอิง เธอสวมกระโปรงตาข่ายสีขาวทั้งร่าง ในตอนหลังจากที่เปิดประตูแล้วเห็นคนตรงหน้าชั่วขณะนั้นก็ชะงักค้างไป
ทั้งสองคนสบตนกันอย่างเงียบๆ
นาทีต่อมา หลิวเสี่ยวอิงพลันยื่นมือออกมา ดึงไป๋ยี่เฟยเข้าไปในห้อง แล้วล็อคประตู
ในขณะเดียวกัน หลิวเสี่ยวอิงกดไป๋ยี่เฟยไว้ที่ประตู และจูบอย่างบ้าคลั่ง
ไป๋ยี่เฟยไม่ตอบสนองกลับมา ถูกหลิวเสี่ยวอิงจูบจนไม่รู้จะรับมือยังไง