ความเร็วของคนนั้นเร็วมาก ท่านทวดมองไม่ชัดว่าเขาเป็นใครเลยสักนิด เพียงทันทีจะรีบจู่โจม การจู่โจมของทั้งสองคนปะทะกันเกิดเสียงดังออกมา
เขารู้สึกถึงพลังอ้านจิ้งที่แข็งแกร่งมากพุ่งตรงมา ถึงขนาดสะเทือนจนเขาถอยหลังต่อๆกันหลายก้าว
อีกทั้งคนนั้นยังไม่หยุดมือ พุ่งมายังเขาอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันในมือของเขาถืออาวุธชิ้นหนึ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
เป็นแผ่นเหล็กมากมายที่รวมกันกลายเป็นโซ่เส้นหนึ่ง
เขาฟาดโซ่ไปยังท่านทวดหนึ่งที ในใจท่านทวดตื่นตกใจอย่างมาก หลบไม่ทัน ได้เพียงแต่ใช้มือเปล่าไปรับ
เขาไล่ไปตามแผ่นเหล็กไม่ได้กระแทกมือเขาเลย แต่เขาประเมินค่าฝ่ายตรงข้ามต่ำเกินไป เพราะว่ามีพลังอ้านจิ้งซ้อนทับกันอยู่บนแผ่นเหล็ก กำลังพุ่งมายังข้างหน้าเขา
“ปั้ง!”
เขาถูกพลังอ้านจิ้งสะเทือนจนถอยหลังอีกครั้ง
หลังจากรอเขายืนนิ่งแล้ว ในที่สุดก็ได้มองเห็นชัดถึงคนที่อยู่ข้างหน้าว่าเป็นใคร “ไป๋ยี่เฟย!”
หลังจากท่านทวดรู้ว่าเป็นไป๋ยี่เฟย สีหน้าดูแย่สุดขีด เพราะว่าไป๋ยี่เฟยอยู่ที่นี่ล่ะก็ แสดงว่าแผนการของเขาล้มเหลวแล้ว
“แกอยู่ที่นี่ได้ยังไงหรือ?” เขาประหลาดใจจ้องมองไป๋ยี่เฟย เมื่อกี้เพราะว่าใช้มือเปล่าทั้งสองข้างไปรับอาวุธของไป๋ยี่เฟย มือของเขาในตอนนี้ยังสั่นระริกอยู่เล็กน้อย
ไป๋ยี่เฟยยืนอยู่ข้างกายของซินชิว หลังจากมองเห็นเขาก็มีรูปร่างลักษณะแบบที่ประหลาดใจเช่นกัน “ท่านทวดหรือ? ท่านอยู่นี่ได้ยังไงล่ะ?”
สีหน้าของท่านทวดเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก จากนั้นยิ้มบางๆหนึ่งทีพูดอีกว่า “พบเจอกับอาชิว ก็เลยพูดคุยกันสองสามคำ”
ไป๋ยี่เฟยกับท่านทวดล้วนมองไปยังซินชิว ซินชิวสงบเต็มใบหน้า
“งั้นขออภัยจริงๆ หลานชายเสียมารยาทแล้ว” ไป๋ยี่เฟยทำความเคารพกับท่านทวดเล็กน้อย
ท่านทวดเห็นสภาพ โบกมือแล้วโบกมืออีก จากนั้นยิ้มอยู่ถามอีกว่า “แกมานี่ตัวคนเดียว ก็ไม่กลัวหลี่เสว่พบเจอกับอันตรายหรือ?”
ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของไป๋ยี่เฟยเปลี่ยนไปทันที
ท่านทวดมองเห็นสีหน้าของไป๋ยี่เฟย ในใจแอบดีใจ “เด็กเอ่ย วันนี้ท่านทวดก็สอนแกสักประโยคหนึ่ง เรียกว่าคนฉลาดคิดใคร่ครวญพันครั้ง ย่อมมีผิดพลาดสักครั้ง”
“ท่าน!” ชั่วพริบตาเดียวไป๋ยี่เฟยเบิกตาโพลงทั้งคู่ แสดงให้เห็นถึงความสับสนวุ่นวายออกมาอย่างเห็นได้ชัด
พวกเขาท่านทวดอยากจะทำให้ไป๋ยี่เฟยไปที่ฐานนักฆ่าแห่งนั้น ในเวลาเดียวกันท่านทวดก็จะทำให้ซินชิวออกมา งั้นก็จะไม่มีคนคุ้มครองหลี่เสว่ได้
เพียงแค่ถูกไป๋ยี่เฟยรู้ทันแผนการของพวกเขา ไป๋ยี่เฟยคุ้มครองหลี่เสว่ไว้ได้ แต่เขาเป็นห่วงซินชิว ดังนั้นหลังจากจัดการพ่อบ้านรองแล้วก็เลยรีบไล่ตามออกมา
แต่ว่าอยู่ในเวลานี้ ข้างกายหลี่เสว่ไม่มีคนคุ้มครองอยู่
ท่านทวดจ้องมองไป๋ยี่เฟยพูดอย่างเชื่อมั่นในตนเองมากว่า “แกคาดเดาว่าจะมีคนฉวยโอกาสไปลอบฆ่าหลี่เสว่ แต่แกนึกไม่ถึงจะมีครั้งที่สอง ถึงยังไงไม่มีใครกำหนดไว้ว่าลอบฆ่าได้เพียงครั้งเดียว”
ไป๋ยี่เฟยใบหน้าขึงลับอยู่ถามว่า “ดังนั้น ท่านทวดหมายความว่าตอนนี้ยังมีคนจะไปจัดการหลี่เสว่”
“ใช่” ท่านทวดยิ้มบางๆหนึ่งที “อีกทั้งไม่เพียงแค่คนเดียว เป็นกลุ่มหนึ่ง”
ไป๋ยี่เฟยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขมๆเสียงหนึ่ง “ท่านทวด ผมคิดไม่ออกจริงๆ ก็เพื่อที่จะให้ผมแต่งงานกับผู้หญิงของตระกูลฉุง ทุ่มสุดความคิดพยายามทุกวิถีทางขนาดนี้ ตกลงเพื่ออะไรกันแน่?”
“ย่อมเพื่อตระกูลไป๋อยู่แล้ว” ท่านทวดตอบกลับอย่างเย็นชา
ไป๋ยี่เฟยก็แฝงไว้ด้วยความแค้นจ้องมองท่านทวด “ผมเคยพูดแล้ว ตระกูลไป๋อยู่ในสายตาผมอะไรก็ไม่ใช่ ชาตินี้ผมล้วนเป็นไปไม่ได้ที่จะหย่าร้างกับหลี่เสว่!”
“ไม่เป็นไร” ท่านทวดยิ้มอยู่พูดอย่างเย็นชา “ภรรยาตาย สามารถมีภรรยาใหม่อีกได้เช่นกัน”
“ท่าน!” ไป๋ยี่เฟยโกรธเคืองจ้องมองท่านทวด
ท่านทวดยิ้มหนึ่งทีพูดอีกว่า “ตอนนี้พวกเราสามารถพูดคุยกันเรื่องงานแต่งงานของคุณสักหน่อยได้แล้วมั้ง?”
ในเวลานี้ ไป๋ยี่เฟยจ้องมองซินชิวหนึ่งที ซินชิวส่ายหัวนิดๆกับไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยหันหน้าไปจ้องมองท่านทวดอีก “งานแต่งงานคงยังต้องแล้วไปแล้วมั้ง ตอนนี้ผมต้องการระบายความโมโหของผมให้ดีๆ”
“หมายความว่าอะไรหรือ?” ท่านทวดอึ้งชะงักไปหนึ่งที “แกไปช่วยหลี่เสว่ไม่ทันแล้ว แกไม่เชื่อฟังการจัดวางของตระกูลไป๋ยังจะทำอะไรได้ล่ะ?”
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองเขาหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง “อาใหญ่บอกแล้ว ท่านเป็นรุ่นอาวุโสของผม ผมฆ่าท่านไม่ได้”
“แต่คนเหล่านั้น ผมไม่เหลือไว้สักคน!”
“แก!” อยู่ดีๆท่านทวดตื่นตกใจอย่างมาก เขายังไม่ทันที่จะถามอะไร ที่อยู่ไม่ไกลก็มีเสียงดังเสียงหนึ่งมา
“ตูม!”
ต่อจากนี้ อยู่ดีๆแสงไฟที่ลานตาปรากฏออกมาอยู่ในคืนมืด ส่งแสงสว่างทั่วท้องฟ้า
“อ่า!”
“ช่วยด้วยอ่า!”
“อ่า!”
เสียงร้องทรมานส่งเข้ามาจากทิศทางโรงแรม
อยู่ในแสงไฟ มีเงากายสีดำที่นับไม่ถ้วนเคลื่อนไปมา
และอยู่ใจกลางไฟลุกไหม้รุนแรง ยังมีคนยืนอยู่คนหนึ่ง
มือสองข้างของเขาโบกไปมาอยู่กลางอากาศ โบกไปยังฝั่งโน้น สถานภาพไฟก็ไปยังฝั่งโน้น
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองท่านทวดที่อึ้งชะงักแล้วหนึ่งที พูดเสียงเย็นชาว่า “ครั้งนี้ท่านเรียกใช้แรงพลังทั้งสี่ของสิบอันดับยักษ์ใหญ่ในเมืองหลวง”
“ก็แค่ท่านอยากจะเตะต้องหลี่เสว่จุดนี้ ผมก็อยากจะฆ่าท่านแล้ว! แต่เห็นแก่หน้าของพ่อผมปู่แท้ๆของผม ผมจะไม่เตะต้องท่าน”
“แต่ว่า ผมยังคงอยากจะบอกกับท่าน แส่หาเรื่องผมกับคนที่คิดว่าตัวเองถูกตลอดเหล่านี้ในเมืองหลวง งั้นก็มีเพียงแค่สภาพเดียว!”
“ไฟนี้ในวันนี้ก็ให้มันเผาไป เผาไหม้ยักษ์ใหญ่ไปครึ่งหนึ่งของเมืองหลวง!”
ท่านทวดจ้องมองไป๋ยี่เฟยอย่างแน่น นัยน์ตารินหลั่งความอาฆาตอย่างเข้มข้น
เป็นนายท่านใหญ่ของตระกูลไป๋ ทั้งถนัดวิเคราะห์นิสัยของมนุษย์อีก เขาย่อมนึกได้ว่าไป๋ยี่เฟยจะรู้ทันแผนการชั้นแรกของเขา ดังนั้นเขาจัดวางแผนการชั้นที่สองอีก
เพียงแค่เขานึกไม่ถึง ไป๋ยี่เฟยถึงขนาดแม้แผนการชั้นที่สองของเขาล้วนรู้ทันแล้ว
อยู่ดีๆ ท่านทวดถอนหายใจหนึ่งทีพูดว่า “แกเติบโตถึงขั้นนี้ สำหรับตระกูลไป๋มากล่าวแล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือเลว”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มเย็นชาอยู่พูดว่า “อย่าเอาตระกูลไป๋มาพูดกับผม ผมพูดมาหลายครั้งแล้ว ตระกูลไป๋อยู่ในสายตาผมอะไรก็ไม่ใช่ ผมไม่สนใจกิจการของตระกูลไป๋!”
“ยังมี เห็นแก่พ่อผมกับปู่แท้ๆของผม ผมจะไม่ฉีกหน้ากันกับบ้านเก่าตระกูลไป๋โดยสิ้นเชิง”
“แต่ว่า ก็เพียงแค่ครั้งนี้เท่านั้น วันหลังถ้าหากพวกท่านแส่หาเรื่องผมอีก หรือว่าคิดร้ายกับหลี่เสว่อีก อย่างงั้น ผมไม่ถือสาที่จะฆ่าล้างทั้งตระกูลไป๋!”
“แก!”
คำพูดนี้ทำให้ลูกตาของท่านทวดหด ชั่วพริบตาเดียวเบิกตาโพลงทั้งคู่ กัดฟันพูดว่า “เจ้านี่กล้าดียังไง!”
ไป๋ยี่เฟยไม่ยอมแพ้สักนิดตอบกลับว่า “ลองดูก็รู้แล้ว”
ท่านทวดเห็นสภาพ อดไม่ได้ที่จะ ฮึ เย็นชาเสียงหนึ่ง สุดท้ายสะบัดแขนเสื้อหนึ่งทีหมุนตัวออกไปเลย
บนดาดฟ้าก็เหลือเพียงแค่ซินชิวกับไป๋ยี่เฟย
ซินชิวยิ้มบางๆอยู่พูดว่า “คนทั้งหลายรวมกับผม ล้วนคิดว่าคุณมาเมืองหลวงไม่ได้พาลูกน้องเหล่านั้นของคุณมาด้วยเลย กลับนึกไม่ถึงคนเหล่านั้นของคุณมาถึงเมืองหลวงก่อนคุณอีก”
ไป๋ยี่เฟยต่อสิ่งนี้อมยิ้มหนึ่งทีพูดว่า “บังเอิญเท่านั้น”
ซินชิวไม่ได้ตอบกลับ เพียงแค่จ้องมองเขาอย่างมีความหมายลึกซึ้งหนึ่งที จากนั้นสายตาของเขาตกอยู่บนอาวุธชิ้นนั้นที่อยู่ในมือของไป๋ยี่เฟย “โซ่นี้ดีมาก”
ไป๋ยี่เฟยก็ก้มหัวมองตามโซ่ที่อยู่ในมือหนึ่งทีเช่นกัน แผ่นเหล็กที่อยู่ข้างบนมีรอยแตกร้าวแล้ว เขาขยับแล้วขยับอีกเล็กน้อย แผ่นเหล็กที่อยู่บนโซ่ชั่วพริบตาเดียวแตกออกตกอยู่กับพื้น
เขาเทพลังอ้านจิ้งของตนเองลงไปยังแผ่นเหล็ก แผ่นเหล็กรองรับไม่ไหว แตกหมดเลย
“อาใหญ่พูดตลกแล้ว” ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วพูด
ซินชิวไม่ได้ตอบกลับอีก แต่หมุนตัวลงจากดาดฟ้าแล้ว
ไป๋ยี่เฟยยืนอยู่กับที่ จ้องมองเศษแผ่นเหล็กที่อยู่บนพื้นจนเหม่อลอย
อาวุธชิ้นนี้ไป๋ยี่เฟยเรียนรู้จากเมิ่งหลินที่นั่น แต่ว่าเขาไม่ได้ประกอบด้วยตนเองเลย แต่ให้เฉินอ้าวเจียวหาคนช่วยเขาทำออกมา
ส่วนชิ้นนั้นที่อยู่ในมือเมิ่งหลินถูกเขาฝังไว้แล้ว ก็ฝังอยู่ข้างกายเมิ่งหลิน
แต่ว่าตอนนี้ดูแล้วเขามีความเสียใจภายหลังเล็กน้อย เพราะว่าการปฏิบัติงานในครั้งนี้เขาจึงรู้ว่า แผ่นเหล็กที่อยู่บนอาวุธชิ้นนั้นของเมิ่งหลินไม่ใช่แผ่นเหล็กธรรมดา ย่อมไม่เหมือนเช่นเขาพอใช้พลังอ้านจิ้งก็แตกแล้ว
……
ในคืนนี้ เมืองหลวงเป็นคืนนอนที่ไม่หลับอีกคืน
บุคคลที่เป็นผู้นำของสิบอันดับยักษ์ใหญ่ในเมืองหลวงต่างคนต่างถูกฆ่า กิจการตระกูลยิ่งประกาศล้มละลายต่อๆกัน
ยักษ์ใหญ่อื่นๆหลังจากรับรู้แล้วตื่นตระหนกเหลือเกิน
และตั้งแต่ต้นจนจบล้วนไม่มีคนรู้ว่า สิบอันดับยักษ์ใหญ่ตกลงว่าไปล่วงเกินใครกันแน่?