ไป๋ยี่เฟยยิ้มแล้วยิ้มอีกเล็กน้อยกับหลี่เสว่ จากนั้นจ้องมองคฤหาสน์หลังนี้นัยน์ตากวาดผ่านความแค้นหนึ่งที
ไป๋ยี่เฟยพูดว่า “ภรรยาจ๋า ผมมีเรื่องหนึ่งอยากจะทำมานานมากแล้ว”
“อะไรล่ะ?” หลี่เสว่ไม่เข้าใจดังนั้นจึงถาม
ไป๋ยี่เฟยใช้มืออีกข้างหนึ่งจับไฟแช็กที่อยู่ในกระเป๋าเขาออกมา จากนั้นเขาจุดไฟแช็กไว้ ก็ทิ้งอย่างสบายดั่งทิ้งขยะ โยนไฟแช็กไปยังคฤหาสน์
ไฟแช็กตกอยู่บนผ้าม่านบางแห่งของคฤหาสน์
“ตูม!”
ชั่วพริบตาเดียวไฟลุกไหม้ขึ้นมา ทั้งๆที่ไม่ได้ใส่น้ำมันกลับเหมือนดั่งราดน้ำมัน เผาไหม้ทั้งรุนแรงทั้งรวดเร็ว
“สามีจ๋า……” หลี่เสว่มองเห็นฉากนี้อดไม่ได้ที่จะมีความร้อนใจเล็กน้อย “นี่……”
ไป๋ยี่เฟยกอดหลี่เสว่ไว้เบาๆพาเธอออกจากบ้านเก่าตระกูลไป๋
ระหว่างทางเขาพูดว่า “ภรรยาจ๋า ตอนที่รู้ว่าเพื่อจะช่วยผมคุณคุกเข่าจนล้มสลบไปอยู่ที่นี่ ผมก็อยากจะทำเช่นนี้แล้ว”
หลี่เสว่ได้ยินคำพูดนี้ในใจสั่นไหวทันที ก็พิงไปยังหน้าอกของไป๋ยี่เฟยพิงแล้วพิงอีก
……
คฤหาสน์หลังแรกของบ้านเก่าตระกูลไป๋เผ่าไหม้ขึ้นมาแล้ว
คนที่อยู่ข้างนอกต่างคนต่างร้องเรียกอยู่ ยังมีคนยกน้ำมาอย่างรวดเร็วอยากจะดับไฟแล้ว
และในที่สุดคนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ ก็คืนสติกลับมา
ปู่ใหญ่พยุงพวกรุ่นอาวุโสที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งหมดเหล่านั้น ออกจากคฤหาสน์หลังแรก
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ลงมือฆ่าพวกเขาเลย เพียงแค่ทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงยังไงล้วนเป็นรุ่นอาวุโสที่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือด ไม่ว่าแค้นขนาดไหนก็ฆ่าพวกเขาไม่ได้
และอยู่แถวที่สอง ชายวัยกลางคนที่ดูแล้วอายุเยาว์วัยกว่าปู่ใหญ่คนหนึ่งกำลังยืนอยู่ที่นั่น สีหน้าสงบจ้องมองไฟลุกไหม้ที่รุนแรงของคฤหาสน์แถวแรกอยู่
และยังมีชายชราคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังเขาด้วย
ชายชราคนนี้ก็คือปู่รองที่มาตอนหลี่เสว่คลอดบุตรอยู่
ปู่รองก็ได้เห็นไฟลุกไหม้รุนแรงที่แถวข้างหน้า อดไม่ได้ที่จะยิ้มขมพูดว่า “อารอง เขาน่าจะแค้นพวกเราไอ้แก่เหล่านี้สุดขีดแล้วล่ะ”
สิ่งที่ทำให้คนคาดคิดไม่ถึงคือ ผู้ชายที่ดูแล้วเยาว์วัยกว่าคนนี้จะถูกปู่รองเรียกว่าอารอง
อารองสีหน้าสงบพูดว่า “ถ้าเป็นคนคนหนึ่งล้วนจะไม่สมดุลอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้นอีกยังเป็นวัยรุ่นคนหนึ่ง”
ปู่รองอดไม่ได้ที่จะถามว่า “อารองไม่ออกมาสั่งสอนๆเขาสักหน่อยเลยเชียวหรือ?”
“ยังไม่ถึงเวลา” อารองส่ายหัวต่อๆกันพูด
ปู่รองถอนหายใจเบาๆหนึ่งทีพูดว่า “นึกไม่ถึงไป๋ยี่เฟยบรรลุถึงเดนเทพยุทธ์แล้ว สามารถเสมอกันกับอารองได้”
อารองกลับพูดว่า “เขายังไม่ถึงเดนเทพยุทธ์”
“นี่….” ปู่รองแปลกใจอย่างมาก “เมื่อกี้เขาจะ……”
อารองอธิบายคำหนึ่งว่า “เป็นวิธีพิเศษอย่างหนึ่งเท่านั้น”
ต่อจากนี้เขาพูดอีกว่า “ไป๋ยี่เฟยยังทำไมถึงที่จะทำให้ผมพะว้าพะวัง สิ่งที่ผมพะว้าพะวังคือคนนั้นที่อยู่หน้าประตู”
“หน้าประตูยังมีคนหรือ?” ทันใดนั้นปู่รองตื่นตกใจอย่างมาก พูดอีกว่า “ความหมายของผมคือข้างกายไป๋ยี่เฟยยังมีคนที่เป็นเดนเทพยุทธ์ช่วยเขาอยู่หรือ?”
……
ไป๋ยี่เฟยกอดหลี่เสว่ไว้อุ้มเด็กอยู่เดินออกมาแล้ว พอเดินออกมาก็มองเห็นซินชิวที่รอเขาอยู่หน้ารถ
ซินชิวยิ้มแล้วยิ้มอีก ยังดึงประตูรถออกให้กับหลี่เสว่พูดว่า “ขึ้นรถเถอะ”
หลี่เสว่ไม่เคยเห็นซินชิวมาก่อน คิดว่าเขาเป็นคนขับรถก็ไม่ได้ใส่ใจมาก เพียงอมยิ้มกับเขาหนึ่งทีพูดว่า “ขอบคุณ!”
ไป๋ยี่เฟยเห็นฉากนี้ อดไม่ไหวที่จะขยับนิ้วแล้วขยับนิ้วอีก พี่ใหญ่ที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้เปิดประตูรถให้กับภรรยาตัวเอง งั้นคุยอวดได้อีกหลายปีเลย
อีกทั้งวันนี้ซินชิวยังสวมใส่ชุดสูทสีดำตัวหนึ่ง เส้นผมหวีอย่างเงาวาว ดูแล้วเหมือนดั่งคนขับรถคนหนึ่งมากจริงๆ
และซินชิวเห็นไป๋ยี่เฟยอึ้งชะงักอยู่ที่นั่น ก็เลยอ้อมไปอีกข้างหนึ่งของรถเสียเลย ท่าทางที่เหมือนคิดจะเปิดประตูรถให้เขา
ไป๋ยี่เฟยเห็นสภาพคืนสติอย่างรุนแรง รีบวิ่งไปฝั่งโน้น “ผมทำเอง ผมทำเอง จงอย่าเด็ดขาด”
สถานะนี้ของซินชิว ยังมีอายุของเขานี้ ไป๋ยี่เฟยรองรับไม่ไหวจริงๆ
หลังจากขึ้นรถแล้วซินชิวขับรถออกไปโดยตรง ไม่ต้องให้ไป๋ยี่เฟยบอกว่าจะไปไหน เขาก็รู้ว่าไป๋ยี่เฟยจะไปไหนแล้ว
แต่ไป๋ยี่เฟยในยามนี้ตื่นเต้นมาก ไม่อาจพูดแค่ตลอดทาง เขาก็ล้วนยังตื่นเต้นมากเท่านั้น
แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ตอนนี้นั่งอยู่ในรถของซินชิวพร้อมกับหลี่เสว่ เขาก็เริ่มหวาดกลัวตื่นเต้นมาก จนกระทั่งไม่กล้าพูดคุยกับซินชิว
และหลี่เสว่เนื่องเพราะไม่รู้สถานะของซินชิว สบายกว่าไป๋ยี่เฟยเยอะเลย ในเวลานี้สิ่งที่เธอเป็นห่วงคืออีกเรื่องหนึ่ง “สามีจ๋า คุณทำเช่นนี้ เคยคิดว่าจะมีผลลัพธ์อะไรมาก่อนไหม?”
ไป๋ยี่เฟยกลับถามเสียงเบาๆว่า “คุณหวังให้ผมกลายเป็นทายาทของตระกูลไป๋มากเลยหรือ?”
หลี่เสว่ส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีกพูดว่า “ไม่ว่าคุณจะเป็นทายาทของตระกูลไป๋หรือไม่ ถึงยังไงคุณก็แซ่ไป๋ อาละวาดกับตระกูลไป๋ถึงขนาดนี้ก็ไม่ดีเช่นกัน”
ไป๋ยี่เฟยกลับตอบโต้คำหนึ่งว่า “คุณแซ่หลี่ไม่ใช่หรือ?”
หลี่เสว่อดไม่ได้ที่จะหยุดชะงักแล้วหยุดชะงักอีก จากนั้นจนใจพูดว่า “คุณล่ะ ช่างไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับคุณจริงๆ!”
พวกเขาทั้งสองคนมีชะตากรรมคล้ายกัน นั่นก็คือไม่ได้ถูกยอมรับจากตระกูลของตนเองเช่นกัน
และซินชิวที่กำลังขับรถอยู่ อยู่ดีๆยิ้มอยู่พูดคำหนึ่งว่า “นี่ก็คือบุพเพสันนิวาสล่ะ”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดนี้ไม่กล้ารับช่วง หลี่เสว่กลับยิ้มอยู่พูดกับซินชิวว่า “ทำให้อาลั่งหัวเราะเยาะเอาแล้ว”
อาลั่ง!
ในใจไป๋ยี่เฟยสั่นระริกทันที จ้องมองซินชิวหนึ่งทีอย่างระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งเห็นเขาไม่มีสีหน้าเปลี่ยนแปลงอะไรเลยจึงวางใจลงเล็กน้อย
ในเวลานี้ในที่สุดไป๋ยี่เฟยก็ให้ความสนใจกับลูกของตนเองแล้ว เขาก้มหัวจ้องมองตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมอกของตนเอง นัยน์ตากวาดผ่านความอ่อนโยนเล็กน้อย ทั้งตื่นเต้นทั้งระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งยื่นมือจิ้มใบหน้าเล็กๆของเขาจิ้มแล้วจิ้มอีก
“ลูกชาย!”
ตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมอกถูกไป๋ยี่เฟยจิ้มจนแสยะปากยิ้มแล้ว
หลี่เสว่อยู่ดีๆกลับตีไป๋ยี่เฟยหนึ่งทีพูดว่า “นี่จึงจะเป็นลูกชาย นั่นคือลูกสาว”
ไป๋ยี่เฟยอึ้งชะงักไปหนึ่งที จากนั้นหัวเราะแหยๆตามไปด้วยเสียงหนึ่ง ถามอีกว่า “ตั้งชื่อให้พวกเขาหรือยัง?”
“นี่ไม่ใช่รอคุณมาตั้งหรือ?” หลี่เสว่เหลือบมองเขาหนึ่งที
ทันใดนั้นไป๋ยี่เฟยยิ่งตื่นเต้นแล้ว ทันใดนั้นก็ลืมแล้วว่ายังมีซินชิวอยู่ จูบหลี่เสว่หนึ่งทีโดยตรง “ภรรยาจ๋าคุณดีมากจริงๆเลย!”
ทันใดนั้นหลี่เสว่เขินอายจนหน้าแดงขึ้นมา
แต่ไป๋ยี่เฟยล่ะ ลำบากใจจริงๆ เพราะว่าทันใดนั้นเขายังคิดไม่ออกว่าจะตั้งชื่ออะไรให้กับลูกจริงๆ
เขาคิดไปนานมาก ล้วนคิดชื่อที่ทั้งมีความหมายดีทั้งไพเราะสักชื่อออกมาไม่ได้
อยู่ดีๆ เขามองเห็นซินชิวที่ขับรถอยู่ ทันใดนั้นเกิดไอเดียขึ้นมา ถ้าหากว่าให้บุคคลที่ยอดเยี่ยมมากๆคนนี้ตั้งชื่อให้ งั้นอนาคต ……
ไป๋ยี่เฟยยื่นหัวนิดๆถามซินชิวว่า “งั้นอะไร……”
เพียงแค่คำพูดเขายังไม่ได้เอ่ยปากไปเท่าไหร่ ซินชิวก็คาดเดาว่าเขาจะพูดอะไร หน้าก็ไม่หันพูดว่า “ผมไม่มีพรสวรรค์ที่จะตั้งชื่อให้ อย่าถามผม แท้ที่จริง คุณสามารถถามซาเฟยหยางได้”
ไป๋ยี่เฟยรู้แจ้งกระจ่างในฉับพลัน “ใช่สิ ควรจะถามเขา ทำไมนึกไม่ถึงล่ะ?”
……
ตลอดทางซินชิวขับรถมาถึงโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองหลวง
หลังจากลงรถไป๋ยี่เฟยมีความไม่เข้าใจเล็กน้อยถามว่า “ทำไมมาที่นี่ล่ะ? มีความสำคัญอะไรหรือ?”
เพราะว่าซินชิวพาเขามาเมืองหลวงโดยตรงทั้งไปที่ตระกูลไป๋อีก ทั้งหมดนี้ดูเหมือนจัดวางเรียบร้อยมานานแล้ว ไป๋ยี่เฟยก็ไม่กล้าถามเช่นกัน แต่ตอนนี้กลับมาโรงแรมแล้ว
ซินชิวยิ้มอยู่ตอบกลับว่า “เปิดห้องให้พวกคุณเรียบร้อยแล้ว นี่เป็นโรงแรมที่อำพรางได้กว่า พวกสองคนนี้ไม่ได้เจอกันนานขนาดนี้แล้ว ควรพูดคุยอดีตที่ผ่านมาของกันและกัน”
คำพูดของซินชิวพูดอย่างซ่อนแฝงมาก แต่ไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่ล้วนเข้าใจความหมายในนั้น หลี่เสว่หน้าแดงขึ้นโดยตรง ไป๋ยี่เฟยกลับประหลาดใจกับซินชิวที่พูดคำพูดแบบนี้
แต่ว่าหลังจากคิดอย่างละเอียดแล้วการจัดวางแบบนี้คือสมเหตุสมผล เนื่องเพราะไป๋หยุนเผิงกับอู๋กุ้ยเซียงล้วนถูกขังไว้แล้ว ไป๋ยี่เฟยคิดจะช่วยพวกเขาออกมา ย่อมต้องอยู่เมืองหลวงต่อแน่นอน
พวกเขาขึ้นไปข้างบนพร้อมกัน แยกกันไปเข้าห้องนอนสองห้อง
หลังจากเข้าไปในห้องนอน เด็กทั้งสองคนล้วนหลับแล้ว ไป๋ยี่เฟยระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งวางพวกเขาอยู่ในเปล จากนั้นหมุนตัวไปจ้องมองหลี่เสว่
หลี่เสว่เห็นสายตาที่ไม่ยับยั้งสักนิดของไป๋ยี่เฟยนั้น อยู่ดีๆมีความว้าวุ่นเล็กน้อย สีหน้าก็แดงระเรื่อไปด้วย
สุดท้ายหลี่เสว่อดไม่ไหวที่จะวิ่งไปยังห้องน้ำ ทั้งพูดอยู่ว่า “ฉันอาบน้ำก่อน”
ตั้งแต่หลังจากหลี่เสว่ตั้งครรภ์ จนถึงตอนนี้ เธอไม่ได้ทำเรื่องระหว่างสามีภรรยากับไป๋ยี่เฟยมาก่อนนานมากแล้ว
หลี่เสว่ทำความสะอาดตนเองอย่างระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งอยู่ในห้องน้ำ และไป๋ยี่เฟยนั่งอยู่บนหัวเตียงข้างนอก กายใจร้อนผะผ่าว