“พูดตามตรงกับท่านเถอะ” ผู้จัดการหวังหัวเราะ แฮ่ๆ หนึ่งที “โชคดีที่ท่านมาเวลานี้ ถ้าหากเปลี่ยนเป็นหลายเดือนก่อน ถ้าท่านมาถึงที่นี้ก็กลับไปไม่ได้แล้วล่ะ”
“อ่า?” อู๋หยุนแปลกใจอย่างมาก
ผู้จัดการหวังก็เลยเล่าเรื่องที่หลันเต่าก่อตั้งมาและเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นในช่วงหลายเดือนนี้ ให้พวกเขาฟังคร่าวๆ
หลังจากอู๋หยุนฟังจบอึ้งชะงักไปนานมาก ผู้จัดการหวังยังตั้งใจใช้ลูกไม้ที่โอเวอร์โดยเฉพาะเล็กน้อยคุยอวดเรื่องเหล่านั้นที่ไป๋ยี่เฟยทำ จนทำให้ไป๋ยี่เฟยเหมือนดั่งเทพ
อู๋หยุนรู้สึกว่าตนเองเหมือนดั่งกำลังฟังเทพนิยายอยู่ กลับเป็นหลิวเสี่ยวอิงที่ชอบฟังคำพูดคุยโวโอ้อวดเหล่านี้ แม้รู้ว่าเป็นเท็จ แต่มีคนคุยโวโอ้อวดไป๋ยี่เฟยขนาดนี้ เธอยังคงดีใจมากนะ
“ผู้จัดการหวัง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องจริงหรือ?” อู๋หยุนถามอย่างอึ้งชะงัก
ผู้จัดการหวังพยักหน้าทันที “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว”
“บุคคลยิ่งใหญ่ขนาดนี้ช่างทำให้คนอยากจะเจอสักหน่อยจริงๆล่ะ”
“พี่สาว ลูกพี่ไป๋ที่ไหนจะเป็นคนอย่างพวกเราเหล่านี้ อยากจะเจอก็สามารถเจอได้ล่ะ ท่านว่าใช่หรือไม่ผู้อำนวยการหลิว?” ผู้จัดการหวังยิ้มจ้องมองไปยังหลิวเสี่ยวอิง
หลิวเสี่ยวอิงมีความภูมิใจเล็กน้อย พยักหน้าต่อๆกันพูดว่า “นี่แน่นอนอยู่แล้ว”
พานปู้ถิงไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่จริงๆ “คุณน้า ท่านอย่าจริงจังเกินไป คนธรรมดาเหล่านี้ก็ชอบเล่าเรื่องบางอย่างจนโอเวอร์มาก แท้ที่จริงอยู่ในความจริงไม่ได้เก่งขนาดนั้น”
“คุณผู้ชาย เป็นครั้งแรกที่ท่านมาหลันเต่าย่อมไม่รู้อยู่แล้ว สิ่งที่ผมพูดล้วนเป็นเรื่องจริงนะ” ผู้จัดการหวังพูด
พานปู้ถิงไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่เหมือนเดิม “ตอนที่ผมเรียนมหาลัยเคยเรียนจิตวิทยามาก่อน เข้าใจมากกับจิตใจของคนธรรมดาโดยเฉพาะสถานที่ที่ล้าหลังแบบนี้ ล้วนมีความเคยชินที่ทำให้เรื่องกลายเป็นเทพเจ้าไป แท้ที่จริงล้วนเพราะว่าการสั่งสอนล้าหลัง เศรษฐกิจล้าหลัง ทำให้รู้จักไม่ทั่วถึงจึงเป็นเช่นนี้”
คำพูดของเขาพูดอย่างไม่เกรงใจมาก ทันใดนั้นผู้จัดการหวังก็ไม่พอใจแล้ว
แต่เขานึกอีกว่าหลิวเสี่ยวอิงอยู่ที่นี่ ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็เป็นแขกของหลิวเสี่ยวอิง เขาก็ไม่เหมาะที่จะพูดอะไรมากเช่นกัน สุดท้ายก็เลยหาข้ออ้างลาออกไปเสียเลย
ต่อคำพูดของพานปู้ถิง หลิวเสี่ยวอิงย่อมไม่เห็นด้วยและไม่พอใจอยู่แล้วเช่นกัน เห็นผู้จัดการหวังไปแล้ว เธอก็เลยหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่งพูดว่า “ตาเห็นเป็นจริง ตัวเองไม่เคยเห็นมาก่อนก็อย่าพูดส่งเดช”
“เสี่ยวอิง คุณอายุยังน้อย มีอะไรมากมายที่คุณล้วนไม่รู้” พานปู้ถิงยิ้มแล้วยิ้มอีก “ใจคนเหี้ยมโหดมีมากมายอยู่ในสังคม ก็เหมือนดั่งผู้จัดการคนนั้นเมื่อกี้ เห็นได้ชัดว่าทำให้คนเหนือคนไปแล้ว อยู่บนโลกนี้จะมีคนอย่างนี้ได้ยังไงล่ะ?”
“คนเดียวโจมตีคนกลุ่มหนึ่งอะไรล่ะ? ยังสามารถชกคนจนลอยออกไปได้ล่ะ? นี่จะเป็นไปได้ยังไงล่ะ? ก็ไม่ใช่ถ่ายหนังอยู่”
พานปู้ถิงพูดคำพูดเหล่านี้ ล้วนเหมือนดั่งรุ่นอาวุโสคนหนึ่งถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับชนรุ่นหลังคนหนึ่ง
และอู๋หยุนได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็คืนสติกลับมาเช่นกัน เห็นด้วยกับคำพูดของพานปู้ถิงอย่างมาก “เสี่ยวอิง ปู้ถิงพูดถูกแล้วคำพูดที่คนธรรมดาเหล่านี้พูดยังคงอย่าเชื่อมากเกินไป”
หลิวเสี่ยวอิงล้วนถูกพวกเขาทำให้โมโหจนจะหัวเราะแล้ว สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เธอประสบพบเจอด้วยตัวเธอเอง ทำไมจะไม่ไปเชื่อล่ะ?
แต่เสียดายไม่ว่าเธอพูดอะไร สิ่งเหล่านี้อู๋หยุนกับพานปู้ถิงล้วนไม่สามารถเข้าใจล่ะ เธอมีความโมโหเล็กน้อย ก็เลยพูดตรงๆว่า “พวกคุณกินเถอะ ฉันกินอิ่มแล้ว”
……
หลังจากพวกเขาออกจากโรงแรม อู๋หยุนยังจู้ๆจี้ๆพูดกับหลิวเสี่ยวอิงอยู่ว่า “เสี่ยวอิง พวกเราอยู่นี้เพียงแค่สองวัน ตอนนี้แกก็เป็นผู้อำนวยการของที่นี่แล้ว ฉันก็ไม่บีบบังคับแกให้ตามฉันกลับไปด้วย”
“แกให้วิธีการติดต่อกันกับปู้ถิงสักหน่อย ยามปกติติดต่อกันๆมากหน่อย บ่มเพาะความผูกพัน ก็เข้าใจๆเขามากหน่อย ถึงเวลานั้นนะ แกก็จะ…..”
“แม่!”
ในเวลานี้พวกเขาเดินถึงข้างรถบรรทุกแล้ว และหลิวเสี่ยวอิงก็อดไม่ไหวอีกที่จะร้องตะโกนเสียงหนึ่งพูดว่า “ฉันล้วนบอกกับท่านมาก่อนแล้ว ฉันมีแฟนแล้ว!”
ได้ยินคำพูดนี้อู๋หยุนกับพานปู้ถิงล้วนอึ้งชะงักไปหนึ่งที
ในเวลานี้ไป๋ยี่เฟยลงมาจากรถบรรทุกพอดี มองเห็นพวกเขาก็เลยถามว่า “ของกินเป็นยังไงบ้างล่ะ?”
ยังไม่ทันรอพวกเขามีปฏิกิริยา หลิวเสี่ยวอิงก็เลยจับมือของไป๋ยี่เฟยไว้โดยตรงพูดว่า “เขาก็คือแฟนของฉัน ไป๋ยี่เฟย”
อู๋หยุนอึ้งชะงักจ้องมองไปยังหลิวเสี่ยวอิงกับไป๋ยี่เฟย
ส่วนพานปู้ถิงตื่นตะลึงเต็มใบหน้า
อยู่ในพื้นที่ของพวกเขาทั้งสี่คนนี้ คล้ายดั่งถูกกดปุ่มหยุดชั่วคราว แม้แต่อากาศล้วนเกาะผนึกตามมาด้วยแล้ว
สุดท้ายยังคงเป็นไป๋ยี่เฟยคืนสติกลับมา หัวเราะขมๆเสียงหนึ่ง ทักทายกับอู๋หยุนว่า “คุณน้าสวัสดีครับ”
ตามเสียงจบลงของไป๋ยี่เฟย ทันใดนั้นอู๋หยุนระเบิดเลย
“คนขับรถหรือ? แค่คนขับรถคนหนึ่งหรือ?”
“หลิวเสี่ยวอิง แกน้ำเข้าสมองแล้วใช่หรือไม่? แกดูตัวแกเองสิ ทั้งหน้าตาดีทั้งมีฐานะ ชอบคนคนขับรถคนหนึ่งได้ยังไงล่ะ?”
“แกดูเขาอีกสิ คนขับรถคนหนึ่งเทียบกับปู้ถิงได้ยังไง จุดไหนเทียบเท่าเขาได้ล่ะ?”
คำพูดของอู๋หยุนพูดอย่างไม่น่าฟังมาก ล้วนไม่ไว้หน้าไป๋ยี่เฟยเลยสักนิด
ส่วนพานปู้ถิงรีบเกลี้ยกล่อมว่า “คุณน้า ท่านหายโมโหๆก่อน เสี่ยวอิงก็เลอะเลือนชั่ววูบเช่นกัน รอให้วันหลังเธอประสบเจอมากหน่อยก็เข้าใจแล้ว”
พูดอยู่ พานปู้ถิงยังเหลือบมองไป๋ยี่เฟยหนึ่งที ดุด่าเสียงดังว่า “คุณยังอึ้งอยู่ทำไมล่ะ? รีบปล่อยมือออกเดี๋ยวนี้!”
ได้ยินคำพูดนี้ โดยจิตใต้สำนึกไป๋ยี่เฟยปล่อยมือของหลิวเสี่ยวอิงออกเลย
แต่ว่าท่าทีของหลิวเสี่ยวอิงใจเด็ดมาก ก็จับมือของไป๋ยี่เฟยกลับมาอีกครั้ง ยังใช้มืออีกข้างหนึ่งเกาะแขนของเขาไว้ด้วย จากนั้นพูดกับอู๋หยุนว่า “แม่ ไม่ว่าท่านพูดอะไรฉันล้วนจะเอาเขาแล้ว ทั้งชีวิตก็จะเอาเขาแล้ว”
“แก…..” อู๋หยุนโมโหจนยกมือขึ้นก็จะตีหลิวเสี่ยวอิง “วันนี้แกอยากจะทำให้ฉันโมโหตายใช่หรือไม่ล่ะ?”
หลิวเสี่ยวอิงเห็นแบบนี้รีบหลบอยู่ข้างหลังไป๋ยี่เฟยทันที แต่ในปากไม่ยินไม่ยอมพูดว่า “แม่ เขาไม่เป็นอย่างที่ท่านพูดเลยสักนิด เขาเก่งกว่าผู้ชายใดๆ!”
“พูดได้อีกว่า สิ่งที่ฉันชอบคือตัวเขาคนนี้ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับสถานะฐานะของเขา”
“ที่ไหนเขาก็ดี ที่ไหนล้วนดีกว่าคนอื่น!”
อู๋หยุนเห็นหลิวเสี่ยวอิงคุ้มครองรักษาไป๋ยี่เฟยขนาดนี้ โมโหจนหน้าอกขึ้นลงเรื่อยๆ “ได้ ในเมื่อแกชอบเขาขนาดนี้ งั้นวันนี้ก็จะทำให้แกเห็น คนคนนี้ที่แกชอบคือชอบแกกว่าหรือว่าชอบเงินมากกว่าล่ะ?”
หลังจากพูดจบ อู๋หยุนหันหน้าไปจ้องเขม็งไป๋ยี่เฟยพูดว่า “คุณฟังให้ดี ฉันให้คุณสองล้าน ออกจากลูกสาวของฉันทันที!”
ไป๋ยี่เฟย “……”
สองล้านสำหรับไป๋ยี่เฟยในตอนนี้มากล่าวแล้ว ก็เท่ากับสองบาทสำหรับคนธรรมดา
และในเวลานี้ พานปู้ถิงก็พูดตามไปด้วยว่า “ผมเพิ่มอีกสามล้าน ทั้งหมดห้าล้าน คุณรีบออกจากเสี่ยวอิงทันที!”
ไป๋ยี่เฟยพูดไม่ออกอีกต่อไป
หลิวเสี่ยวอิงยังเอียงหัวถามไป๋ยี่เฟย หยอกล้อถามว่า “ห้าล้านให้คุณออกจากฉัน คุณจะเอาหรือไม่ล่ะ?”
ไป๋ยี่เฟยเห็นสภาพถอนหายใจก่อนหนึ่งที จึงพูดกับอู๋หยุนว่า “คุณน้า พวกเราไม่ได้เนื่องเพราะเงินจึงอยู่ด้วยกันจริงๆ”
อู๋หยุนหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่งพูดว่า “พูดได้น่าฟัง คุณเพียงแค่คนขับรถคนหนึ่ง ก็เห็นว่าลูกสาวฉันเป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาล ถ้าไม่งั้นคุณจะอยู่ด้วยกันกับเธอหรือ?”
“ฉันเห็นคุณไม่โง่เช่นกัน รู้ว่าสิบล้านเทียบเท่ากับสถานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลของลูกสาวฉันไม่ได้ ดังนั้นอยากจะอาศัยเกาะเธอกินทั้งชีวิตใช่ไหม?”
พานปู้ถิงได้ยินคำพูดนี้ ฮึ เย็นชาเสียงหนึ่งพูดว่า “เพิ่มอีกห้าล้าน ทั้งหมดสิบล้าน ออกจากเสี่ยวอิง!”
ถ้าหากว่าเป็นพานปู้ถิงแต่ก่อน เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาเงินมากมายขนาดนี้ออกมา แต่ถ้าหากเขาสามารถแต่งงานกับหลิวเสี่ยวอิงจริงๆ เงินเหล่านี้ยังคงมีหวังที่จะหากลับมาได้อีก ดังนั้นเขาก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อยพูดออกมาแล้วเช่นกัน
แต่ว่า สำหรับไป๋ยี่เฟยมากล่าวเงินเหล่านี้ไม่คุ้มที่จะเอ่ยถึงเลยสักนิด
ไป๋ยี่เฟยยิ้มจนใจหนึ่งที ตอนที่เพิ่งอยากจะพูดอะไร อยู่ดีๆสีหน้าเปลี่ยนทันที พูดกับพวกเขาว่า “รีบขึ้นรถ!”
จากนั้นอู๋หยุนชี้ด่าไป๋ยี่เฟยว่า “คุณเป็นเหี้ยอะไรคนหนึ่ง? ยังกล้าออกคำสั่งกับฉันล่ะ?”
อู๋หยุนดูถูกไป๋ยี่เฟยคนนี้จริงๆ เป็นคนขับรถก็แล้วกันไป เสื้อผ้าที่สวมใส่ยังเป็นสินค้าข้างถนน ทั้งหัวโล้นคนหนึ่ง ดูยังไงก็เทียบเท่ากับพานปู้ถิงไม่ได้
“รูปร่างลักษณะอย่างคุณแบบนี้ ก็จะคู่ควรกับเสี่ยวอิงบ้านเราเช่นกันหรือ?”
แต่คราวนี้สีหน้าของไป๋ยี่เฟยจริงจัง ไม่ได้พูดจาไร้สาระสักนิด “มีอะไรแล้วค่อยพูดกันอีก ตอนนี้รีบขึ้นรถ!”
หลิวเสี่ยวอิงเข้าใจไป๋ยี่เฟยอยู่แล้ว เห็นเขาเป็นเช่นนี้ก็รู้ว่ามีเรื่องจะเกิดขึ้นแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนตามไปด้วยเช่นกัน ไม่ทันที่จะอธิบายมาก จับมือของอู๋หยุนไว้ก็เลยผลักไปยังรถบรรทุกฝั่งโน้น “แม่ อย่าพูดอีกเลย รีบขึ้นรถ!”
“ขึ้นรถอะไรล่ะ?” อู๋หยุนสะบัดมือของหลิวเสี่ยวอิงออก “วันนี้จะต้องพูดคุยเรื่องให้เข้าใจ ไม่งั้นใครก็อย่าไป!”
หลิวเสี่ยวอิงเห็นสภาพจับมืออู๋หยุนลากไปยังรถบรรทุกอีกครั้ง ทั้งร้อนใจพูดว่า “แม่ อย่าเพิ่งพูดอีกเลย รีบขึ้นรถเถอะ มีอันตราย!”
ผลสุดท้ายเพิ่งเดินถึงข้างประตูก็ถูกพานปู้ถิงกดทับประตูไว้ เขายังอมยิ้มกับหลิวเสี่ยวอิงหนึ่งที “เสี่ยวอิง อย่าร้อนใจขนาดนี้ คุณน้าพูดถูกแล้ว ยังคงต้องพูดคุยเรื่องให้เข้าใจก่อนเถอะ”
เห็นแบบนี้ หลิวเสี่ยวอิงก็โมโหแล้วเช่นกัน เป็นไปไม่ได้ที่ไป๋ยี่เฟยจะล้อเล่น อีกทั้งแม้แต่สีหน้าของเขาล้วนจริงจังขนาดนี้ เกรงว่าเรื่องจะไม่ง่าย แต่พานปู้ถิงกลับยังขวางอยู่ข้างหน้า
นี่ไม่ใช่ปรากฏอย่างชัดแจ้งว่าจะเอาแม่เธอไว้อยู่ในอันตรายหรือ? หลิวเสี่ยวอิงโมโหจนร้องตะโกนเสียงหนึ่งโดยตรง “คุณไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!”
หลังจากร้องตะโกนเสร็จยังยกเท้าเตะไปที่หน่องของพานปู้ถิงหนึ่งที
“อ่า!” พานปู้ถิงร้องทรมานเสียงหนึ่ง เพราะว่านึกไม่ถึงจะถูกหลิวเสี่ยวอิงเตะ ไม่ได้ตั้งตัว ลมลงกับพื้นโดยตรง
อู๋หยุนเห็นฉากนี้ตื่นตกใจหนึ่งที อดไม่ได้ที่จะยิ่งเพิ่มความโมโหแล้ว “เสี่ยวอิง แกทำอะไรล่ะ?”