ไม่เพียงหลิวเสี่ยวอิงที่มาแล้ว เธอยังพาหมอหลายคนในโรงพยาบาลโว่หลงมาด้วยกัน
และสิ่งเหล่านี้ เธอล้วนยังไม่ได้บอกกับอู๋หยุน
หลังจากลงรถ อู๋หยุนสงสัยงงงวยมาก “พวกเรามาทำอะไรที่โรงพยาบาล?”
เธอเพิ่งพูดจบ พนักงานโรงพยาบาลหลายคนล้วนวิ่งออกมาแล้ว มาถึงข้างหน้าหลิวเสี่ยวอิงกับไป๋ยี่เฟย
“สวัสดีท่านผู้อำนวยการ ท่านผู้อำนวยการมาแล้ว มีคำสั่งอะไรไหม?”
“ผู้อำนวยการหรือ?” อู๋หยุนกับปู้ถิงล้วนประหลาดใจเต็มใบหน้า
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองอู๋หยุนกับผู้ชายคนนั้นหนึ่งที จากในประโยคสนทนาของพวกเขาไป๋ยี่เฟยจึงจะรู้ว่า ผู้ชายคนนี้แซ่พาน
หลิวเสี่ยวอิงยิ้มแล้วยิ้มอีกกับหมอหลายคนนั้น จากนั้นพูดว่า“นี่เป็นแม่ของฉัน รบกวนช่วยฉันเอากระเป๋าของแม่ฉันส่งไปที่ห้องห้องนอนของฉัน ขอบคุณ”
หมอหลายคนรีบรับกระเป๋ามา
จากนั้นหลิวเสี่ยวอิงเกาะแขนอู๋หยุนไว้ ยิ้มพูดว่า “แม่ ไป ฉันพาท่านไปดูสถานที่ทำงานของฉัน”
หลิวเสี่ยวอิงพาอู๋หยุนที่ตื่นตะลึง ข้างหลังตามด้วยพานปู้ถิงเดินเข้าไปในโรงพยาบาลที่โออ่าหรูหราแห่งนี้พร้อมกัน ไป๋ยี่เฟยก็ตามอยู่ข้างหลังด้วยเช่นกัน
หลังจากเดินเข้าไป เพียงแค่พบเจอกับหมอและพยาบาล ล้วนหยุดทักทายกับหลิวเสี่ยวอิง “ผู้อำนวยการสวัสดี”
ตลอดจนเข้าไปในออฟฟิศของเธอ หลังจากผู้ช่วยเทน้ำชาเสร็จแล้วออกไป อู๋หยุนจึงคืนสติในฉับพลัน “โอ้พระเจ้า!”
เธอทั้งตื่นตกใจและดีใจตื่นเต้นจนเต็มใบหน้า จับมือของหลิวเสี่ยวอิงไว้ “ลูกสาวที่ดีของฉัน แกช่างเก่งมากจริงๆ คาดไม่ถึงว่าเป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลแห่งนี้!”
หลิวเสี่ยวอิงยิ้มพยักหน้าอยู่
อู๋หยุนตื่นเต้นมาก พอตื่นเต้นคำพูดก็มากขึ้น “ไอ้โย ดีมากเลยจริงๆ ลูกสาวของฉันทำไมเก่งขนาดนี้ล่ะ?”
“เสี่ยวอิงเอย รีบบอกกับแม่สิ แกกลายเป็นผู้อำนวยการได้ยังไงล่ะ? ลูกสาวของฉันช่างมีอนาคตจริงๆนะ ทำให้แม่ดีใจมากเลย!”
“พวกเรานี่ดวงจะดีขึ้นมากเลย แกดูสิพ่อของแกจะพูดคุยร่วมงานกับเฟยเสว่กรุ๊ป ตอนนี้แกก็เป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลอีก ช่างเก่งมากจริงๆนะ!”
หลิวเสี่ยวอิงเห็นอู๋หยุนตื่นเต้นจนพูดจาสะเปะสะปะ มีความรู้สึกอายเล็กน้อยจ้องมองไป๋ยี่เฟยหนึ่งที
ผลลัพธ์ที่เธอมองนี้ ก็มองจนทำให้ไป๋ยี่เฟยเกิดเรื่องแล้ว
ตั้งแต่ที่เจอกับหลิวเสี่ยวอิงพานปู้ถิงล้วนแฝงไว้ด้วยสีหน้าที่เย่อหยิ่งมาโดยตลอด และหลังจากที่เขารู้ว่าหลิวเสี่ยวอิงเป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาล สีหน้าที่เย่อหยิ่งเก็บออกไปทันที ในเวลาเดียวกันยังแขวนไว้ด้วยรอยยิ้มที่แอบดีใจ
การหารายได้ของโรงพยาบาลแห่งนี้แม้ว่าไม่เท่ากับบริษัทใหญ่ แต่ดีเลวก็เป็นองค์กรที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล หลิวเสี่ยวอิงกลายเป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลโดยตรง งั้นมีความสัมพันธ์ขั้นนี้ ต่อจากนี้อนาคตของเขาจะยิ่งแจ่มชัดขึ้น
ด้วยเหตุนี้ตอนที่อู๋หยุนถามหลิวเสี่ยวอิงว่าเป็นผู้อำนวยการได้ยังไง พานปู้ถิงก็อยากรู้ด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังคาดเดาอยู่ว่า ในนี้มีความจริงที่อยากจะปกปิดอะไรอยู่ใช่หรือไม่?
ดังนั้นตอนที่เขาเห็นหลิวเสี่ยวอิงจ้องมองไป๋ยี่เฟยหนึ่งที ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือหลิวเสี่ยวอิงไม่อยากให้คนนอกรู้
ในเวลาเดียวกัน เขายังรู้สึกสงสัยงงงวย คนขับรถคนหนึ่งไม่รู้สึกอายที่ตามมาถึงออฟฟิศได้ยังไงล่ะ?
“คุณอยู่ที่นี่ทำไมหรือ?” พานปู้ถิงใบหน้าขึงลับพูดกับไป๋ยี่เฟยว่า “พวกเราทั้งครอบครัวอยู่ที่นี่ คุณเป็นคนขับรถคนหนึ่ง รีบออกไป!”
ได้ยินพานปู้ถิงพูดอย่างนี้อู๋หยุนก็คืนสติกลับมาเช่นกัน มีความไม่พอใจเล็กน้อยจ้องมองไป๋ยี่เฟยหนึ่งที “เสี่ยวอิงแกไปหาคนขับรถมาจากไหนล่ะ? ไม่รู้จักกาลเทศะขนาดนี้ได้ยังไงหรือ?”
“คุณรีบออกไปเดี๋ยวนี้”
หลิวเสี่ยวอิงเห็นแบบนี้สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย อยากจะช่วยพูดให้ไป๋ยี่เฟย แต่หลังจากไป๋ยี่เฟยส่ายหัวนิดๆกับเธอ และพูดกับพวกเขาอีกว่า “พวกคุณพูดคุยกันก่อน ผมออกไปแล้ว”
หลังจากพูดจบไป๋ยี่เฟยก็เลยออกจากออฟฟิศ
อู๋หยุนจ้องมองภาพด้านหลังของไป๋ยี่เฟยหนึ่งที อดไม่ได้ที่จะเหน็บแนมสองคำ “เหมือนอย่างที่คิดเป็นได้แค่คนขับรถจริงๆล้วนไม่มีสายตาแยกแยะสักนิด!”
พานปู้ถิงยิ้มแล้วยิ้มอีกพูดว่า “คุณน้าอย่าโมโห เขาก็แค่ลูกน้องคนหนึ่ง ไม่คุ้มค่านะ”
ได้ยินพวกเขาพูดอย่างนี้ ทันใดนั้นหลิวเสี่ยวอิงก็ไม่พอใจแล้ว “เขาไม่ใช่คนขับรถ!” น้ำเสียงของเธอทั้งรุนแรงทั้งไม่พอใจ
เพียงแค่อู๋หยุนไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งนี้เลย แต่จับหลิวเสี่ยวอิงไว้พูดต่อว่า “เสี่ยวอิงเอย ในพวกเราตระกูลแพทย์แผนจีนก็เป็นน้ารองของแกมีฝีมือมากที่สุด แต่พูดถึงที่สุดก็ไม่มีผลสำเร็จอะไรเช่นกัน”
“ฝีมือของพ่อแกแม้ว่าสู้เทียบน้ารองของแกไม่ได้ แต่ดีเลวก็เป็นคนที่ทำอุปกรณ์ทางการแพทย์ ผลสำเร็จสูงกว่าน้ารองของแกเยอะเลย”
“แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ฉันนึกไม่ถึงคือ ในตอนนี้ผลสำเร็จถึงที่สุดเป็นลูกสาวของฉันเลย ตอนนี้เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลนะ ล้วนเก่งกว่าพวกเขาเยอะเลย!”
“ช่างทำให้แม่ดีใจมากจริงๆเลย แกรีบบอกกับแม่หน่อย แกเป็นผู้อำนวยการได้ยังไงล่ะ?”
เดิมทีหลิวเสี่ยวอิงไม่พอใจมากที่พวกเขาพูดอย่างนี้กับไป๋ยี่เฟย แต่ว่าเห็นแม่ดีใจขนาดนั้น ก็ไม่เหมาะที่จะพูดอะไรมากกว่านี้อีก ก็เลยยิ้มพูดว่า “ท่านนั่งก่อน ฉันค่อยๆเล่าให้ท่านฟัง”
“ดีดีดี”
อู๋หยุนกับพานปู้ถิงก็เลยนั่งอยู่บนโซฟา หลิวเสี่ยวอิงก็นั่งอยู่ตรงข้ามพวกเขา
“แม่ แท้ที่จริงสภาพการณ์ของที่นี่ช่วงเวลาไม่กี่เดือนนี้จึงมีการเปลี่ยนแปลง หลายเดือนก่อนที่นี่ไม่ได้ดีขนาดนี้นะ”
“รายละเอียดฉันก็ไม่พูดกับท่านมากแล้ว ไม่ว่าอย่างไรแต่ก่อนที่นี่ไม่มีกฎหมาย สภาพแวดล้อมเลวร้ายมาก คนอยากจะทำอะไรก็ทำอย่างนั้น”
“แต่ว่าทั้งหมดนี้ ล้วนเพราะว่าคนคนหนึ่งจึงเปลี่ยนเป็นดีขนาดนี้”
ได้ยินคำพูดเหล่านี้อู๋หยุนกลับไม่พอใจขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีก เพราะว่าเธอไม่สนใจสิ่งเหล่านี้เลยสักนิด เธอแค่อยากรู้ว่า “นี่เกี่ยวข้องอะไรกับแกที่เป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลหรือ?”
“ย่อมมีความเกี่ยวข้องอยู่แล้ว” หลิวเสี่ยวอิงจนใจอย่างมาก เดิมทีเธออยากจะผ่านสิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเขาเข้าใจไป๋ยี่เฟยก่อนสักหน่อย “อีกทั้งเรื่องนี้ก็มีความเกี่ยวข้องกับเขาเช่นกัน”
“เขาเป็นใครหรือ?”
อู๋หยุนกับพานปู้ถิงล้วนอึ้งชะงักไปหนึ่งที
วินาทีถัดมา อู๋หยุนเหมือนนึกได้อะไร ก็เลยใบหน้าเย็นชาอยู่พูดว่า “เขาก็คือแฟนคนนั้นของแกหรือ?”
หลิวเสี่ยวอิงเห็นสภาพ มีความเขินอายเล็กน้อย พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก ถือว่ายอมรับแล้ว
อู๋หยุนเห็นเธอเป็นแบบนี้ทันใดนั้นก็โมโหแล้ว ร้องตะโกนเสียงหนึ่ง “แกนี่เหลวไหลจริงๆเลย!”
เสียงร้องตะโกนนี้เป็นสิ่งที่หลิวเสี่ยวอิงนึกไม่ถึง ทำให้เธอตื่นตกใจหนึ่งที แม้แต่พานปู้ถิงก็ตื่นตกใจแล้วเช่นกัน
อู๋หยุนใบหน้าขึงลับอยู่พูดว่า “พูดกับแกมากมายหลายครั้งแล้ว แกล้วนไม่ฟัง มีแต่จะไปหาคนที่ไว้ใจไม่ได้เหล่านั้นให้ได้ แกบอกกับฉันหน่อยสิ เขามีเงินหรือ? มีฐานะหรือ? มีงานหรือ?”
“ถึงแม้ว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนมี เขามีฐานะสูงกว่าแกหรือ? วันหลังยังต้องพึ่งพาอาศัยแกมาใช้ชีวิตเลยเชียวหรือ?”
“แกดูปู้ถิงอีกสิ เขามีตรงไหนเก่งไม่เท่าคนนั้นที่แกพูด ปู้ถิงจะเอาวุฒิการศึกษามีวุฒิการศึกษา จะเอางานมีงาน อนาคตยิ่งไม่มีขีดจำกัด แกจะไปหาแฟนแบบนี้จากไหนได้อีกล่ะ?”
พูดถึงสิ่งเหล่านี้ พานปู้ถิงปรากฏรอยยิ้มที่มั่นใจในตนเองกับหลิวเสี่ยวอิงหนึ่งที
หลิวเสี่ยวอิงจ้องมองพานปู้ถิงหนึ่งที มีความไม่พอใจเล็กน้อยพูดว่า “หาเจอแล้ว”
“เสี่ยวอิง!” อู๋หยุนเสียงเย็นชาดุด่าหลิวเสี่ยวอิง
หลิวเสี่ยวอิงพูดอย่างนี้อยู่ต่อหน้าพานปู้ถิง ล้วนไม่ไว้หน้าเขาเลย อู๋หยุนย่อมโมโหอยู่แล้ว “แกรู้จักกาลเทศะหน่อยได้หรือไม่?”
พานปู้ถิงก็มีความไม่พอใจเล็กน้อยเช่นกันจริงๆ แต่นึกถึงว่าหลิวเสี่ยวอิงหน้าตาสวยขนาดนี้ ยังมีงานที่ดีขนาดนี้ เขาก็เลยอดทนไว้ อมยิ้มกับเธอหนึ่งทีพูดว่า “น้าอย่าโมโห พวกเราก็สัมผัสกันน้อย เสี่ยวอิงยังไม่เข้าใจผม วันหลังรอเธอเข้าใจมากหน่อยก็……”
“ไม่!” หลิวเสี่ยวอิงตัดคำพูดของพานปู้ถิงเลย ยังใจเด็ดพูดว่า “เขาดีที่สุด ไม่มีคนดีกว่าเขาอีก!”
อู๋หยุนได้ยินคำพูดนี้ยิ่งเพิ่มความโมโหแล้ว ลุกขึ้นมาก็อยากจะตีหลิวเสี่ยวอิง “แกอีนังเด็กนี่ ช่างทำให้ฉันโมโหแทบตายจริงๆ ฉัน……”
ก็อยู่ในเวลานี้ อยู่ดีๆประตูของออฟฟิศถูกคนผลักออก
ไป๋ยี่เฟยยืนอยู่ข้างประตูอมยิ้มพูดกับพวกเขาว่า “ผู้อำนวยการ โรงแรมจองไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้จะไปรับประทานอาหารไหม?”
หลิวเสี่ยวอิงได้ยินไป๋ยี่เฟยเรียกเธอผู้อำนวยการ อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไป๋ยี่เฟยหนึ่งที
อู๋หยุนหยุดชะงักแล้วหยุดชะงักอีก สูดลมหายใจลึกๆสองที ตอนนี้บรรยากาศไม่ค่อยดี รู้สึกว่าควรจะสงบสักหน่อย ก็เลยหาที่ลงด้วยพูดว่า “งั้นก็ไปตอนนี้เถอะ”
ดังนั้นคนทั้งหลายออกจากโรงพยาบาลอีก
แม้ว่าผ่านไปหลายเดือนแล้ว แต่มีหลายสถานที่ล้วนทำการพัฒนายังไม่เสร็จ ถนนก็เดินไม่ค่อยดีมากเช่นกัน ดังนั้นรถในการออกเดินทางล้วนแทบจะเป็นรถบรรทุก
เมืองกวงหมิงกับเมืองเจาหยางกำลังซ่อมทางอยู่แล้ว และวันหลังไป๋ยี่เฟยก็จะลงทุนสร้างโรงงานอยู่ที่นี่ด้วย หลังจากรอซ่อมทางเสร็จ รถเก๋ง รถไฟฟ้า รถจักรยานสิ่งเหล่านี้ ล้วนจะเผยแพร่ไปทั่วถึงทุกครัวเรือน
ไป๋ยี่เฟยไปนั่งที่นั่งคนขับ หลิวเสี่ยวอิงตั้งใจงอแงกับอู๋หยุน ก็เลยนั่งอยู่ที่ข้างคนขับโดยตรง
ไป๋ยี่เฟยมีความแปลกใจเล็กน้อย จ้องมองหลิวเสี่ยวอิงหนึ่งที หลิวเสี่ยวอิงก็เลยพูดเสียงเบาๆว่า “คุณทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ? ล้วนจะไม่ช่วยฉันพูดหน่อยหรือ?”
ไป๋ยี่เฟยก็พูดเสียงเบาๆว่า “งั้นก็ต้องให้ผมแทรกเข้าไปด้วยล่ะ!”
คำพูดของอู๋หยุนหนึ่งคำต่อหนึ่งคำ หยุดไม่ได้เลยสักนิด
หลิวเสี่ยวอิงได้ยินคำพูดนี้ อดไม่ได้ที่จะ ฮึ สองเสียง ก็ไม่ได้พูดมากกว่านี้อีก
กลับเป็นอู๋หยุนที่หลังจากขึ้นรถพบเห็นหลิวเสี่ยวอิงนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับอึ้งชะงักไปหนึ่งที จากนั้นร้องตะโกนพูดว่า “แกไปนั่งข้างหน้าทำไมหรือ?”
พานปู้ถิงกำลังจะเปิดประตูข้างคนขับออก มองเห็นหลิวเสี่ยวอิงนั่งอยู่ที่นั่นก็อึ้งชะงักไปหนึ่งทีด้วยเช่นกัน จากนั้นพานปู้ถิงปิดประตูรถไว้ มาถึงที่นั่งคนขับ หลังจากเปิดประตูรถร้องพูดกับไป๋ยี่เฟยว่า “คุณออกมา! ผมจะขับ!”
ไป๋ยี่เฟยยักคิ้วแล้วยักคิ้วอีก “คุณจะขับหรือ? คุณจะเป็นไหม?”