ใช่แล้ว คนที่มาคือหลี่เฉียงตง
หลี่เฉียงตงดูจริงจังมาก “ตอนนี้ไม่มีเวลาที่จะอธิบายมากแล้ว รีบไปกับผม!”
ไป๋ยี่เฟยมีข้อสงสัยบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขารู้ว่าหลี่เฉียงตงดูจริงจัง และต้องมีเรื่องใหญ่บางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่ถามคำถามอีกต่อไป และประคองตัวฉินหัวเดินตามหลังหลี่เฉียงตงไป
ฉีฉีก็ตามติดไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่พวกเขาออกจากวัดฝูอิงแล้ว พวกเขาก็ขับรถไปที่ท่าเรือทันที จากนั้นก็ขึ้นเรือกลไฟคันหนึ่งไป
หลังจากขึ้นเรือ ไป๋ยี่เฟยถึงถามว่า “พ่อ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
เรือที่พวกเขาขึ้นนั้นเป็นเรือลำใหญ่ และมีคนมากมายอยู่บนเรือ แม้ว่าไปยี่เฟยจะไม่รู้จักเลย แต่เขาก็รู้ว่าเสื้อผ้าที่คนเหล่านี้สวมใส่นั้นมาจากสี่ตระกูลยักษ์ใหญ่ และทุกคนก็เก่งในด้านกังฟู
หลี่เฉียงตงยืนอยู่ข้างราวบันไดบนดาดฟ้า มองดูทะเลและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “กองกำลังสำนักหนานเหมินบุกรุกเข้ามาเป็นจำนวนมาก”
ไป๋ยี่เฟยตกใจทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้
กองกำลังสำนักหนานเหมินที่หลี่เฉียงตงกล่าวถึงไม่ได้เป็นภาคใต้ของประเทศเลย แต่เป็นกองกำลังเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ทางใต้ เป็นประเทศเล็กๆ บางประเทศของประเทศเรา พวกเขาเรียกรวมกันว่าสำนักหนานเหมิน
ประเทศเล็กๆ ด้อยกว่าประเทศของตน ในแง่ของความแข็งแกร่งทางด้านเศรษฐกิจและกองกำลังทางทหาร ดังนั้นพวกเขาจึงแอบส่องทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์ของประเทศของตนเป็นประจำ และก็จะมีการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
หลี่เฉียงตงกล่าวว่า “เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว พวกเขาก็เคยจัดการโจมตีบุกรุกครั้งใหญ่ ในเวลานั้นอาจารย์ของคุณนำกลุ่มผู้มีพลังโจมตีพวกเขาถอยกลับไป”
“ในคราวนี้พวกมันก็บุกรุกเข้ามาอีกครั้ง มันมีขนาดที่ใหญ่กว่าครั้งที่แล้วเป็นสิบเท่า และว่ากันว่าในคราวนี้พวกเขายังมีคนที่ทะลวงผ่านผู้ยอดฝีมือระดับที่หนึ่งชั้นสูงอีกด้วย”
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยได้ยิน ในใจของเขาก็ตกตะลึงและงงงวยมาก
เขาเพิ่งเข้ามาสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้อย่างช้าๆ ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา อันที่จริงเขาไม่ได้เข้าใจกับสิ่งเหล่านี้อย่างถี่ถ้วน สำหรับเหตุการณ์สำคัญๆ ก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยรู้เรื่องเลยด้วยซ้ำ
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งไป๋ยี่เฟยก็ถามว่า “แล้วทำไมประเทศถึงไม่ดำเนินการล่ะ?”
หลี่เฉียงตงส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า “นี่เป็นเพียงการต่อสู้แบบพื้นบ้านเท่านั้น และฝ่ายรัฐบาลก็จะไม่สนใจเลย”
ได้ยินคำพูดนี้ไป๋ยี่เฟยก็เข้าใจขึ้นมาทันที
โดยทั่วไปแล้วเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซงในการต่อสู้พื้นบ้านอยู่แล้ว
ในเวลานี้จู่ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่า เขาได้เห็นภาพหลอนในคลังเก็บทองเพราะถูกยาพิษ และเห็นเรื่องราวของซินชิว ตอนนี้ลองคิดๆ ดูแล้วราวกับว่าเขากำลังจะชี้นำถึงอะไรบางอย่าง
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้หลี่เฉียงตง กับสิ่งที่เกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ในคลังเก็บทอง รวมถึงการคาดเดาของเขาด้วย
หลังจากฟังแล้วการแสดงออกของหลี่เฉียงตงไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย ไป๋ยี่เฟยเห็นเช่นนี้แล้วก็ถามว่า “พ่อ คุณรู้ตั้งแต่แรกแล้ว ใช่ไหม?”
หลี่เฉียงตงพยักหน้าและกล่าวว่า “เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เหลียงหมิงเยว่เป็นศิษย์พี่ของผม”
“อะไรนะ?” ไป่ยี่เฟยตกตะลึงอย่างสมบูรณ์
หลี่เฉียงตงอธิบายอย่างจางๆ “สวี่เต้าจ่างไม่ใช่ลูกศษย์คนโตของซินชิว”
ไป๋ยี่เฟยยังคงตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดนี้ “แล้วใครคือลูกศิษย์คนโตของเขา? เหลียงหมิงเยว่เหรอ?”
หลี่เฉียงตงส่ายหัวและพูดว่า “ซินชิวอายุเกือบจะถึงร้อยแล้ว และเขาได้รับลูกศิษย์มานับไม่ถ้วนในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้”
“คนที่ถูกผู้คนรู้กันดีนั้นก็มีเพียงลูกศิษย์ไม่กี่คนที่เขาเพิ่งรับเข้ามาเมื่อไม่นานมานี้เท่านั้น”
“ดังนั้นพวกเขาทุกคนจึงคิดว่าเต้าจ่างเป็นลูกศิษย์คนโตของซินชิว แต่ก่อนที่เขาจะรับเต้าจ่าง ลูกศิษย์ที่เขายเคยรับเข้ามาก็ไม่น้อยกว่าสิบคนแล้ว”
เมื่อไป๋ยี่เฟยได้ยินเช่นนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่า “แล้วคุณก็เป็นลูกศิษย์ของเขาด้วยหรือ?”
หลี่เฉียงตงส่ายหัวและพูดว่า “เขาเคยฝึกสอนผมมาก่อนก็จริง แต่พูดอย่างเคร่งครัด ผมอยู่ในสายของจื่ออี”
ไป๋ยี่เฟยตกใจอีกครั้ง
จะต้องรู้ว่าจื่ออีและซินชิวเป็นพี่น้องศิษย์กัน ซินชิวมีอายุเกือบร้อยปี และจื่ออีก็จะต้องไม่ต่างกันสักเท่าไหร่อย่างแน่นอน
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่พวกเขาสามารถทำได้ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา และแน่นอนว่ายังรวมถึงการสอนลูกศิษย์ที่โดดเด่นแต่ละคนออกมาอีกด้วย
จากนั้นไป๋ยี่เฟยก็นึกถึงคำถามหนึ่งขึ้นมา และสายตาเขาที่มองหลี่เฉียงตงก็แปลกประหลาดขึ้นมา
หลี่เฉียงตงรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ทันทีที่เห็นเขา เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดว่า “คุณอย่าบอกนะกำลังคิดว่าสักวันหนึ่งคุณจะไม่เรียกผมว่าพ่ออีก แต่กลับเรียกผมว่าศิษย์พี่โดยตรง?”
ไป๋ยี่เฟย “………”
บอกตามตรง ตอนนี้อารมณ์ของไป๋ยี่เฟยซับซ้อนมาก เดิมทีหลี่เฉียงตงเป็นพ่อตาของตัวเอง แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นศิษย์พี่ของตัวเองไปแล้ว ความสัมพันธ์นี้ค่อนข้างซับซ้อน
ในเวลานี้ หลี่เฉียงตงกล่าวอย่างจางๆ ว่า “ก่อนหน้านี้ที่เราถูกโจมตีตอนที่เราออกจากโรงพยาบาล และบังเอิญเปิดเผยความแข็งแกร่งของเราอยู่ต่อหน้าแม่ของคุณ แต่นี่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นก็คือหลังจากนั้นค้นพบว่าคนเหล่านี้อยากจับตัวผมเพื่อข่มขู่คุณ”
“และผมตรวจพบว่าคนเหล่านี้เป็นลูกน้องของหนิวต้ายทั้งหมด แต่หนิวต้ายไม่สามารถมีผู้ยอดฝีมือมากมายอยู่ภายใต้บัญชาได้ในช่วงเวลาสั้นๆ เช่นนี้ ดังนั้นผมจึงไปตรวจสอบเพิ่มเติม และพบว่ามีคนแอบช่วยเหลือเขาอย่างลับๆ”
“ท้ายที่สุดก็คือเหลียงเหว่ยชาว และจากนั้นเรายังพบว่าเหลียงเหว่ยชาวติดต่อกับกองกำลังสำนักหนานเหมินอีกด้วย”
“ดังนั้นสิ่งที่คุณเห็นและคาดเดา ไม่อาจเป็นความจริง จิตใจของเหลียงหมิงเยว่ลึกลับเกินไป คุณไม่สามารถคาดเดาจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาได้”
“เรื่องที่เขาอยากจะบุกรุกคลังเก็บทองอื่นนั้น คาดว่าอาจเป็นเพราะเขาอยากจะให้คุณรู้เท่านั้น”
หลังจากไป๋ยี่เฟยฟังคำพูดเหล่านี้แล้ว เขาก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงสิ่งที่ซินชิวพูดขึ้นมา ราวกับว่าเขากำลังเตือนตัวเอง ว่าสิ่งที่ผมเห็นไม่อาจเป็นความจริงเสมอไป
หลี่เฉียงตงกล่าวอีกว่า “คนที่มีความสุขจริงๆ เขาจะคิดว่ามีเงินมากเกินไปหรือไม่?”
ไป๋ยี่เฟยเข้าใจขึ้นมาทันที “ดังนั้น ในความเป็นจริงเขาก็อยากจะบุกรุกคลังเก็บทองทั้งหมดนั่นเอง!”
“ไม่เพียงแค่นั้น เขายังต้องการทำให้โลกใบนี้ตกอยู่ในความโกลาหล เพื่อที่เขาจะได้ล่าถอยไปอย่างปลอดภัย” หลี่เฉียงตงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
หลังจากได้ยินคำพูดนี้ไป๋ยี่เฟยดูเคร่งขรึม “แล้วผมจะหยุดเขาได้อย่างไร?”
หลี่เฉียงตงกล่าวอย่างจางๆ ว่า “สิ่งที่เราจะต้องทำในตอนนี้ก็คือปราบปรามกองกำลังทางใต้ที่บุกรุกเข้ามาก่อน นี่ก็เป็นการตัดสินใจของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงอีกด้วย”
ไป๋ยี่เฟยประหลาดใจเล็กน้อย “การตัดสินใจของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงงั้นเหรอ?”
หลี่เฉียงตงพยักหน้าเล็กน้อย และพูดข่าวที่ระเบิดออกมาด้วยท่าทางแผ่วเบา “ตอนนี้ประธานของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงคือผม”
“อะไรนะ?” ไป๋ยี่เฟยตกตะลึงไปเลย
สวี่เต้าจ่างถูกปลดออกจากตำแหน่งประธานสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง และตำแหน่งนี้ยังคงว่างอยู่ ไม่คาดคิดเลยว่าจะตกอยู่ในมือของหลี่เฉียงตงโดยบังเอิญได้
ไป๋ยี่เฟยตกใจกับสิ่งนี้มาก ทั้งๆ ที่มันไม่เกี่ยวข้องกับหลี่เฉียงตงเลยแม้แต่น้อย แล้วเขากลายเป็นประธานของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงได้อย่างไร?
แต่หลังจากตกใจไปครู่หนึ่ง เขาก็ถามทันทีว่า “แล้วที่เราออกสู่ทะเลในตอนนี้เพื่อจะไปทำอะไรเหรอ?”
ไม่ใช่บอกว่าจะรวบรวมกำลังเพื่อไปต่อต้านกองกำลังสำนักหนานเหมินหรือ?
หลี่เฉียงตงพูดเบาๆ ว่า “หลันเต่า”
ไป๋ยี่เฟยเข้าใจขึ้นมาในทันที หรือว่าจะเป็นเส้นเลือดหลักของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง และเป็นแหล่งทรัพยากรที่สำคัญในเวลาเดียวกัน งั้นก็จะต้องเป็นสถานที่ที่กองกำลังสำนักหนานเหมินต้องการจะแย่งชิงแน่นอน
แต่ไป๋ยี่เฟยก็ยังคงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยอยู่ในใจ เขาพูดด้วยเสียงต่ำว่า “พ่อ ผมยังไม่ได้เห็นหน้าลูกของผมเลย อีกอย่างเสว่เอ๋อก็เพิ่งคลอดลูก เธอ……..”
“ไม่ต้องกังวล พวกเขาสบายดี” หลี่เฉียงตงกล่าว
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ แต่เขาก็ยังคงรู้สึกคันหัวใจเล็กน้อย เพราะเขาอยากจะเห็นลูกของตัวเอง
แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เขาก็ได้นึกถึงอีกหนึ่งคำถามขึ้นมา
ตอนนี้ประธานของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงได้กลายเป็นหลี่เฉียงตงไปแล้ว แล้วผู้ที่อยู่ในอำนาจเหล่านั้น ก็เป็นลูกน้องของหลี่เฉียงตงไปทั้งหมดแล้วไม่ใช่หรือ?
งั้นที่เขาโค่นล้มหลันเต่าก็คือการโจมตีคนพวกเดียวกนแล้วไม่ใช่หรือ?
ไป๋ยี่เฟยบอกหลี่เฉียงตงขณะที่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากที่หลี่เฉียงตงฟังแล้วก็กล่าวว่า “ตอนนี้ผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณได้ก่อตั้งเมืองเจาหยางและเมืองกวงหมิง พวกเขากำลังต่อสู้กับอีกสามเขต และทั้งสามเขตนั้นก็ถูกแยกออกจากการควบคุมของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงแล้ว”
“เหตุผลที่พวกเขากล้าหาเรื่อง ก็เพราะว่าเบื้องหลังพวกเขาคือกองกำลังสำนักหนานเหมิน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของไป๋ยี่เฟยก็ทรุดลงทันที “แล้วพวกเขา………”
หลี่เฉียงตงพยักหน้าและพูดว่า “ดังนั้นเราต้องรีบไปในตอนนี้ หวังว่าจะมีเวลา ไม่อย่างนั้นคนของนายอาจจะ………”
ก่อนที่คำพูดที่เหลือจะพูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็เข้าใจในทันที
ก่อนหน้านี้ตอนที่ไป๋ยี่เฟยจากไป ให้จางหัวปินเป็นประธานดูแลสถานการณ์โดยรวม แต่จนถึงตอนนี้แล้ว จางหัวปินก็ยังไม่ได้ติดต่อเขา และคิดว่าเขาน่าจะควบคุมได้อยู่
ยังมีความเป็นไปได้อีกประการหนึ่งก็คือ พวกเขายังไม่ได้ค้นพบอันตรายที่แท้จริง
ไป๋ยี่เฟยอดไม่ได้ที่จะอธิษฐานอยู่ในใจ หวังว่าสงครามจะยังไม่เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
ในขณะนั้น หลี่เฉียงตงก็พูดขึ้นว่า “โอ้ ใช่แล้ว ในคราวนี้ผมยังพาคนอีกคนมาด้วย”
“ใครเหรอ?” ไป๋ยี่เฟยถาม
หลี่เฉียงตงไม่ได้อธิบาย เพียงแค่พาไป๋ยี่เฟยไปที่ร้านอาหารระหว่างทานอาหารเย็น
จากนั้นไป๋ยี่เฟยก็เห็นหลิวเสี่ยวอิงนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร
ไป๋ยี่เฟยตื่นตระหนก และมองหลี่เฉียงตงด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ทำไมเขาถึงพาหลิวเสี่ยวอิงมาที่นี่ในฐานะเป็นพ่อตาของเขา?