ไป๋ยี่เฟยเหลือบมองเขาและพูดว่า:“เรื่องของฉัน ฉันยังคิดไม่ออกเลย ฉันไม่มีเวลาไปคิดถึงคุณ?”
ทันทีที่ไป๋ยี่เฟยพูดจบ ร่างกายของเขาก็เปลี่ยนไป เส้นผมของเขาค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีขาว ดวงตาก็กลายเป็นสีแดง
เมิ่งฉิงเบิกตากว้างเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของไป๋ยี่เฟยและเขาก็ตกใจมากๆ“คุณ……”
จู่ๆไป๋ยี่เฟยก็ยิ้มให้เมิ่งฉิงและพูด:“คุณพร้อมหรือยัง?เริ่มกันเลย”
เมิ่งฉิงตั้งท่าเพื่อจะต่อสู้ทันที เขาพร้อมที่รับมือกับการโจมตีของไป๋ยี่เฟย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเมิ่งฉิงนึกว่าไป๋ยี่เฟยจะพุ่งเข้ามาโจมตีเขา แต่ไป๋ยี่เฟยเพียงแค่กระทืบเท้าลงพื้น จากนั้นร่างกายของเขาก็พุ่งไปข้างหน้าราวกับลูกกระสุน เขาหลบหลีกเมิ่งฉิงและวิ่งขึ้นไปยอดภูเขา
เมิ่งฉิงอึ้งไปเลย
“แม่งเอ๊ย……”
ฉันยืนอยู่ตรงนี้ฟังที่เขาพูดมาตั้งนาน ในที่สุดเขาก็พร้อมที่จะต่อสู้กับฉัน ฉันยังนึกว่าไป๋ยี่เฟยจะสู้กับฉันซึ่งๆหน้า แต่ปรากฎว่าเขาหนีไปซะงั้น!
เมิ่งฉิงยืนอึ้งอยู่กับที่สักพัก
ไป๋ยี่เฟยมีเป้าหมายเดียวคือการขึ้นไปยังยอดภูเขา ถ้าสามารถขึ้นไปได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไรก็ตาม เขาก็จะเลือกขึ้นไปยังยอดภูเขาก่อน
เมิ่งฉิงรู้ว่าตัวเองถูกไป๋ยี่เฟยหลอก ทำให้เขาโกรธมากๆ
“แม่งเหี้ย!”หลังจากเมิ่งฉิงได้สติก็ด่าคำหยาบออกมา หันหลังแล้ววิ่งตามไป
เนื่องจากไป๋ยี่เฟยวิ่งออกไปก่อน และเมิ่งฉิงยืนอึ้งอยู่กับที่ไปชั่วครู่ ทำให้เขาไล่ไป๋ยี่เฟยไม่ทัน ดังนั้นจึงมองเห็นพวกเขาสองคนวิ่งขึ้นภูเขา คนหนึ่งวิ่งอยู่ข้างหน้า ส่วนอีกคนวิ่งตามอยู่ข้างหลัง
หลังจากวิ่งไปได้สักพัก เมิ่งฉิงก็ตกตะลึงมากๆ เพราะไป๋ยี่เฟยวิ่งเร็วมากๆ ไม่เหมือนยอดฝีมือระดับที่สามชั้นกลางเลย
ด้วยความเร็วของเขาในตอนนี้ เร็วเหมือนกับยอดฝีมือระดับที่หนึ่ง หรือว่าเขาเป็นยอดฝีมือระดับที่หนึ่งจริงๆ?
ไม่ มันเป็นไปไม่ได้!
ผู้ชายคนนี้มีข้อได้เปรียบแค่ด้านความเร็วจริงๆเหรอ?
ผ่านไปสักพักทั้งสองคนก็วิ่งจนใกล้จะถึงกลางภูเขา เมิ่งฉิงมาเพื่อขัดขวางไป๋ยี่เฟยขึ้นภูเขา เมื่อเห็นว่าระยะทางที่จะถึงยอดภูเขาเหลืออีกเพียงครึ่งทาง สายตาของเมิ่งฉิงก็ดุดันขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็กัดปลายลิ้นตัวเอง
ความเจ็บปวดที่มาจากปลายลิ้น ทำให้เขากระตุ้นความสามารถที่ซ่อนเร้นของตัวเอง ในขณะเดียวกันสมองของเขาก็ปลอดโปร่งขึ้นมาทันที ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นทันที
ในที่สุดเขาก็ไล่ไป๋ยี่เฟยจนทัน ขณะที่เขาใกล้จะถึงยอดภูเขา ในขณะที่เขาวิ่งไปด้วย เขาก็หักกิ่งไม้ไปด้วยแล้วโยนใส่ไป๋ยี่เฟยที่อยู่ด้านหน้า
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกถึงอันตรายที่มาจากข้างหลัง แต่เขาก็เลือกที่จะวิ่งไปข้างหน้า เขาไม่คิดจะหลบหลีก ทำให้เขาถูกแทงด้วยกิ่งไม้
แผ่นหลังของไป๋ยี่เฟยโดนกิ่งไม้แทง และกิ่งไม้พุ่งทะลุเขาไปในร่างกายของเขาเหมือนลูกศร เขารู้สึกได้ถึงเจ็บปวดที่มาจากแผ่นหลัง ทำให้เขาขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
แต่เขาก็ไม่ได้ลดความเร็วลงมา แต่เขากลับเพิ่มความเร็วขึ้นและพุ่งไปยังยอดภูเขา
ไป๋ยี่เฟยรู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถเอาชนะเมิ่งฉิงได้ และไม่อยากเสียเวลากับเขา
และเขาก็คาดเดาในใจ สาเหตุที่เมิ่งฉิงขัดขวางเขาไว้ที่เชิงภูเขา แทนที่จะขัดขวางเขาไว้ที่กลางภูเขา น่าจะเป็นเพราะเขากังวลกับสิ่งที่อยู่บนยอดภูเขา
ดังนั้นเขาก็เลยรีบวิ่งขึ้นไปที่ยอดภูเขา เขาก็จะสามารถผ่านด่านของเมิ่งฉิงไปได้
……
บนยอดภูเขา
พระอาทิตย์ค่อยๆลับฟ้า อีกไม่นานพระอาทิตย์ก็คงจะตกดิน จากนั้นจะเข้าสู่ความมืดมิดอีกครั้ง
หลิวเสี่ยวอิงยังคงนั่งอยู่บนต้นไม้ใหญ่ สองมือกอดเข่าของตัวเองไว้ จ้องมองพระอาทิตย์ตกดินอย่างเหม่อลอย
เหลียงยู่ปรากฎตัวข้างๆหลิวเสี่ยวอิงเหมือนไม่กี่วันที่ผ่านมา เธอมองดูพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินและหัวเราเยาะเย้ย:“เวลาใกล้ถึงแล้ว เขาไม่มาแน่นอน เธอตายใจได้แล้ว”
เมื่อหลิวเสี่ยวอิงได้ยินคำพูดเหล่านี้ หัวใจของเธอเหมือนโดนเข็มนับพันนับหมื่นเล่มทิ่มแทง แต่เธอไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆออกมา และเธอก็พูดเบาๆว่า:“ฉันไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะมา”
“ตอนนี้เธอปากแข็งก็ไม่มีประโยชน์?”เหลียงยู่พูดเยาะเย้ย“ถึงแม้เธอไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆออกมา แต่สายตาของเธอได้ทรยศเธอไปแล้ว มันบ่งบอกทุกอย่างที่เธอคิด”
“ตำแหน่งนี้สามารถมองเห็นทางขึ้นยอดภูเขา เธอนั่งอยู่ตรงนี้ แล้วดูทางขึ้นยอดภูเขาเป็นระยะๆ เธอดูทางขึ้นยอดภูเขาตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงที่แล้ว”
“ตอนนี้เหลือเวลาไม่มากแล้ว เธอดูทางขึ้นยอดภูเขามากขึ้นเรื่อยๆ ยังไม่ถึงสองนาที เธอก็ดูไปเจ็ดแปดรอบแล้ว!”
“ดังนั้นคุณอย่าหลอกตัวเองเลย เธอคงคาดหวังว่าเขาจะมาใช่ไหม”
“เธอควรตายใจได้แล้ว”ขณะที่เหลียงยู่พูด เธอก็นั่งลงและตบไหล่ของหลิวเสี่ยวอิงเบาๆ
หลิวเสี่ยวอิงรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ ถึงแม้เธอจะไม่แสดงออกทางใบหน้า แต่ดวงตาของเธอเผยให้เห็นถึงความอ้างว้างและโศกเศร้า
“ตั้งแต่เธอบอกเรื่องนี้กับหลี่เสว่ ฉันก็รู้ว่าเขาไม่มาแน่นอน” หลิวเสี่ยวอิงพูดด้วยสีหน้าเฉยเมย“ฉันคิดว่าผู้ชายคนไหนก็ต้องเลือกที่จะอยู่ข้างภรรยาของตัวเองแน่นอน”
“ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เสว่เอ๋อก็กำลังตั้งครรภ์ด้วย”
ถึงแม้หลิวเสี่ยวอิงมีสีหน้าปกติ แต่หัวใจของเธอกลับขมขื่นอย่างบอกไม่ถูก
และเธอก็รู้อยู่แก่ใจ เรื่องที่หลี่เสว่ตั้งครรภ์นั้นไม่สามารถใช้เป็นเหตุผลที่ไป๋ยี่เฟยไม่ยอมมา เพราะเธอรู้อย่างชัดเจน ถึงแม้หลี่เสว่จะตั้งครรภ์ไม่ได้ ไป๋ยี่เฟยก็คงจะเลือกหลี่เสว่อยู่ดี
เหลียงยู่ยิ้มอย่างเย็นชาและพูด:“ยังไงฉันก็จะพูดเหมือนเดิม อย่าหลอกตัวเองเลย และคุณก็ไม่เต็มใจด้วย
“แล้วคุณละ?”หลิวเสี่ยวอิงถาม
เหลียงยู่นิ่งเงียบไปชั่วครู่
ทันใดนั้นบนยอดเขาก็เงียบลงทันที และบรรยากาศก็เริ่มตึงเครียด
สีหน้าของเหลียงยู่แสดงอารมณ์โกรธขึ้นมาทันที
“การชอบใครสักคน มันไม่ผิด”หลิวเสี่ยวอิงพูดเสียงเบาๆ
เหลียงยู่ที่กำลังจะปะทุความโกรธออกมา เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทำให้เธอไม่รู้จะพูดอะไร
หลิวเสี่ยวอิงพูดอีกครั้ง:“คุณกับฉันเหมือนกัน และไม่เต็มใจเหมือนกัน ทั้งๆที่รู้ว่าเขาไม่มาแน่นอน ทำไมคุณยังรอเขาจนถึงวินาทีสุดท้ายละ?”
เมื่อเหลียงยู่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ เธอก็ทนไม่ไหวและตะโกนออกมา:“ไม่จริง!ฉันไม่ชอบไป๋ยี่เฟย ฉันไม่ชอบเขาเลย!”
หลิวเสี่ยวอิงมองดูลักษณะของเธอในตอนนี้ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“คุณเป็นคนพูดเอง อย่าหลอกตัวเองเลย?”หลิวเสี่ยวอิงมองเธอและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“คุณไม่สามารถหลอกหัวใจตัวเองได้ คุณชอบเขาจริงๆ!”
เมื่อพูดจบ เหลียงยู่เหลือบมองหลิวเสี่ยวอิงด้วยสายตาที่ดุดัน ในสายตามีรังสีฆ่าฟันเกิดขึ้น
หลิวเสี่ยวอิงสัมผัสได้ถึงรังสีฆ่าฟันของเหลียงยู่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า สิ่งที่เธอพูดเมื่อสักครู่มันเป็นเรื่องจริง เธอเปิดเผยความในใจของเหลียงยู่ ทำให้เหลียงยู่อับอายจนกลายเป็นความโกรธ
แต่เธอไม่ได้แปลกใจเลย เพราะนี่คือสิ่งที่เธอต้องการ
เหลียงยู่อยากจะฆ่าเธอ และถ้าเหลียงยู่ฆ่าเธอจริงๆ เรื่องทั้งหมดก็จะจบลง
ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ต้องลำบากใจเพราะเธอ และไม่ต้องลำบากใจเวลาเผชิญหน้ากับหลี่เสว่ สำหรับเธอการตายอาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะเธอไม่ต้องไปคิดเรื่องความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างเธอกับพวกเขา และความรู้สึกซับซ้อนระหว่างเธอกับไป๋ยี่เฟย
หลิวเสี่ยวอิงหลับตาอย่างช้าๆ
เหลียงยู่กำหมัดของตัวเองไว้แน่ ดูเหมือนเธอจะอดกลั้นจนถึงขีดสุด และเธอกำลังจะลงมือในอีกไม่ช้า
ในขณะนี้ จู่ๆก็มีเสียงลมพัดมาอย่างกะทันหัน
หลังจากนั้น มีชายคนหนึ่งวิ่งขึ้นมาจากทางขึ้นยอดภูเขาอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขาวิ่งผ่าน กิ่งไม้ที่อยู่ริมทางก็สั่นไหว
หลังจากนั้น ไป๋ยี่เฟยก็ปรากฎตัวต่อหน้าหลิวเสี่ยวอิงกับเหลียงยู่
ในเวลาเดียวกัน แผ่นหลังของเขาเปื้อนไปด้วยเลือดสด มุมปากของเขาก็มีเลือดออก เส้นผมของเขายุ่งเหยิง และเขาก็หายใจแรงๆ ลักษณะของเขาในตอนนี้ดูทุลักทุเล
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเขาไม่ได้แสดงความเจ็บปวดออกมา แต่เขากลับยิ้มออกมา รอยยิ้มนั้นเห็นได้อย่างชัดเจน
ทำให้หลิวเสี่ยวอิงกับเหลียงยู่อึ้งไปเลย
พวกเธอคิดว่าไป๋ยี่เฟยไม่มาแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาสุดท้าย จู่ๆเขาก็ปรากฎตัวต่อหน้าพวกเธอ
ไป๋ยี่เฟยปรากฎตัวก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดินเพียงเสี้ยววินาที ทำให้ทุกคนตกตะลึง
ทั้งสองคนมองไป๋ยี่เฟยอย่างตกตะลึง
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองเหลียงยู่และยิ้ม จากนั้นเดินขึ้นมาหนึ่งก้าว
เหลียงยู่ได้สติคืนมา ดูเหมือนเธอจะตกใจมากๆ รีบเดินถอยหลังหนึ่งก้าวทันที
แต่ไป๋ยี่เฟยเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง และยื่นมือออกมา
เหลียงยู่คิดว่าไป๋ยี่เฟยจะโจมตีตัวเอง เธอก็เตรียมตัวจะต่อสู้ทันที แต่เธอกลับพบว่า ไป๋ยี่เฟยยื่นมือออกมาไม่ได้จะโจมตีเธอ ดังนั้น เธอจึงตกตะลึงอีกครั้ง
ไป๋ยี่เฟยยื่นมือออกกมา ลูบหัวของเหลียงยู่ พูดด้วยน้ำเสียงของพี่ชายที่พูดกับน้องสาว:“ศิษย์น้องเล็ก ฉันมาแล้ว”
เมื่อเหลียงยู่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ไม่รู้เป็นอะไร จู่ๆน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาทันที