ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยโมโหลู่หยางมาก
ไม่ใช่ว่า เขาอยากจะฆ่าเขา แต่เป็นเพราะว่าเขางี่เง่าที่สุด
ไป๋ยี่เฟย พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ตอนนี้ ฉันจะสอนแก ให้แกได้รู้ว่า ตนเองนั่นน่ะ โคตรจะโง่เลย!”
พูดจบสีหน้าไป๋ยี่เฟย เปลี่ยนในทันที
หลังจากนั้นจู่ ๆเส้นผมของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม ยามค่ำคืนดึกสงัดบนก็เกาะร้าง ดูไปแล้วก็น่าสะพรึงกลัว
ไป๋ยี่เฟย ตวาดเสียงดังออกมาว่า“ไอ้โง่!”
ลู่หยาง ตกใจจนตัวสั่น ถอยหลังไปหนึ่งเก้า แต่กลับไม่ทันระวังเหยียบไปบนขาของคนอื่น จนหกล้มไปนั่งลงกับพื้น
หลังจากที่ทุกคนเห็นเขาแล้ว สีหน้าเปลี่ยน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนธรรมดาที่ไม่เคยพบเห็นไป๋ยี่เฟย ตกใจจนหน้าซีดเผือด
พวกเขาไม่เชื่อสายตาตัวเองว่า ดวงตาของคนๆหนึ่ง เหตุใดจึงเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มได้ถึงขนาดนี้?
ยิ่งกว่านั้นก็คือ ไอสังหารที่เข้มข้นบนร่างของไป๋ยี่เฟย
เปรียบเสมือนสามารถสังหารคนได้ในพริบตา
แต่สิ่งที่เต้าจ่างและล่ายเคอรวมถึงยอดฝีมือระดับที่สองมุ่งความสนใจก็คือ เขาควบคุมตนเองเพื่อเข้าสู่สภาวะนี้ได้ยังไง
สภาวะอย่างนี้ของไป๋ยี่เฟย ควรจะไม่เรียกว่าการแปรสภาพ ยังไงตอนนี้เขาก็ยังมีสติสัมปชัญญะ เขาสามารถควบคุมตนเองได้
ไป๋ยี่เฟย ค่อยๆเดินทีละก้าวมาหาเต้าจ่าง
แม้นว่าสีหน้าเต้าจ่างจะดูนิ่งขรึม ก็ไม่เหมือนคนอื่นที่ตกใจหวาดกลัว
ยอดฝีมือระดับที่สอง คนหนึ่งตกใจจนจับตัวลู่หยาง เพื่อข่มขู่ไป๋ยี่เฟยพูดว่า: “หยุดนะ!หากแกเดินเข้ามาอีกก้าว ฉันจะฆ่าเขาทันที!”
เดิมลู่หยางตกใจมากเป็นทุนอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งตกใจจนหน้าถอดสี ส่ายหัวด้วยความหวาดกลัว: “ไม่ ไม่ได้ พวกคุณทำอย่างนี้ไม่ได้ พวกคุณรับปากผมแล้วไม่ใช่เหรอ!”
เต้าจ่างได้ยินดังนั้นพูดเสียงเย็นชาว่า: “ฉัน ก็แค่รับปากว่า จะไม่ทำร้าย พี่สาวของคุณ เท่านั้น”
ลู่หยาง เบิกตาโพลง อยากจะพูดอะไรออกมา กลับพูดไม่ออก นึกเสียใจภายหลัง
เต้าจ่าง พูดต่ออีกว่า: “อีกทั้ง เงื่อนไขที่ผมรับปากคุณนั้น คนอื่นไม่ได้รับปากด้วย”
ลู่หยาง ตกตะลึงจนตาค้าง
จนถึงตอนนี้ ลู่หยาง ได้เห็นถึงธาตุแท้ของคนเหล่านี้
ในเวลานี้ ลู่หยาง ได้เสียใจในสิ่งต่างๆที่เขาได้กระทำลงไป
เขาอยากร้องไห้
อยากตะโกนออกมาดังๆ
ไป๋ยี่เฟย ยังคงเดินไปข้างหน้า ไม่สนใจท่าทีข่มขู่ ของพวกเขา
ยอดฝีมือระดับที่สอง เห็นท่าทีเช่นนี้ ถึงกับลนลาน พูดข่มขู่อีกครั้งว่า: “ฉันบอกให้แกหยุดไม่ได้ยินเหรอ? ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่ามัน!”
พูดพลาง มือของเขาก็ขยุ่มไปที่ลำคอของลู่หยาง
ไป๋ยี่เฟย พูดเสียงเย็นชาออกมาว่า: “คนที่หักหลังฉัน จะเป็นจะตายอย่างไร ฉันไม่สน!”
ยอดฝีมือระดับที่สองคนนั้นได้ยินคำพูดถึงกับตาค้าง
แต่สิ่งที่ไป๋ยี่เฟย พูดไปนั้นไม่ผิด ใครจะไปใส่ใจความเป็นความตายของคนที่หักหลังตน? ไม่ใช่แม่บังเกิดเกล้าเสียหน่อย!
ลู่หยาง ขณะนี้ ร้องไห้แล้วจริงๆ
ไป๋ยี่เฟย เคยพูดเอาไว้ว่า จะปกป้องชีวิตของพวกเขา แต่เวลานี้ไป๋ยี่เฟย เอ่ยออกมาจากปากตนเองว่าไม่สนใจ ว่าเขาจะเป็นจะตายอย่างไร
ยอดฝีมือระดับที่สองคนนั้นเห็นไป๋ยี่เฟย ไม่แยแสถึงการข่มขู่ใด ๆ ในขณะที่ตื่นตระหนก คิดจะปล่อยตัวลู่หยาง
แต่ในขณะนั้นเอง จู่ ๆเต้าจ่างก็พูดขึ้นมาว่า: “นายต้องสนใจความเป็นความตายเขา”
สิ้นคำพูด ยอดฝีมือระดับที่สองหยุดนิ่ง จากนั้นก็รีบจับตัวลู่หยางไว้อีกครั้ง
เต้าจ่างพูดว่า: “ฉันเคยศึกษาอุปนิสัยของคนมาระยะหนึ่ง ทักษะการมองคนนั้นฉันมั่นใจ ฉะนั้น แม้ว่าคุณตอนนี้ จะทำให้คนอื่นตกใจ และยังพูดอีกว่าไม่สนใจ แต่ในใจลึก ๆ อุปนิสัยของคุณไม่เปลี่ยนแน่นอน”
“นายยังคงเป็นห่วงความเป็นความตายของเขา ฉะนั้น อย่าพูดคำพูดพวกนี้เพื่อที่จะข่มขู่คนเลย ยอมจำนนแต่โดยดีเถอะ”
ไป๋ยี่เฟยหยุดฝีเท้าลงทันที แต่เขาเอียงศีรษะเล็กน้อยมองดูล่ายเคอ จากนั้น เผยรอยยิ้มที่เย็นชาออกมา
เต้าจ่างเห็นดังนั้นแล้วตกตะลึงยิ่งนัก
ในขณะนั้นเอง เสียง “ชึก” ก็ดังขึ้น มีดาบเล่มหนึ่งเสียบเข้าไปกลางหลังของยอดฝีมือระดับที่สองคนนั้นที่จับตัวลู่หยางไว้
ยอดฝีมือระดับที่สองเบิกตาโพลง ก้มหน้ามองท้องของตัวเอง เขาคิดไม่ถึงว่าคนที่ฆ่าเขาจะเป็นคนที่อยู่ข้างตนเอง
ล่ายเคอ ลงมือได้ฉับไว ดาบเดียว แทงไปข้างหลังของสหาย จากนั้นก็ใช้มืออีกข้างหนึ่งคว้าตัวลู่หยางไว้ ขยับเท้าวิ่งไปหาไป๋ยี่เฟย
สถานการณ์พลิกผันฉับพลันเช่นนี้ ทุกคนต่างไม่สามารถตั้งตัวได้ทัน
รอจนกว่าทุกคนตั้งสติได้ ล่ายเคอ ก็ได้วิ่งมาอยู่ข้างกายของไป๋ยี่เฟยแล้ว
ในเวลานี้ เต้าจ่างเองก็ประหลาดใจเช่นกัน แต่แววตายิ่งถมึงทึงขึ้นมาก เขาจ้องมองไป๋ยี่เฟยพูดว่า: “นายชอบทำเรื่องเซอร์ไพรส์ให้ฉันได้เห็นบ่อย ๆเลยนะ”
ไป๋ยี่เฟยมองหน้าล่ายเคอเมื่อครู่นั้น แม้จะเป็นเพียงแวบเดียว แต่ก็บ่งบอกอะไรได้หลายอย่าง
ความจริงล่ายเคอเองก็ ไม่คิดจะหักหลังเต้าจ่าง แต่เขาจนหนทางจริงๆ การที่ไป๋ยี่เฟยปรากฏตัวที่แห่งนี้ ก็แสดงว่าสิ่งที่เต้าจ่างพูดนั้นถูกต้อง เขาใส่ใจในความเป็นความตายของลู่หยาง
เช่นนั้น ไป๋ยี่เฟยมีโอกาสที่จะประนีประนอมกันได้เพราะลู่หยาง ถึงเวลานั้นไม่แน่ว่าไป๋ยี่เฟยจะร้องขอให้เต้าจ่างสังหารเขากับยอดฝีมือระดับที่สอง
ด้วยอุปนิสัยของเต้าจ่าง อาจไม่คิดลังเลเสียด้วยซ้ำ
ฉะนั้น แทนที่จะให้ชีวิตตนไปอยู่กับเงื้อมมือคนอื่น มิสู้ควบคุมสถานการณ์ไว้กับตนเองจะดีกว่า
หากเขาชนะพนันตัดสินใจถูกข้าง ไป๋ยี่เฟยกำจัดเต้าจ่างได้ เขาก็ยังพอมีโอกาสรอด
ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่บนเรือ ไป๋ยี่เฟยก็อยู่ในสภาวะเช่นนี้ นั่นก็ไม่เชิง สภาวะเขาในตอนนี้ยิ่งน่าหวาดกลัวมากกว่าตอนที่อยู่บนเรือเสียด้วยซ้ำ
ด้วยเหตุผลนี้ เขาจึงกล้าที่จะเดิมพันด้วยชีวิต บางทีไป๋ยี่เฟย ก็สามารถที่จะกำจัดเต้าจ่างได้
ไป๋ยี่เฟย ยิ้มเยาะให้กับเต้าจ่างและพูดว่า “ครั้งนี้ผมก็ประหลาดใจเช่นกัน”
เต้าจ่าง ชำเลืองตามองล่ายเคอด้วยท่าทีเหยียดหยาม “แกคิดว่ามีเขาเพิ่มมาอีกคนนึง จะสามารถต่อสู้ชนะ ฉันได้งั้นเหรอ?”
“ประเมินค่าในตัวฉันน้อยไปหรือเปล่า?”
“ไม่ต้องพูดถึงจะมาเพิ่มแค่หนึ่งคน เกรงว่ามาเพิ่มอีกสิบคน คงจะช่วยอะไรไม่ได้”
ล่ายเคอ ได้ยินคำพูดนั้น กลืนน้ำลายอึกใหญ่ เพราะว่า เขารู้ฝีมือของเต้าจ่างเป็นอย่างดี เป็นเหมือนอย่างที่เขาพูดจริงๆ ตัวเขาสิบคนก็ไม่สามารถเอาชนะเต้าจ่างได้
“เถ้าแก่ไป๋ คุณ……ไหวไหม?” ล่ายเคอถามไป๋ยี่เฟยเบา ๆ
ไป๋ยี่เฟยตอบกลับเบา ๆว่า: “ไม่ไหว!”
ไอ้บ้า!
ล่ายเคอสบถด่าอยู่ในใจ แกรู้ ๆว่าต่อสู้ไม่ชนะ เสนอหน้าทำบ้าอะไรว่ะ? คิดอยากจะตายก็ไม่ต้องรีบขนาดนั้น?
แต่ว่า ไป๋ยี่เฟยพูดอีกว่า: “แต่ฉันอยากจะลองดู”
หลังจากพูดจบ ไป๋ยี่เฟย ยังคงเดินเข้าไปหาเต้าจ่าง ทีละก้าว ทีละก้าว
เพียงแต่ว่า เดินไปไม่กี่ก้าว ไป๋ยี่เฟยก็พุ่งเข้าไปหาเป้าหมายก็คือเต้าจ่างเหมือนดั่งลูกระเบิด
ไป๋ยี่เฟยเข้าใจเป็นอย่างดี ในสถานการณ์เช่นนี้ยังไงจะต้องสู้สักตั้ง
เพราะในเมื่อเต้าจ่างมาหาเขาด้วยตนเองแล้ว ก็ไม่มีทางที่จะปล่อยให้เขาลอยนวลไปง่าย ๆ มีสองทางเลือก เขาร่วมมือกับเต๋าจ่าง หรือไม่ก็สังหารเขา
ความเร็วของไป๋ยี่เฟยในเวลานี้ รวดเร็วกว่าตอนที่อยู่บนเรือเท่าตัว
แต่ไม่สามารถข่มขู่คุกคามเต้าจ่างแต่อย่างใดเลย
ในขณะที่เขาอยู่ห่างกับเต๋าจ่าง ประมาณสามเมตร กำหมัดหมายที่จะซัดฝ่ามือเข้าไปอย่างจัง
เต้าจ่าง ไม่หลบแต่อย่างใด แต่ประสานมือเข้าด้วยกัน รับหมัดของไป๋ยี่เฟยไว้อย่างง่ายดาย
ตามหลักแล้วขณะที่พลังงานที่รุนแรงทั้งสองคนปะทะกันควรที่จะเกิดเสียงบ้าง แต่ครั้งนี้ไม่มีเสียงแม้แต่นิดเดียว
ราวกับว่าพวกเขาแค่แตะมือกันเบา ๆ
ความจริงแล้ว ฝ่ามือกับหมัดปะทะกัน ไป๋ยี่เฟยสัมผัสได้ถึงพลังภายในลึกลับมหาศาลของเต้าจ่างส่งออกมา พลังนั้นแข็งแกร่งมาก และเขาเองก็ไม่สามารถที่จะต่อต้านได้
จากนั้นเข้าตั้งสติใช้วิธีที่อยู่ในความทรงจำ ขจัดพลังภายในของตนเอง จากนั้นดึงพลังภายในของเต้าจ่างเข้าสู่ร่างกายของตนเอง
ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป ขณะที่ซัดกำลังภายในเข้าไปสู่ร่างกายคนนั้น ผู้ถูกจับต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสภายในแน่นอน
ฉะนั้น คนที่ถูกโจมตี มักจะต่อต้านพลังงานนี้ ไม่มีใครที่จะดึงและซึมซับเอาพลังชนิดนี้เข้าสู่ร่างกาย
ไป๋ยี่เฟย กลับกล้าที่จะทำเช่นนั้น ไม่เพียงแต่ให้พลังภายในของเต้าจ่างเข้ามาสู่ร่างกายของตนเอง และในขณะเดียวกัน เขาขยับตัวเล็กน้อย รวบรวมพลังภายในของเขา ไปยังมืออีกข้างหนึ่ง จากนั้นยกมัดขึ้น หมายที่จะซัดไปที่เต้าจ่างอีกครั้ง
แต่ทว่า พลังภายในเตาจ้างแข็งแกร่งเกินไป ไป๋ยี่เฟย คิดที่จะกระทำเช่นนั้น แต่เรี่ยวแรงไม่ไปตามใจสั่ง