“อ๋า!”
เสียงร้องของหญิงสาว นั่งยองอยู่บนพื้น
ในเวลานี้ ไป๋ยี่เฟยเริ่มลงมือแล้ว
“อู้ว!”
ไป๋ยี่เฟยพุ่งออกไป ในมือถือมีดพกแทงไปยังด้านหลังหัวใจของยอดฝีมือระดับที่สองอย่างดุดัน
ยอดฝีมือระดับที่สองนั้นรับรู้ถึงอันตรายอย่างน่าประหลาดใจ จึงรีบหลบหลีกไปด้านข้าง
ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยมีความแข็งแกร่งเพียงระดับที่สามชั้นสูง แน่นอนว่าไม่คู่ควรกับการเผชิญหน้ากับศัตรูอย่างยอดฝีมือระดับที่สอง
แต่ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยทำให้ยอดฝีมือระดับที่สองตกใจกลัวมาก
เพียงเพราะว่าหลังจากเขาหลบหลีกได้แล้ว ยกมือเพื่อหมายที่จะโจมตีอีกครั้ง หลังจากดูชัดเจนแล้วว่าเป็นไป๋ยี่เฟย ก็ตกใจเบิกตาโพลง รีบถอยหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ไป๋ยี่เฟยอยู่บนเรือ ได้ฆ่ายอดฝีมือระดับที่สองไปถึงสามคนในชั่วพริบตา และหักแขนศิษย์น้องเต้าจ่าง
เหตุการณ์ในตอนนั้นน่าสยดสยองมาก เหลือยอดฝีมือระดับที่สองเพียงสองคน มองเห็นไป๋ยี่เฟยตอบโต้กลับ รู้สึกขาอ่อนแรง
หลังยอดฝีมือระดับที่สองเห็นไป๋ยี่เฟย จึงชี้หน้าเขาด้วยความหวาดกลัวพูดว่า: “แก……เป็นแกได้ยังไง?แกไม่ใช่ว่า……”
หลังจากหญิงสาวที่โดนรังแกคนนั้นได้ยินเสียงแล้ว เงยศีรษะขึ้นอย่างประหลาดใจ เห็นปฏิกิริยาของพวกเขาทั้งสอง ก็ยิ่งทำให้ตกใจ
แต่ยอดฝีมือระดับที่สองนั้น ขณะที่ฆ่าคนตามอำเภอใจไปหลายคนต่อหน้าต่อตาพวกเขานั้น แต่เวลานี้เผชิญหน้ากับไป๋ยี่เฟย กลับเหมือนเห็นผี
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้เป็นเพียงแค่หัวขโมยเหรอ?
ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยกลับรู้สึกร้อนใจ เพราะว่าสภาวะการแปรสภาพทำได้ดั่งนึกบอกจะมาก็มา จากพละกำลังของฝ่ายตรงกันข้ามแล้วอาจบอกได้ยากว่า บางทีอาจจะถูกฝ่ายตรงข้ามฆ่าตายได้
ดังนั้นเมื่อเห็นยอดฝีมือระดับที่สองอีกครั้ง ไม่กล้าที่จะลงมือกับตัวเอง และไม่รีบร้อนลงมือ เลี่ยงการที่จะถูกมองออก เขาจึงทำได้เพียงตั้งใจแสดงสภาวะในตอนนั้นอย่างจงใจและ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “อยากมีชีวิตอยู่อีกไหม?”
“อยาก!” ยอดฝีมือระดับที่สอง พยักหน้าโดยไม่ลังเล
มีเพียงคนบ้าเท่านั้นแหละ ใครบ้างที่จะไม่อยากมีชีวิตรอด?
ยอดฝีมือระดับที่สองมองไปที่ประตู และไป๋ยี่เฟยยืนอยู่ที่ประตูอยู่พอดี เขาคิดจะหาโอกาสวิ่งหนีก็ทำไม่ได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงพยักหน้าอีกครั้งแล้วพูดว่า: “ฉันอยากมีชีวิตอยู่”
ไป๋ยี่เฟยเห็นท่าทางก็เข้าใจได้ในทันที คงจะตกใจสภาพตนเองในก่อนหน้านี้ จึงถามเขาว่า: “ชื่ออะไร?”
“ฉันชื่อล่ายเคอ” เขาพูดตอบ
ไป๋ยี่เฟยเห็นเขาท่าทางซื่อ ๆ มีความคิดขึ้นมา จากนั้นพูดเบา ๆว่า: “อย่างนั้นจากนี้ไปคุณก็อยู่กับฉัน”
“อ๋า?” ชะงักไปครู่หนึ่ง ประหลาดใจ “อย่างนี่……คงไม่ดีมั้ง?”
เต้าจ่างเป็นประธานหอการค้า และหลังจากได้รับเหมืองทองคำ ก็จะยิ่งประสบความสำเร็จได้มากยิ่งเร็วขึ้น เขาอยู่กับเต้าจ่างก็จะเป็นเหมือนขุนนางที่ได้รับความดีความชอบ และแน่นอนว่าได้มีฐานะทางสังคมมากขึ้น
ยิ่งกว่านั้นพลังของไป๋ยี่เฟยยังด้อยกว่าเต้าจ่างอยู่มาก และยังศัตรูกับเต้าจ่างอีก เขาต้องเป็นคนบ้าสมองทึบเท่านั้นที่จะไปอยู่กับไป๋ยี่เฟยน่ะ?
ดังนั้นล่ายเคอจึงจ้องมองเขาด้วยท่าทีประหลาดใจ โดยนึกว่าตนเองฟังผิด ครู่หนึ่งถึงรวมสติกลับมา จึงถามไปว่า: “หากฉันตกลงแล้ว คุณจะเชื่อฉันมั้ย?อย่างนั้นถ้าหากคุณเชื่อฉัน แล้วรู้สึกว่าฉันมีความจริงใจก็ไปอยู่กับคุณไหม?”
ไป๋ยี่เฟยได้ฟังคำพูดนี้แล้ว เลิกคิ้วเล็กน้อย เริ่มอธิบายหลักเหตุผลกับเขาฟัง “คุณคิดดูสิ เต้าจ่างตามหาฉันแน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแค่จะฆ่าฉันหรอก?”
“ไม่ใช่” ล่ายเคอพยักหน้า จุดประสงค์ที่สำคัญที่สุดของเต้าจ่างก็คือเหมืองทอง
ไป๋ยี่เฟยพูดต่อ: “คุณก็เห็นแล้ว เต้าจ่างอยากจะร่วมมือกับฉัน อย่างนั้นฉันจะยอมให้ความร่วมมือกับเขา แต่ปากบอกจะฆ่าคุณนั้น คุณคิดดูว่าเต้าจ่างจะทำอย่างไร?”
ล่ายเคอใบหน้าขาวซีดทันที
ไป๋ยี่เฟยพูดไม่ผิด ดูจากนิสัยของเต้าจ่าง ไม่ได้สนใจความเป็นความตายของเขาอย่างแน่นอน ขนาดตอนที่ฆ่าศิษย์น้องของเขานั้นก็ไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ
เต้าจ่างเป็นคนที่ยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมาย ดังนั้นสายตาล่ายเคอเผยให้เห็นถึงความไม่แน่ใจและร่องรอยของความกลัว
“ดังนั้นพูดได้ว่า ตอนที่เต้าจ่างตามหาฉันพบ เป็นไปได้ว่าฉันจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา”
ล่ายเคอกลืนน้ำลายเอือกใหญ่โดยไม่รู้ตัว
ไป๋ยี่เฟยยังพูดอีกว่า: “อย่างนั้นตอนนี้มีวิธีเดียวก็คือ ไม่ทำให้เต้าจ่างสงสัยว่าฉันอยู่บนเกาะนี้ ”
“ถ้าหากคุณสามารถทำเรื่องนี้ได้ พวกเราทั้งสองก็จะมีชีวิตรอด จนสุดท้ายคุณเต็มใจจะไปอยู่กับใครก็ไม่สำคัญแล้ว หนำซ้ำก็ไม่ต้องสนใจฉัน บางทีหลังจากพวกคุณไปแล้ว ฉันอาจจะถูกขังไว้ที่เกาะแห่งนี้จนตาย”
“แน่นอนว่า หากคุณเลือกฉัน ฉันก็อาจจะกลับไป ถึงเวลานั้นคุณสามารถเป็นพยาน ลบเรื่องด่างพร้อยที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้”
“สรุปได้ว่า ข้อเสนออย่างหนึ่งที่ส่งผลดีต่อพวกเราทั้งสองคน ฉันไม่ต้องตาย คุณก็แค่เพียงสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ ไม่จำเป็น ต้องให้คุณไปทำเรื่องอะไรพวกนี้มากมาย”
คำพูดเหล่านี้ของไป๋ยี่เฟย พูดได้อย่างชัดเจน
เขาช่วยไป๋ยี่เฟยก็เท่ากับช่วยตัวเอง หลังจากเสร็จสิ้นแล้วไม่ว่าเขาจะตัดสินใจอะไรก็ได้ หากผลสุดท้ายเต้าจ่างชนะ เขาก็ยังสามารถอยู่กับเต้าจ่าง หากเป็นไป๋ยี่เฟยที่ชนะแล้ว ไป๋ยี่เฟยก็จะช่วยเขาล้างความผิด
หลังจากล่ายเคอฟังจบแล้วนิ่งเฉยไม่ปริปากอีกเลย
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วพูดเสียงต่ำว่า: “ทางที่ดีที่สุด คุณก็รีบตัดสินใจ อาจจะไม่ทันกาล มิฉะนั้นแล้วเต้าจ่างกลับมา ฉันต้องเลือกที่จะฆ่าคุณ ”
พูดจบ สีหน้าล่ายเคอซีดเผือด สุดท้ายกัดฟันพูดว่า : “ได้ คุณพูดมา ฉันควรทำอย่างไร ?”
ไป๋ยี่เฟยแย้มยิ้ม จากนั้นเอาผลไม้ป่าในมือมอบให้กับเขาสองสามลูก แล้วพูดกับเขาไม่กี่ประโยค
……
จัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว ไป๋ยี่เฟยมองไปที่หญิงสาวที่อยู่ด้านข้าง พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า: “ทางที่ดีที่สุดคุณก็ทำเป็นไม่เห็นอะไร ทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นแล้วเขาอาจจะลงมือฆ่าคุณได้ทุกเวลา ”
หญิงสาวรีบพยักหน้า
จากนั้นไป๋ยี่เฟย ก็พูดกับล่ายเคอว่า: “ยังมีอีกเรื่องที่จำเป็นต้องให้คุณไปทำ ไม่ว่าคุณจะใช้วิธีอะไร ต้องรักษาชีวิตเธอไว้ แล้วก็อย่าให้เธอถูกรังแก คุณก็รังแกไม่ได้ เข้าใจไหม ?”
ล่ายเคอพยักหน้า แสดงว่าเข้าใจแล้ว
พวกเขาเหมือนเป็นการแลกเปลี่ยน หญิงสาวช่วยพวกเขารักษาความลับ และล่ายเคอต้องรับประกันว่าเธอจะไม่ถูกคนรังแก
หลังจัดการเสร็จแล้ว ไป๋ยี่เฟยจะนำอาหารและยา ออกไปกับห้องโดยสารในเรือ เพื่อไปหาพวกลู่เหมียวเหมียว
……
ในขณะเดียวกัน พวกเต้าจ่างได้ไปถึงสถานที่ที่ลู่เหมียวเหมียวเคยตกลงไป
เต้าจ่างมองเห็นอย่างชัดเจน ตะไคร่บนก้อนหินมีร่องรอยคนใช้เท้าเหยียบลงไป
อย่างนั้นเมื่อนำมาปะติดปะต่อกัน เป็นไปได้ว่ามีคนไม่ทันระวังเหยียบด้านบนแล้วตกลงไป จึงทำให้ผลไม้ตกกระจัดกระจายไปทั่ว
เต้าจ่างคิดถึงไป๋ยี่เฟยในทันที “ยังดวงแข็งจริงๆ !”
แต่กัปตันเฒ่ากลับพบสิ่งผิดปกติบางอย่าง เนื่องจากกลุ่มคนนี้มีคนหายไปหนึ่งคน เป็นยอดฝีมือระดับที่สอง ภายในใจมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
แต่เขาไม่กล้าพูดออกมา จึงถามเต้าจ่างว่า : “ท่านล่ายล่ะ?”
แต่เต้าจ่างไม่ได้สนใจ เขาเพียงจ้องมองไปที่ร่องรอยการลื่นเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
กัปตันเฒ่ากลับยิ่งมีความกังวลมากขึ้น ตอนนี้คิด ๆไปแล้ว ล่ายเคอเองก็จงใจให้ลูกสาวตนอยู่บนเรือ อีกทั้งเจ้าตัวก็ไม่อยู่ เกรงว่า จะเป็น ……
กัปตันเฒ่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก อยากจะหันหลังกลับไปหาลูกสาวของเขา
ลูกเรือพวกนั้นก็รู้สึกได้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้คิดที่จะกลับไปพร้อมกับกัปตันเฒ่า
จู่ ๆ ยอดฝีมือระดับที่สองตะโกนออกมาว่า: “หยุดตรงนั้น จะไปทำอะไร?”
กัปตันเฒ่าพูดอย่างร้อนรนว่า: “ฉันกังวลใจลูกสาว อยากจะ……”
ยอดฝีมือระดับที่สองคนนั้น พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “ฉันจะดูสิว่าใครกล้ากลับไป หากกล้าขยับเขยื่อน ฉันก็จะฆ่าเขาทันที!”
กัปตันเฒ่าไม่สนใจอะไรมากแล้ว เขากลัวว่าถ้าหากยังชักช้าอยู่ ลูกสาวของตัวเองจะถูกรังแกได้ จึงพูดอย่างไม่สนใจว่า: “คุณจะฆ่าฉัน ฉันก็ต้องกลับไป !”
ในขณะนั้นเอง ล่ายเคอก็ปรากฏตัว
“ทำอะไรกันอยู่เนี่ย?”เขาเดินพลางพร้อมกับถือเมล็ดผลไม้สองสามเมล็ดที่กินหมดแล้ว
หลังจากกัปตันเฒ่ามองเห็นล่ายเคอแล้วก็ชะงักไปชั่วขณะ
แต่ยอดฝีมือระดับที่สองคนนั้น กลับประหลาดใจเป็นอย่างมาก มองไปที่ล่ายเคอด้วยความเย้ยหยัน อีกไม่นานแกต้องตาย!
ล่ายเคอกลับไม่ได้สนใจเขา เดินตรงไปหาเต้าจ่าง ยื่นเมล็ดผลไม้มอบให้กับเต้าจ่างและพูดว่า: “ท่านประธาน ฉันพบสิ่งนี้อยู่ตรงนั้น ”
พูดพลางเขาก็ใช้มือชี้ไปที่ต้นไม้ทางขวามือ
เต้าจ่างหยิบเมล็ดผลไม้ขึ้นมาหนึ่งเมล็ด หลังจากดูแล้วก็ขมวดคิ้ว “เพิ่งกินได้ไม่นาน ?พบรอยเท้าบ้างไหม?”
ดูแล้วเมล็ดผลไม้นี้ เพิ่งถูกโยนทิ้งได้ไม่นาน คิดว่าหลังจากฝนตกแล้ว นั้นหากพบเมล็ดผลไม้พวกนี้จะต้องมีร่องรอยเหลือไว้อย่างแน่นอน
ล่ายเคอพยักหน้า“ประธานมากับฉัน”
จากนั้นกลุ่มคนก็ตามล่ายเคอเดินมาทางต้นไม้อีกด้านหนึ่ง