เมื่อเห็นลูเซียน ลิลิธทั้งตื่นเต้นและขวยเขิน “ดนตรีของท่านที่บรรเลงในร้านอาหารวิเศษมากเจ้าค่ะ!”
ลูเซียนถามตามสัญชาตญาณ “ทำไมเจ้าสองคนยังอยู่ในอัลโต้อีกล่ะ?”
“เรายังมีเวลาเหลือจนกว่า…” ก่อนที่ลิลิธจะพูดจบประโยค ซาลาชิงตัดบทตรงๆ เขาเกรงว่าน้องสาวจะหลุดปากพูดความลับออกไป
“ท่านอีวานส์ ทำไมท่านคิดว่าเราจะไม่อยู่ร่วมเทศกาลดนตรีล่ะ?” ทันทีที่เขาถาม ซาลาเสียใจที่เขาถามคำถามที่ดูออกตัวแก้ต่างชัดเจนเกินไป อาจทำให้เขากับลิลิธดูน่าสงสัยยิ่งขึ้น
ลูเซียนเองก็กังวลเช่นกัน เขาไม่อยากให้ลิลิธกับซาลารู้ว่าเขารู้เรื่องซากสถานที่ประกอบพิธีเวทมนตร์มากกว่าที่ทั้งสองคิด
“เจ้าสองคนดูเหมือนจะรีบร้อนตอนมาหาข้า” สมองของลูเซียนทำงานอย่างรวดเร็ว “และข้าคิดว่าพวกเจ้ามีเรื่องด่วน เพราะอย่างนั้นไงละ”
“อ๋อ… ขอรับ” ซาลาเบาใจขึ้นมาและเปลี่ยนเรื่องสนทนา “อย่างที่ลิลิธบอก เพลงของท่านน่าประทับใจมาก”
หลังจากคุยกันสักพัก ซาลาจากไปพร้อมกับน้องสาว แม้ว่าตัวน้องสาวดูเหมือนจะไม่อยากจบการสนทนากับลูเซียน
เมื่อเห็นซาลากับลิลิธเดินจากไป ลูเซียนขมวดคิ้วครุ่นคิดและรู้สึกกังวล เขาไม่แน่ใจว่าการพบกับสองพี่น้องในวันนี้เป็นเรื่องบังเอิญหรืออะไรกันแน่
อย่างไรก็ตาม ลูเซียนไม่ยอมให้ความกังวลมาทำลายวันดีๆ อย่างวันนี้ เขายังใช้เวลาช่วงบ่ายสนุกสนานไปกับไอเวินเที่ยวไปรอบๆ และดื่มด่ำบรรยากาศเทศกาลดนตรี
…
ในช่วงเย็น ลูเซียนพาไอเวินไปส่งโจเอลกับอะลิซ่า และกินมื้อเย็นด้วยกัน หลังจากนั้น ทั้งหมดเดินไปยัง ‘จัตุรัสกลาง’ คืนนี้ ณ จัตุรัสมีคนเยอะกว่าปกติ พื้นที่ทั้งหมดถูกจับจองเต็มไปหมด ผู้คนมารวมตัวกันคืนนี้เพื่อร่วมสนุกไปกับการแสดงดนตรีจากโรงลคะครซาล์มฮอลผ่านทาง ‘วงแหวนพลังเทพ’
‘วงแหวนพลังเทพ’ เป็นวงแหวนพลังที่สามารถมองเห็นได้ ลักษณะเหมือนกับโดมคริสตัลโปร่งแสงลอยอยู่กลางอากาศมากกว่าวงเวทปริศนาที่คนทั่วไปจะจินตนาการ ด้วยม่านโดมขนาดใหญ่ ผู้คนในจัตุรัสสามารถชมการแสดงบทเพลงสุดยิ่งใหญ่และมีความสุขไปกับเสียงเพลงได้พร้อมๆ กัน
“โอ้โห…” ไอเวินพูดยานคางด้วยความประหลาดใจ
“เราคงเข้าไปใกล้ๆ ไม่ได้แล้ว” โจเอลพูด “อยู่ตรงนี้ก็พอ”
“อย่าอยู่ตรงนี้เลย!” อะลิซ่าไม่เอาด้วย “จากตรงนี้ เราจะเห็นอะไรละ?”
ขณะนางกำลังพูดอยู่ อะลิซ่าจะใช้รูปร่างที่อ้วนท้วมสมบูรณ์ให้เป็นประโยชน์ในการเปิดทางเข้าไป
“ป้าอะลิซ่า” ลูเซียนยิ้มและหยุดนางไว้ “ข้ารู้จักที่ดีๆ กว่าจัตุรัสนี้”
…
ศาลาว่าการนครอัลโต้เป็นอาคารห้าชั้น ตั้งอยู่ตรงข้ามกับจัตุรัสกลาง
“พ่อของเฟลิเซีย ท่านเออร์เบน เป็นอาลักษณ์อยู่ที่นี่” ลูเซียนอธิบาย “เขาเชิญให้เราขึ้นไปดูการแสดงจากชั้นบนสุด”
เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปใกล้ ลูเซียนเห็นเฟลิเซียกำลังรออยู่ที่ประตูหลังของศาลาว่าการ
ด้วยจำนวนที่นั่งจำกัดในโรงละครซาล์มฮอลและจำนวนแขกมหาศาลจากประเทศต่างๆ แม้แต่เออร์เบนเองก็ไม่ได้รับเชิญเข้าชมการแสดงดนตรีในคืนนี้ สำหรับนักดนตรีของสมาคม ก็มีเฉพาะนักดนตรีที่โด่งดังที่สุดเท่านั้นจะได้รับเชิญ เช่น วิกเตอร์ ซึ่ง ‘มหรสพดนตรี’ ของเขาเพิ่งประสบความสำเร็จอย่างล้มหลาม ณ โรงละครซาล์มฮอล
อันที่จริง ลูเซียนในฐานะที่ปรึกษาส่วนพระองค์ของเจ้าหญิงก็ได้รับเชิญเช่นกัน แต่เขาไม่กล้าเสี่ยง เพราะในการแสดงคืนนี้จะเต็มไปด้วยพระคาร์ดินัลหลวงและบิชอปมากมาย ลูเซียนไม่อยากเสี่ยงโดยไม่จำเป็น
…
การแสดงดนตรีเริ่ม ณ เวลายี่สิบนาฬิกาตรง
แสงศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นเหนือจัตุรัส สาดแสงถึงทุกคนที่อยู่ตรงนั้น
ทุกคนในจัตุรัสโน้มศีรษะสวดมนต์และสรรเสริญ นี่คือความรักจากพระเจ้า พลังแห่งพระเจ้า
ลูเซียนเองก็โน้มศีรษะลงด้วยเช่นกัน แต่เขากลับคิดถึงเรื่องอื่น หากพลังเวทมนตร์กำเนิดมาจากธรรมชาติ ลูเซียนสงสัยว่าแล้วพลังเทพมาจากไหน
แสงสว่างและสว่างขึ้น และค่อยๆ ปกคลุมทั่วโดมคริสตัส ฉากเวทีหลักของโรงละครซาล์มฮอลที่ดูน่าประทับใจค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
คณะประสานเสียงมหาวิหารทองคำพร้อมแล้ว
“ดูก่อนสาธุชนผู้ศรัทธาในศาสนาทั้งหลาย…”
บทเพลงสรรเสริญไพเราะงดงาม ราวกับขับขานโดยเทวทูตสวรรค์
นักร้องประสานเสียงทุกคนเป็นผู้ชาย และทุกคนถูก ‘ตอน’ ก่อนเข้าสู่ช่วงวัยหนุ่ม ดังนั้น เสียงของพวกเขาจึงบริสุทธิ์และไพเราะราวกับเสียงผู้หญิง
“ลูเซียน… เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?” เฟลิเซียถามด้วยความกังวล
“เปล่า? ข้าสบายดี เฟลิเซีย” ลูเซียนตอบนาง “เจ้าถามทำไม?”
“ขอโทษ ข้ากำลังคิดว่าการแสดงดนตรีเปิดตัวครั้งแรกน่าจะกดดันเจ้ามาก” เฟลิเซียส่ายหน้าเบาๆ “ดูเหมือนข้าจะกังวลยิ่งกว่าเจ้าเสียอีก”
ลูเซียนยิ้มเห็นไรฟัน “ขอบใจนะ เฟลิเซีย ข้าสบายดี”
…
ตามคำเรียกร้องที่หนักแน่นๆ ของวิกเตอร์ ลูเซียนเข้าร่วมการแสดงดนตรีวันที่สอง ณ โรงละครซาล์มฮอล ซึ่งของการแสดงดนตรีของคริสโตเฟอร์ ประธานสมาคมนักดนตรี
“เจ้าห้ามพลาดเด็ดขาด” วิกเตอร์พูดกับลูเซียน “นี่อาจเป็นการแสดงครั้งสุดท้ายของท่านวิกเตอร์ เราต้องไม่พลาดโอกาสนี้”
“ได้ขอรับ… ไม่พลาดโอกาสร่วมคอนเสิร์จของ ‘ปรมาจารย์ดนตรี จะได้เครียดหนักกว่าเดิม” ลูเซียนพูดหยอกล้อ
“ถ้าเจ้าเครียดขนาดนั้นจริง เจ้าคงไม่พูดแบบนี้” วิกเตอร์รู้จักอุปนิสัยส่วนตัวของลูเซียนเป็นอย่างดี “และข้าเชื่อใจเจ้า ลูเซียน ข้าอ่านโน้ต ‘เพลงเวทนา’ แล้ว แม้มันจะยากขนาดไหน แต่ข้าเชื่อว่าโซนาตาเพลงนี้จะนำไปสู่การปฏิวัติประวัติศาสตร์ดนตรี”
“ขอบคุณขอรับ อาจารย์วิกเตอร์” ลูเซียนยิ้ม “กำลังใจของอาจารย์มีความหมายต่อข้ามาก”
ตอนนั้นเองชายหนุ่มในวัยยี่สิบต้นๆ ผมดำ คิ้วน้ำตาล เดินเข้ามาหาพวกเขา
“ท่านอาจารย์วิกเตอร์ สวัสดีขอรับ” ชายหนุ่มทักทาย “ท่านคงเป็นลูเซียน อีวานส์ สินะ?”
วิกเตอร์ยืนขึ้นและแนะนำด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า “นี่ลูกศิษย์คนก่อนของข้า มาร์คัส ตอนนี้เขาเป็นที่ปรึกษากองงานดนตรีของ ‘อาณาจักรชาค’ เขาเพิ่งกลับมาไม่กี่วัน ก็เพราะเทศกาลดนตรีนี่แหละ”
……………………………………….