ในตอนเย็น หลิวเสี่ยวอิงลังเลแต่ก็มาถึงหน้าประตูห้องของไป๋ยี่เฟย จากนั้นจึงผลักประตูเข้าไปอย่างเงียบๆ
เพราะหลิวเสี่ยวอิงไม่อยากให้เขาต้องทรมาน
อันที่จริงไป๋ยี่เฟยถือว่าพึ่งหายจากอาการป่วย ตอนนี้ร่างกายของเขาอ่อนแอมาก ทำให้เขาหลับอยู่บนเตียง ไม่รู้สึกตัวเลยและหลับลึกมากๆ
ตอนเช้า หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยตื่น เขาจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเต็มไปด้วยพลัง
และลู่หยางก็ตื่นขึ้นมา และเริ่มร้องไห้อีกครั้ง บอกว่าจะกลับตระกูลลู่
ไป๋ยี่เฟยหยุดลู่หยางไว้และพูดว่า:“ลู่หยาง ตอนนี้คุณเป็นผู้ชายคนเดียวของตระกูลลู่ คุณต้องดูแลครอบครัว และต้องดูแลพี่สาวของคุณในอนาคต ดังนั้นตอนนี้คุณควรโตเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้”
ลู่หยางอยากจะผลักไป๋ยี่เฟยออกอีกครั้ง แต่เขาพบว่า วันนี้เขาผลักไม่ไหว
ดังนั้นลู่หยางทำได้เพียงยืนอยู่ที่นั่น และตะโกนใส่ไป๋ยี่เฟย:“คุณอยากให้ฉันเติบโตเป็นผู้ใหญ่ยังไง พ่อแม่ของฉันก็โดนฆ่าแล้ว ศพยังอยู่ในห้องโถงเลย ไม่มีคนช่วยเก็บศพ อาจเป็นเพราะพวกเขาไม่ใช่พ่อแม่ของคุณ คุณจะพูดยังไงก็ได้?”
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกผิดมากๆ
เขาคิดถึงพ่อแม่ของตัวเอง เพียงแต่พ่อแม่ของเขายังมีชีวิตอยู่ แต่คนที่เสียชีวิตคือน้องสาวของเขา
แต่สิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลต่อความรู้สึกผิดในใจของเขา
ไป๋ยี่เฟยกดไหล่ของลู่หยางแล้วพูดว่า:“ได้ คุณกล้าตามฉันไปไหม ไปดูฉันช่วยพี่สาวของคุณและฆ่าล้างตระกูลหงยังไง?”
ลู่หยางจ้องมองเขาและตะโกนเสียงดังว่า:“ฉันกล้าไปอยู่แล้ว!”
ลู่หยางในเวลานี้ ตกอยู่ในอารมณ์หดหู่ของการสูญเสียพ่อแม่ เขาไม่คิดเลยด้วยซ้ำว่าไป๋ยี่เฟยจะช่วยคนยังไง และจะฆ่าล้างตระกูลหงได้ยังไง?
เป็นเพราะเขาโกรธ โกรธไป๋ยี่เฟย แค้นตระกูลหง ดังนั้นเขาต้องการแก้แค้น ไม่ว่าเขาจะทำสำเร็จหรือไม่ เขาต้องไป เขามีความคิดแค่นั้น
เมื่อไป๋ยี่เฟยเห็นแบบนี้ก็พยักหน้า“ได้!”
หลังจากพูดจบ ไป๋ยี่เฟยหันหลังจากไป ลู่หยางเห็นแบบนี้ก็รีบเดินตามไป
หลังจากไป๋ยี่เฟยกับลู่หยางเดินจากไปแล้ว หลิวเสี่ยวอิงก็เดินออกมาจากห้องตัวเอง มองประตูที่พวกเขาเดินออกไปแล้วเหม่อลอย
เมื่อวานเธอเข้าไปในห้องของไป๋ยี่เฟยและฝังเข็มให้ไป๋ยี่เฟยหนึ่งเข็ม ทำให้ไป๋ยี่เฟยหลับสนิทไปเลย
หลังจากนั้น หลิวเสี่ยวอิงก็นั่งอยู่ข้างเตียงของไป๋ยี่เฟย และเฝ้าเขาทั้งคืน
ตลอดทั้งคืน หลิวเสี่ยวอิงคิดแล้วคิดอีก แต่สุดท้ายเธอก็ทำได้เพียงส่ายหัว
เป็นเพราะเธอไม่ได้นอนมาทั้งคืน ตอนนี้ทำให้หลิวเสี่ยวอิงมีรอยคล้ำใต้ตา
ไม่รู้ว่าสวี่อีอีเดินออกมาเมื่อไหร่ เมื่อเห็นหลิวเสี่ยวอิงก็ถามเบาๆว่า:“คุณผู้ชายจะไปแก้แค้นตระกูลหงใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินเสียงขอสวี่อีอี ทำให้หลิวเสี่ยวอิงได้สติ เธอนิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่และพูด:“ใช่”
สวี่อีอีกังวลมากและพูด:“แต่……ตระกูลหงน่ากลัวมาก……”
หลิวเสี่ยวอิงหันศีรษะและมองไปที่สวี่อีอี จู่ๆก็หัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“เธอยอมรับสถานะของตัวเองได้เร็วมาก มันน่าแปลกใจจริงๆ”
สวี่อีอีไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่หลิวเสี่ยวอิงพูด มองเธอด้วยความสงสัย
หลิวเสี่ยวอิงไม่ได้อธิบาย อย่างไรก็ตามผู้หญิงอย่างสวี่อีอีที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ไม่สามารถเข้าใจความคิดของพวกเขาอยู่แล้ว
ดังนั้นหลิวเสี่ยวอิงจึงพูดอย่างเฉยเมยว่า:“ตระกูลหง ในสายตาของเขา มันไม่น่ากลัวเลย!”
“ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่เพียงต้องการแก้แค้น เขาต้องการแหกกฎของที่นี่และต้องการโค่นล้มอาณาจักรนี้ด้วย!”
สวี่อีอียิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจ
……
ตำแหน่งของตระกูลหงตั้งอยู่ใจกลางของเขตที่สี่ ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่
เจ้าบ้านของตระกูลหงชื่อว่าหงฟ่าน เป็นชายชราที่มีอายุมากกว่า70ปี
เขามีลูกชายสองคน ลูกสาวหนึ่งคน ลูกชายคนโตและลูกสาวเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน แต่ลูกชายคนเล็กหงฉีเป็นที่รู้จักของทุกคนในเขตที่สี่
ถึงแม้หงฉีจะเป็นลูกชายคนเล็กของหงฟ่าน แต่เขาอายุ30กว่าแล้ว ในสายตาของคนทั่วไปในเขตที่สี่ หงฉีเป็นคนจิตวิปริตและเป็นปีศาจ
……
ห้องโถงของตระกูลหงในเวลานี้ หงฟ่านกำลังต้อนรับแขกผู้มีเกียรติคนหนึ่ง
โดยทั่วไปด้วยฐานะของหงฟ่านที่อยู่ในเขตที่สี่เขาไม่จำเป็นต้องมาต้อนรับแขกด้วยตัวเอง วันนี้เขาไม่เพียงแค่มาตัอนรับแขก แต่เขายังอ่อนน้อมถ่อมตนมากๆเหมือนตัวเองเป็นลูกน้องคนหนึ่ง
เป็นเพราะแขกคนนี้คือเต้าจ่าง
เต้าจ่างเป็นประธานของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง และหลันเต่าได้รับการพัฒนาโดยสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง ดังนั้นกล่าวได้อีกนัยหนึ่งคือ เต้าจ่างเป็นหัวหน้าของพวกเขา
หลังจากที่เต้าจ่างฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เขาก็หัวเราะอย่างเย็นชา:“ไป๋ยี่?ฉันคิดว่าน่าจะเป็นไป๋ยี่เฟยมากกว่า?”
หงฟ่านไม่รู้จักใครคือไป๋ยี่เฟย แต่เมื่อเขาได้ยินเต้าจ่างรู้จักเขา หงฟ่านคิดว่าเขาน่าจะเป็นคนของเต้าจ่าง เขาจึงรีบพูดด้วยความร้อนรนว่า:“ในเมื่อท่านประธานรู้จักชายคนนี้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะบอกให้คนของเราปล่อยตัวผู้หญิงของตระกูลลู่ไป”
หลังจากนั้นเต้าจ่างส่ายหัวและพูดอย่างเย็นชา:“ฉันรู้จักเขา แต่รู้จักในแบบที่ ถ้าไม่ใช่ฉันตาย ก็ต้องเป็นเขาตาย!”
เมื่อหงฟ่านได้ยินก็โล่งใจทันที เขายังนึกว่าเป็นคนของเต้าจ่าง ถ้าเขาจับผิดคน เขาอาจจะล่วงเกินผิดใจกับเต้าจ่างก็ได้?
ตอนนี้เขาไม่ต้องกังวลแล้ว ในเมื่อเขาเป็นศัตรูกัน มันก็เป็นเรื่องง่ายที่จะจัดการ
ดังนั้นหงฟ่านจึงตบโต๊ะทันทีและให้สัญญากับเต้าจ่าง:“ท่านประธานโปรดวางใจ ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร อยู่ในหลันเต่าเขตที่สี่ตรงหน้าฉัน มันก็เป็นได้แค่มดเล็กๆตัวหนึ่ง”
“ถ้าเขากล้ามาที่นี่ ฉันจะให้มันตายโดยไร้ที่ฝังศพ”
“แต่ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำให้เขามาที่นี่หรือเปล่า”
หลังจากเต้าจ่างได้ยินคำพูด ก็ยิ้มและพูดว่า:“คุณวางใจได้ เขามาแน่นอน”
“สำหรับคนโง่อย่างเขา สุดท้ายเขาก็คงเลือกที่จะมาแน่นอน”
ในสายตาของเต้าจ่าง สิ่งที่ไป๋ยี่เฟยทำนั้นสามารถใช้คำมาอธิบายได้เพียงคำเดียวคือโง่เท่านั้น ที่เขาสามารถอยู่รอดจนถึงทุกวันนี้ เป็นเพราะโชคเข้าข้างมากกว่า
เมื่อก่อนตอนอยู่เมืองเทียนเป่ย เต้าจ่างสามารถฆ่าไป๋ยี่เฟยได้ในคราวเดียว แต่เขาโชคดี ที่เมืองเทียนเป่ยมียอดฝีมืออยู่คนหนึ่ง
ครั้งที่อยู่สหพันธ์ธุรกิจ ก็เป็นเพราะเขาโชคดี เพราะเขาเป็นลูกชายของไป๋หยุนเผิง ทำให้มีคนช่วยเหลือเขาเป็นจำนวนมาก
แต่ว่าครั้งนี้ มันไม่เหมือนกันแล้ว
“ครั้งนี้ เขาคงไม่โชคดีอีก”
เต้าจ่างพูดเบาๆว่า:“เท่าที่ฉันรู้ ซาเฟยหยางได้กลับไปที่เมืองหลวงแล้ว มีเพียงจื่ออีกับฉินหัวอยู่ที่คลังเก็บทอง”
“จื่ออีกับฉินหัวไม่กล้าออกมาจากคลังเก็บทอง ถ้าพวกเขาออกจากคลังเก็บทอง เถ้าแก่ใหญ่ก็จะเข้าไปได้ ดังนั้น ตอนนี้ไม่มีใครสามารถช่วยไป๋ยี่เฟยได้
เมื่อได้ยินดังนั้น หงฟ่านก็รีบสัญญาทันทีและพูด:“ท่านประธานโปรดวางใจ คนโง่อย่างเขา ท่านไม่จำเป็นต้องลงมือเอง คนของฉันสามารถจัดการเขาได้”
เต้าจ่างพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเหมือนจำบางอย่างได้และถาม:“ฉันได้ยินว่าลูกชายของคุณเจ้าชู้ชอบเที่ยวผู้หญิง ลูกสาวของตระกูลลู่รูปร่างหน้าตาก็ดี ทำไมไม่เห็นเขาสนใจผู้หญิงคนนี้ละ?”
“บอกท่านตามตรง ครั้งนี้ที่ฆ่าล้างตระกูลลู่ ลูกชายคนโตกับลูกชายคนเล็ก เกิดความขัดแย้งก็เพราะเรื่องนี้”หงฟ่านยิ้มอย่างจำใจ
เต้าจ่างมองมาที่เขา“อ้อ?”
หงฟ่านพูดอย่างจำใจ:“หลังจากที่ลู่เหมียวเหมียวโดนจับตัวมา ลูกสะใภ้ของฉันก็รับตัวเธอไปทันที”
พึ่งพูดคำนี้จบ จู่ๆก็มีคนรีบวิ่งเข้ามาและพูดกับหงฟ่าน:“เจ้าบ้าน เจ้าบ้าน คนๆนั้นมาแล้ว!”
คนๆคือใครไม่ต้องพูดก็รู้ เขาคือไป๋ยี่เฟยแน่นอน
ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยเป็นยอดฝีมือระดับที่สาม สู้กับคนธรรมดาไม่มีปัญหา แต่ถ้ามีคนธรรมดามาพร้อมๆกันหลายสิบคน มันก็เป็นเรื่องยากที่เขาจะชนะได้
อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาเข้าสู่ภาวะแปรสภาพก็อาจจะสู้ได้
แต่ไป๋ยี่เฟยไม่ต้องการเข้าสู่ภาวะแปรสภาพ เพราะเขาต้องเสียสติสัมปชัญญะ
ถ้าไม่เข้าสู่ภาวะแปรสภาพ ด้วยฝีมือระดับที่สามของเขาในตอนนี้ สามารถช่วยลู่เหมียวเหมียวได้หรือเปล่า?
ไป๋ยี่เฟยไม่รู้ ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้หรือเปล่า
ถึงกระนั้น ไป๋ยี่เฟยก็เลือกที่จะทำ เพราะมีบางเรื่อง ไม่ใช่รอจนคุณแน่ใจว่าทำได้แล้วถึงยอมไปทำ
ถ้าข้างกายของไป๋ยี่เฟยยังมีผู้ติดตามอย่างเฉินอ้าวเจียวและคนอื่นๆ ในสายตาของเขาจะฆ่าล้างตระกูลหงเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว แต่ตอนนี้มีเพียงเขาคนเดียว
ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องยาก แต่เขาก็ต้องไป
สำหรับลู่หยางที่ตามเขามา ไป๋ยี่เฟยรู้ว่าเขามีความแค้นเต็มอก ถึงแม้จะไม่ให้เขาตามมา เขาก็คงมาด้วยตัวเอง หากเป็นเช่นนั้น ไป๋ยี่เฟยก็เลือกที่จะพาเขามาด้วย
ก่อนที่จะมาที่นี่ไป๋ยี่เฟยได้ใช้ทองคำซื้อมีดยาวอันใหม่สองเล่ม
ลู่หยางยกมือขึ้นเพื่อจะไปหยิบมีดยาวหนึ่งเล่ม แต่โดนไป๋ยี่เฟยหลบไปและเขาพูด:“คุณดูฉันให้ดีๆ การเอามีดให้คุณก็เปล่าประโยชน์”
“คุณใช้มันแล้วมันไม่เปล่าประโยชน์เหรอ?”ลู่หยางถามอย่างไม่พอใจ