สมาชิกบางคนของคณะออร์เคสตราเป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียงในนครอัลโต้ แม้ขณะซ้อมวง คณะนักดนตรีต่างคาดหวังกับการแสดงดนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลงซิมโฟนีแห่งชะตากรรมไว้ค่อนข้างสูง แต่การตอบรับอย่างล้มหลามของกลุ่มผู้ฟังชนชั้นสูงและนักดนตรีแถวหน้าจำนวนมากในคืนก็อยู่เหนือความคาดหมาย
วิกเตอร์ก็ตื่นเต้นมาก เขาเดินมาหาไรน์ เพื่อนสนิทที่สุดของเขาในเวลานี้ เขาโผเข้ากอดไรน์อย่างดีใจ “ขอบใจเจ้ามาก ไรน์ เจ้าช่วยข้าพัฒนาฮาร์ปซิคอร์ด ช่วยเหลือข้ามาตลอดการซ้อมนับครั้งไม่ถ้วน ไม่มีเจ้า การแสดงครั้งนี้คงไม่มีทางสมบูรณ์แบบอย่างนี้”
แม้ไรน์ยังคงรักษาอากัปกริยาเงียบขรึมมาตลอดทั้งคืน เขาก็ปลาบปลื้มกับความสำเร็จของมหรสพดนตรีในคืนนี้ไม่แพ้ใคร “ขอบคุณเช่นกัน ท่านวิกเตอร์ ถือเป็นเกียรติที่ได้ทำงานร่วมกัน ท่านวิกเตอร์ ลูเซียนด้วย” เขายิ้ม
“ท่านอีวานส์!” โธมัส นักเชลโลของคณะออร์เคสตรา เข้ามากอดลูเซียนอย่างดีอกดีใจ “ท่านจะกลายเป็นนักดนตรีที่โด่งดังที่สุดในนครอัลโต้ ไม่สิ… ในทวีปเลยละ!”
ลูเซียนรู้สึกกระอักกระอ่วนนิดหน่อย เมื่อถูกเรียกด้วยนามสกุลเพื่อแสดงความเคารพจากคนอื่น โดยเฉพาะจากสมาชิกคณะออร์เคสตรา
สมาชิกคณะออร์เคสตราทั้งหลายต่างมองเห็นอนาคตในวงการดนตรีอันสดใสของลูเซียน ตั้งแต่เริ่มซ้อมซิมโฟนีเพลงที่สี่เพลงนี้ บทเพลงที่ลูกศิษย์ของวิกเตอร์เป็นผู้ประพันธ์ และตอนนี้ พรสวรรค์ของลูเซียนเป็นที่ประจักษ์ต่อกลุ่มขุนนางชนชั้นสูงที่มีชื่อเสียงกลางที่สาธารณะ ทั้งแกรนด์ดยุกที่ยกยอด้วยคำว่า “ไม่มีใครเทียบ” ชื่นชนบทเพลงของลูเซียน และเจ้าหญิงนาตาซาที่เรียกลูเซียนว่า “ผู้บุกเบิกประวัติศาสตร์ดนตรี” ออกมาตรงๆ ลูเซียนจะกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ที่เฉิดฉายที่สุดในวงการดนตรีในอีกไม่นาน
ทุกคนในคณะออร์เคสตรารู้ดีว่าทันใดที่ลูเซียนสามารถประพันธ์ซิมโฟนีอีกบทเพลงที่มีคุณภาพสูงทัดเทียมกันภายในอีกสองปี สถานะในวงการดนตรีของเขาจะมั่นคงเป็นอย่างยิ่ง ถ้ากระแสดนตรีแนวใหม่นี้ได้รับความนิยมในอนาคต ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าลูเซียนจะกลายเป็นบุคคลผู้มีอิทธิพลระดับสูง ดังนั้น สมาชิกคณะออร์เคสตราต่างแสดงความเคารพสูงสุดต่อลูเซียน
ลูเซียนกอดสมาชิกคณะออร์เคสตราทีละคนๆ แม้ว่าสถานะและรายได้ของนักดนตรีจะสูงกว่านักดนตรีประกอบทั่วไปในคณะออร์เคสตรา ลูเซียนตระหนักดีกว่าความร่วมมือร่วมใจอย่างเต็มที่ของนักดนตรีประกอบเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการกำหนดผลลัพธ์สุดท้ายของงานมหรสพดนตรี
“ลูเซียน” ไรน์กอดลูเซียนแน่น “ข้าบอกได้เลยว่า ในอนาคตอันใกล้ จะมีงานอีกมากต่อมากแต่งขึ้นแสดงความรู้สึกและอารมณ์ของมนุษย์ แทนที่จะสรรเสริญพระเจ้าอย่างเดียว ข้าควรเรียกเจ้าว่าท่านลูเซียนด้วยสินะ ก็เจ้าเป็นคนบุกเบิกดนตรีแนวใหม่นี้นี่นา”
แม้ว่าลูเซียนยังไม่ชินกับการเฉลิมฉลองอย่างเป็นกันเองขนาดนี้ เขาก็ไม่ได้รังเกียจอะไร เขาก็กอดไรน์กลับ “ขอบคุณขอรับ ท่านไรน์ โชคร้าย ข้ายังไม่ถึงขั้นเป็นผู้บุกเบิกดนตรีหรอกขอรับ ขนาดเล่นเปียโนยังไม่ค่อยได้เรื่องเลย ไม่เหมือนกับเสียงไวโอลินของท่านไรน์ มันยอดเยี่ยมมาก แต่เหมือนขาดอารมณ์ร่วมไปนิดนะขอรับ”
ในสายตาลูเซียน บางครั้ง ไรน์ชอบทำตัวแปลกๆ ลูเซียนอาศัยจังหวะนี้ขอลองทดสอบไรน์ดูสักหน่อย
“เจ้าพูดถูก ข้าอาจนิ่งเกินไป” ไรน์ปล่อยแขนออกและอธิบายอย่างเป็นกันเอง แม้ว่าไรน์จะดูผอมบาง แต่ลูเซียนรู้สึกได้ถึงความแข็งแรงของแขนและลำตัวจากการกอดเพียงช่วงสั้นๆ นั้น
ลูเซียนยังคิดว่าคงต้องกอดกับสหายศิษย์ร่วมสำนักด้วยเช่นกัน
“ยอดเยี่ยม ลูเซียน” เฟลิเซียหน้าแดงก่ำเมื่อกอดลูเซียน ความสำเร็จของลูเซียนจะเป็นประโยชน์ต่อนางเช่นกัน นางจินตนาการภาพที่ตัวเองถูกรุมล้อมจากสตรีสูงศักดิ์มากมาย ถามนางเกี่ยวกับศิษย์ร่วมสำนักพรสวรรค์สูงคนนี้
“ข้าภูมิใจที่ได้เรียนร่วมกับเจ้า ลูเซียน” ล็อตต์กอดลูเซียนและแสดงความยินดี ขณะที่เฮโรโดตัสยังคงปิดปากเงียบตอนกอดลูเซียน ไม่นานต่อมา เฮโรโดตัสก็บอกลูเซียนเสียงเบาๆ ว่า “เจ้าเก่งมากจริงๆ”
วิกเตอร์ก็เก็บอ้อมกอดที่อบอุ่นและแน่นที่สุดไว้ให้ลูเซียน “ข้าไม่รู้จะขอบใจเจ้าอย่างไร ลูเซียน เจ้าเป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานลงมา การได้สอนเจ้าเป็นพรอันยิ่งใหญ่ของข้า”
“การได้เป็นลูกศิษย์ท่านก็เป็นเกียรติอย่างสูงเช่นกันขอรับ อาจารย์วิกเตอร์” ลูเซียนกล่าวอย่างจริงใจ
“เอ่อ มีอยู่เรื่องหนึ่ง…” วิกเตอร์พูดกับลูเซียน “เจ้าจะได้เงินครึ่งหนึ่งคืนนี้ ไม่ต้องปฏิเสธ ลูเซียน ด้วยเงินก้อนนี้ เจ้าไม่ต้องอยู่ในอาเดรอนอีกต่อไป ที่นั่นไม่ปลอดภัย”
เท่าที่ลูเซียนรู้ ตั๋วเข้าชมมหรสพดนตรี ณ ซาล์มฮอล เป็นที่ต้องการสูงมาก รายได้จากการจำหน่ายตั๋วคืนนี้เป็นเงินสามร้อยหกสิบห้าธาเล ซึ่งสูงมาก สามร้อยหกสิบห้าธาเลคิดเป็นสี่เท่าของรายได้ต่อปีของวิกเตอร์ ขณะที่รายได้ต่อปีของอัศวินชนชั้นสูงอยู่ที่ประมาณสามร้อยถึงห้าร้อยธาเล
ตามข้อบังคับของสมาคม รายได้จากการจำหน่ายตั๋วร้อยละสี่สิบจะบริจาคให้กับศาสนจักร อีกร้อยละสามสิบถูกหักเป็นค่าบำรุงสมาคมและโรงแสดงดนตรีซาล์มฮอล รวมถึงค่าตัวคณะออร์เคสตราทั้งวง ส่วนที่เหลืออีกร้อยละสามสิบ ประมาณหนึ่งร้อยสิบธาเลจะเป็นของวิกเตอร์ ส่วนลูเซียนจะได้เงินประมาณสามสิบถึงสามสิบห้าธาเล
สามสิบถึงสามสิบห้าธาเลเท่ากับเงินเก็บหลายสิบปี หรืออาจจะทั้งชีวิตของสามัญชนทั่วไป ด้วยเงินก้อนนี้ ลูเซียนสามารถบย้ายไปอยู่บ้านสามชั้นในเขตเพอร์เพิลลิลลี่ หรือบ้านเก่าๆ สองชั้นที่มีสวนเล็กๆ หน้าบ้านในเขตเกซู
“ข้าคงไม่ปฏิเสธ ขอบคุณมากขอรับ อาจารย์วิกเตอร์” ลูเซียนตอบอย่างจริงใจ ราวกับว่าเขาเห็นเหรียญทองส่องแสงเป็นประกายอยู่ตรงหน้าแล้ว ด้วยเงินก้อนนี้ ‘ผงกุหลาบแสงจันทร์’ ไม่ใช่ความฝันของลูเซียนอีกต่อไป ปัญหาเดียวก็คือการจะหาซื้อผงกุหลาบแสงจันทร์ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
บ้านดีๆ ในทำเลดีๆ ก็เป็นสิ่งที่ลูเซียนต้องการ ไม่เพียงเพราะต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่เพราะเขาต้องการอยู่ให้ห่างจากอาเดรอนที่เข้าไปพัวพันกับนักเวทคนอื่นๆ ในชื่อ ‘ศาสตราจารย์’ ถ้ามีบ้านหลังใหญ่ ลูเซียนสามารถสร้างห้องทดลองเวทมนตร์ใต้ดินที่ใหญ่และปลอดภัยมากขึ้น
หลังจากการเฉลิมฉลอง ขณะที่เฟลิเซียกำลังจะเชิญทุกคนไปคฤหาสน์ของตระกูลในวันรุ่งนี้ สตรีวัยกลางคนที่ยืนเคียงกายเจ้าหญิงนาตาซาก็เดินเข้ามาหลังเวที
“ท่านหญิงคามิล” เฟลิเซีย ล็อตต์ และเฮโรโดตัส เคยได้ยินเรื่องของนางมาก่อน ทั้งสามคนกุลีกุจอแสดงความเคารพนาง
วิกเตอร์ ลูเซียน และคนอื่นๆ ก็แสดงความเคารพตามๆ กัน
“ท่านอีวานส์” คามิลกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เจ้าหญิงนาตาซาทรงมีพระประสงค์ให้ท่านถวายงานเป็นที่ปรึกษาด้านดนตรีส่วนพระองค์ ประมาณครั้งละหนึ่งชั่วโมง สองครั้งต่อสัปดาห์ ณ พระราชวังราตาเชีย เราจะให้ค่าตอบแทนสูง สองธาเลต่อเดือน”
คำพูดของนางทำให้ทุกคนพากันอิจฉาลูเซียน แม้กระทั่งวิกเตอร์ แต่มีไรน์ที่หรี่ตาทำท่าครุ่นคิดอยู่สักพัก
“ข้า… ข้าคงรับไม่ได้ ขออภัยด้วยขอรับ” ลูเซียนปฏิเสธข้อเสนอโดยไม่ต้องคิด “ข้าเพิ่งหัดเรียนดนตรีมาได้สามเดือน ข้าเกรงว่าข้าคงไม่เก่งพอสำหรับตำแหน่งนั้น และความสำเร็จครั้งนี้เกิดจากแรงบันดาลใจที่สะสมมาในชีวิตข้าระเบิดออกมาก็เท่านั้นขอรับ”
ลูเซียนมีอีกเหตุผลที่เขาพูดออกไปไม่ได้ เขาเกรงว่าการเข้าไปอยู่ในพระราชวังเป็นการเสี่ยงเกินไป และตัวตนนักเวทอาจถูกเปิดโปงต่อหน้าเจ้าหญิง อัศวินหลวงระดับห้า หรือท่านหญิงคามิล อัศวินนภา
อย่างไรก็ตาม งานนี้น่าสนใจมาก ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง การรับใช้เจ้าหญิงนาตาซาอาจเป็นการพรางตัวที่สมบูรณ์แบบ
“พระองค์มิได้สนใจ สิ่งที่พระองค์ปรารถนาคือทักษะอันโดดเด่นที่ท่านใช้ในการประพันธ์เพลงและความเข้าใจของท่านต่อดนตรีแนวใหม่” คามิลกล่าวอย่างเย็นชา “ท่านจะรับงานนี้หรือไม่ ท่านอีวานส์?”
คนอื่นในห้องต่างมองลูเซียนด้วยความคาดหวัง ในที่สุด ลูเซียนก็พยักหน้ารับ
“ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับใช้องค์หญิงขอรับ”
“ขอบคุณ ท่านอีวานส์” ท่านหญิงคามิลกล่าวและเดินกลับออกไปจากหลังเวที
ค่าตอบแทนดีมากจริงๆ อย่างน้อยก่อนเป็นนักเวทระดับหนึ่ง ลูเซียนก็ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการซื้อหาวัตถุเวทมนตร์ต่างๆ
นอกจากนี้ งานนี้ยังทำให้ลูเซียนมีสถานะทางสังคมชั้นสูง
“เราอิจฉาเจ้าจริงๆ ลูเซียน” เฟลิเซียและล็อตต์แสดงความยินดีกับเขาอย่างตรงไปตรงมา
วิกเตอร์เองก็มองลูเซียนด้วยความยินดีและความพึงพอใจ
……………………………………….