ลูเซียนไม่ได้วิตก แต่กลับกัน ความคิดมากมายแล่นเข้ามาในหัว
‘ศาสนจักรสืบรู้แล้วหรือว่าเป็นเรา?’
‘…ไม่มีทาง ถ้าศาสนจักรรู้เรื่อง คงไม่รอมาจนป่านนี้ เราเคยพัวพันกับปัญหาแม่มดคนนั้น… เราคงเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย แต่ไม่ใช่รายแรกๆ หรอก’
ลูเซียนหยุดคิดแล้วตอบไป “ข้าอดหลับอดนอนแต่งท่อนสุดท้ายของเพลงจนเสร็จ ตอนเช้าเลยรู้สึกไม่สบาย ข้าเลยขอลา ตอนนี้ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ก็ไม่มีอะไรนี่ขอรับ”
“เจ้าไปหาหมอหรือเปล่า? เจ้าป่วยเป็นอะไร? มีใครพิสูจน์ได้ไหม? คอเรลล่าถามใส่เป็นชุด
“ไม่ขอรับ ข้าไม่ได้ป่วย… แค่รู้สึกเพลียมาก” ลูเซียนตอบอย่างใจเย็น
“ข้ายืนยันให้เขาได้” วิกเตอร์ก้าวขึ้นมา “ทุกครั้งที่ข้าประพันธ์เพลงเสร็จ ข้าก็รู้สึกล้าไม่ต่างกัน”
“ท่านคือ…?” คอเรลล่าชำเลืองมองเขา
“ท่านวิกเตอร์เป็นอาจารย์ของลูเซียน เป็นนักดนตรีเจ้าค่ะ” เอเลน่าแนะนำและรู้สึกแปลกใจที่ลูเซียนสามารถแต่งเพลงได้ในเวลาอันรวดเร็ว
คอเรลล่าหยิบปากกาขนนกออกมาจดอะไรบางอย่างลงในสมุด “ขออภัย ท่านวิกเตอร์ ท่านเป็นอาจารย์ของลูเซียน คำให้การของท่านไม่สามารถเชื่อถือได้ ข้าอยากทราบว่ามีใครสามารถยืนยันให้เขาได้อีกไหม มิฉะนั้น ข้าต้องพาตัวเขากลับไปที่ศาสนจักรเพื่อทำการสอบสวน เผื่อไว้ก่อน”
สีหน้าลูเซียนยังคงเดิม แต่ในสมองของเขากำลังวิ่งวุ่นหาข้อแก้ตัวที่ฟังดูน่าเชื่อ เขาไม่ได้พูดอะไรอยู่พักหนึ่ง
“ข้าเองยืนยันให้เจ้าหนุ่มคนนี้ได้ ข้าเป็นผู้อำนวยการสมาคม บารอนโอเทลโล่” พอได้ยินเสียง โอเทลโล่ออกมาจากห้องทำงาน “ลูเซียนเพิ่งแต่งเพลงๆ แรกเสร็จ มันยอดเยี่ยมมาก เขาต้องทุ่มเททั้งกายทั้งใจในการทำงาน”
แม้ว่าโอเทลโล่ไม่ชอบแนวเพลงของเด็กหนุ่ม แต่เขาก็ยอมรับในความสามารถและความพยายามของลูเซียน นอกจากนี้ การแสดงดนตรีที่กำลังจะมาถึง และสมาคมเอง ก็ต้องการลูเซียน
คอเรลล่าพยักหน้า และจดคำให้การลงในสมุดอีกครั้ง
“ข้าเชื่อท่าน ท่านบารอน ข้าได้เวลาต้องกลับแล้วพอดี”
อันที่จริง คอเรลล่าเองไม่เชื่อว่าลูเซียนจะเป็นผู้ต้องสงสัยเช่นกัน
ตามข้อมูลจากการสืบสวน ทางการกำลังตามหาตัวนักเวทระดับสามเป็นอย่างน้อย ไม่มีทางที่เด็กหนุ่มธรรมดาๆ ซึ่งเมื่อสามเดือนก่อนยังไร้ตัวตนจะกลายเป็นนักเวทชั่วร้ายและทรงพลังได้เร็วขนาดนี้
พระคาร์ดินัลฝ่ายสืบสวนสอบสวนไม่ได้ระบุชื่อลูเซียนในรายชื่อผู้ต้องสงสัยกลุ่มแรก
ยิ่งตอนนี้บารอนออกรับแทนลูเซียน การมีเรื่องกับพวกชนชั้นสูงเป็นตัวเลือกสุดท้ายที่เขาจะทำ ก่อนจะได้เป็นอัศวินจริงๆ
เมื่อเห็นคอเรลล่ากลับไป ลูเซียนถอนหายใจด้วยความโล่งใจ
“อย่าให้เรื่องนี้รบกวนเจ้าทั้งสองคน ข้าต้องการเพลงที่สมบูรณ์แบบ” โอเทลโล่พยักหน้าให้ทั้งสองคนแล้วเดินกลับเข้าห้องทำงาน
“พระเจ้าช่วย ลูเซียน ท่านโอเทลโล่พูดว่าเจ้าแต่งเพลงเองอย่างนั้นหรือ? ตายแล้ว…” เอเลน่ามองลูเซียนหัวจรดเท้า ราวกับว่าเขากลายเป็นคนแปลกหน้า
ลูเซียนพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม
“มีอะไรกัน? เจ้ามาทำอะไรที่นี่ วิกเตอร์?” วูล์ฟเดินลงมาจากชั้นบน
“ไม่มีอะไร” วิกเตอร์ส่ายหน้า “ข้าเพิ่งคุยกับท่านโอเทลโล่เรื่องเปลี่ยนซิมโฟนีเพลงหนึ่งในรายชื่อเพลง”
วิกเตอร์รู้ว่าไม่ช้าหรือเร็ว วูล์ฟต้องรู้อยู่ดี เขาไม่ได้สนใจอยู่แล้ว
สีหน้าวูล์ฟดูผิดหวังทันที “เจ้าได้เพลงใหม่แล้วหรือ? เป็นไปไม่ได้ ไม่กี่ชั่วโมงก่อน เจ้ายังทำท่าหมดปัญญาอยู่เลย… แล้ว ท่านโอเทลโล่จะอนุญาตให้เปลี่ยนเพลงได้อย่างไร? เขาอนุญาตอย่างนั้นหรือ?”
คำถามมาเป็นชุด วูล์ฟแทบจะไม่รอคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นได้
“ตราบใดที่เราทำได้ตามมาตรฐานของท่านโอเทลโล” วิกเตอร์ยักไหล่อย่างสบายใจ
“มาตรฐานอะไร? ในไม่กี่ชั่วโมง จู่ๆ เจ้าก็ทำได้ตามมาตรฐานของท่านโอเทลโล่อย่างนั้นหรือ? บ้าบอสิ้นดี…!”
“ถ้า…” วิกเตอร์กะพริบตา “ถ้าเจ้ารับความจริงไม่ได้ ก็น่าสมเพชนะ แล้วอีกอย่าง ไม่ใช่เพลงของข้า แต่เป็นของลูกศิษย์ข้า เจ้าเคยพูดว่ายาจกไม่มีวันได้เป็นนักดนตรี ลูเซียนพิสูจน์แล้วว่าเจ้าคิดผิด”
ชี้หน้าลูเซียนที่ยืนอยู่ข้างๆ วูล์ฟหัวเราะราวกับได้ฟังมุกตลก “ล้อข้าเล่นหรือไง วิกเตอร์? ไอ้เด็กบ้านจนคนนี้เพิ่งเรียนดนตรีมาได้แค่สามเดือน แล้วเจ้าจะบอกวามันแต่งเพลงที่ดีพอจะเล่นในซาล์มฮอลเนี่ยนะ? ถ้าจริง ข้าจะทำตามที่พูดไว้… ข้าจะไม่แต่งเพลงอีกเลย จะวิจารณ์เพลงอย่างเดียว แต่ถ้าไม่จริง เจ้าต้องขอขมาที่โกหกข้า”
“ถ้าข้าเป็นเจ้า เจ้าจะไม่ปากพล่อยขนาดนั้น” วิกเตอร์ท่าทางจริงจังมาก “เชิญเจ้าหัวเราะไป แต่เจ้าจะได้เห็นในการแสดงดนตรี แล้วจะได้เห็นเพลงของลูเซียนในห้องสมุด”
วูล์ฟหยุดหัวเราะ เขาชำเลืองมองลูเซียนแล้วสบถ “พวกเจ้ามันบ้า ข้าจะรอดูพวกเจ้าขายขี้หน้า มาดูกันว่าใครพูดจริง” ก่อนเขาจะเดินไป วูล์ฟถลึงตาใส่ลูเซียนอย่างเอาเป็นเอาตาย
เมื่อวูล์ฟเดินจากไป วิกเตอร์เอ่ย “ความโอหังทำให้มีอคติ และความอคติทำให้คนโง่ ลูเซียน วันนี้ไปพักเถอะ ค่อยมาเริ่มกันพรุ่งนี้ ข้าจะคุยกับท่านแฮงค์เอง ขอตัวเจ้ามาสักพัก” วิกเตอร์ยิ้ม
ด้วยยังรู้สึกเหนื่อย ลูเซียนพยักหน้ารับและร่ำลาวิกเตอร์
หลังจากหยิบร่ม ลูเซียนเดินไปที่ประตูพร้อมกับเอเลน่า
“ทำไมเจ้ามองข้าแบบนั้น เอเลน่า?” ลูเซียนเริ่มรู้สึกตะหงิดๆ ที่เอเลน่าจ้องเขาไม่เลิก
“พูดตรงๆ นะ ข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่ใช่ลูเซียนที่เคยรู้จัก… ข้ารู้ว่าเจ้ามีความสามารถ แต่ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดีว่าเจ้าแต่งเพลงดีๆ ได้ด้วยตัวเอง เพลงที่ทั้งท่านวิกเตอร์และท่านโอเทลโล่ยอมรับ”
ลูเซียนโบกมือแบ่งรับแบ่งสู้ “ข้าว่าคงได้แรงบันดาลใจ แรงบันดาลใจของข้าน่าจะมาจากประสบการณ์ในอดีต”
เอเลน่าไม่รู้ว่าปกตินักดนตรีใช้เวลาแต่งเพลงสักเพลงนานแค่ไหน เธอเอียงคอแล้วยิ้ม “บางที เจ้าอาจเป็นอัจฉริยะตัวจริง ข้าเชื่อเจ้าเสมอ ลูเซียน อย่าลืมล่ะว่ามีข้าเป็นสหายเจ้า พอเจ้าได้เป็นนักดนตรีเก่งๆ แล้ว”
“แน่นอน ไม่ลืมหรอก” ลูเซียนยิ้มให้นางแล้วกลับออกจากสมาคม
เมื่อเห็นลูเซียนไปแล้ว เอเลน่ายืนคิดอยู่เป็นเวลานานและบ่นกับตัวเอง “ทำไมเขาเก่งจัง…”
…
เมื่อเห็นลูเซียนสวมชุดสูทอย่างดี โจเอลหยอกลูเซียนระหว่างมื้อเย็นที่อยู่ดีๆ ก็กลายเป็นสุภาพบุรุษ เสร็จแล้วลูเซียนก็กลับไปที่บ้าน หลับลงในทันที ตื่นมาอีกครั้งตอนสามทุ่ม
พอลืมตาขึ้นแล้ว เขารู้สึกดีขึ้นมาก แม้ว่าจะอยากทดลองผงวิญญาณแค้นตอนนั้นเลย ลูเซียนรู้ว่าเขาไม่ควรรีบร้อนหรือเสี่ยงเกินไป
เมื่อใช้หลอดน้ำยาพายุ ลูเซียนรู้สึกมีพลังมากขึ้น คืนนี้ เขาตัดสินใจจะยกระดับพลังวิญญาณโดยใช้พลังดวงดาว เขาแอบหวังว่าคืนนี้จะข้ามขั้นไปเป็นนักเวทฝึกหัดตัวจริง
หลังจากพัฒนาถึงขั้นนักเวทฝึกหัดระดับพื้นฐาน ลูเซียนจะสามารถร่ายคาถาระดับพื้นฐานได้เพิ่มอีกหนึ่งคาถา การเร็วในการฟื้นฟูพลังวิญญาณของลูเซียนพัฒนาขึ้นเล็กน้อย และพลังต่อต้านเวทสะกดจิตก็จะพัฒนาขึ้นด้วย
……………………………………….