ไป๋ยี่เฟยกลับไปพักผ่อนที่คลังเก็บทองใหม่อีกครั้ง
ซาเฟยหยางเดินทางไปยังเมืองหลวงทันที
เพราะว่าตอนนี้ไป๋ยี่เฟยอ่อนแอมาก ดังนั้นต้องการเพียงพักผ่อน เรื่องการยกระดับพลังความสามารถวางไว้ชั่วคราว
ตอนเย็น จื่ออีไปพักผ่อนอยู่อีกถ้ำหนึ่ง และฉินหัวเฝ้าอยู่ข้างๆไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยไม่มีอะไรทำ ในสมองก็คิดถึงเรื่องมากมาย
อยู่ดีๆ เขาถามฉินหัวว่า “พี่ พี่สะใภ้ก็ตั้งครรภ์แล้วใช่หรือไม่?”
สองวันก่อนตอนที่ฉินหัววิดีโอคอลกับโจวฉวี่เอ๋อ เขาได้ยินแล้ว
ฉินหัวได้ยินคำพูดพลิกตัวหนึ่งที มุมปากยกขึ้นนิดๆ “อืม สองเดือนแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยก็นึกถึงภรรยาของตนเองเช่นกัน “ตอนที่ผมวิดีโอคอลกับเสว่เอ๋อ มองเห็นท้องของเธอล้วนใหญ่ขึ้นแล้ว”
ฉินหัวยิ้มอยู่พูดว่า “ครรภ์ของน้องสะใภ้เป็นฝาแฝดนะ ย่อมเห็นได้ชัดอยู่แล้ว”
หลังจากพูดจบเขาก็นึกอะไรขึ้นมาอีก ก็เลยปลอบโยนไป๋ยี่เฟยว่า “คุณวางใจ ในตอนนี้น้องสะใภ้เป็นบุคคลสำคัญที่ตระกูลไป๋ปกป้องอยู่ ทุกคนย่อมจะทุ่มสุดพลังปกป้องเธออย่างแน่นอน”
ไป๋ยี่เฟยหลับตานิดๆ ไม่ได้เอ่ยปากสักพักหนึ่ง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ไป๋ยี่เฟยพูดเสียงเบาๆว่า “ไป๋หยุนเผิงก็พูดอย่างนี้เช่นกัน”
ฉินหัวหยุดชะงักหนึ่งที จากนั้นเห็นด้วยพูดว่า “ไป๋หยุนเผิงมีพลังความสามารถถึงระดับที่สองชั้นสูง บวกกับความฉลาดของสมองเขาย่อมไม่มีปัญหาแน่นอน”
ไป๋ยี่เฟยเงียบไปอีกแล้ว
ในครั้งนี้ล้วนไม่ได้เอ่ยปากโดยตลอด ฉินหัวจ้องมองเขาหนึ่งทีในความมืดพบเห็นว่าเขาไม่มีการเคลื่อนไหว ก็คิดว่าเขาหลับไปแล้ว ดังนั้นตนเองก็ค่อยๆหลับไปเช่นกัน
แต่ไป๋ยี่เฟยกลับลืมตาขึ้นมา
สิ่งที่ในใจไป๋ยี่เฟยคิดคือ: สมองของไป๋หยุนเผิงฉลาดจริงๆ แต่เขากลับไม่เคยบอกกับผมมาก่อน สภาวะแปรสภาพจะต้องระวังล่ะ?
ยังจำได้ว่าหลายเดือนก่อน เขาพาคนกับคนของเต้าจ่างและตระกูลที่มีทั้งเงินทั้งอิทธิพลยักษ์ใหญ่ทั้งสิบ ปะทะกันด้วยกำลังอาวุธอยู่ในคฤหาสน์สหพันธ์ธุรกิจ ตอนนั้นต่อสู้กันหนึ่งต่อหนึ่ง ไป๋ยี่เฟยก็เข้าสู่ สภาวะแปรสภาพแล้ว ใช้หัวของตนเองชนยอดฝีมือระดับที่สองคนหนึ่งล้มสลบไปเลย
ในเวลานั้น พวกเขาไป๋หยุนเผิงก็รู้ถึงสภาวะแบบนี้ของเขาแล้ว
แต่ว่า ไป๋หยุนเผิงกลับไม่ได้บอกกับเขา สภาวะแบบนี้ควรควบคุมอย่างไร
ดังนั้น เขาไม่พูด เพราะว่าอาการที่แปรสภาพแบบนี้ รักษาไม่หายเลยสักนิด
อย่างนั้น เป็นเช่นนี้มา จื่ออีบอกว่าให้ซาเฟยหยางไปเอายากับไป๋หยุนเผิง แท้ที่จริงก็คือหลอกไป๋ยี่เฟยอยู่
จื่ออีเพียงแค่อยากจะให้ไป๋ยี่เฟยอยู่ที่นี่ต่อเท่านั้นเอง
แต่ว่า ทำไมเขาต้องทำเช่นนี้ล่ะ?
หรือว่า หลิวเสี่ยวอิงพบเจอกับอันตรายอะไรหรือ?
……
วันรุ่งขึ้น ทันทีที่ฉินหัวลืมตาขึ้น ก็พบเห็นไป๋ยี่เฟยที่นอนอยู่ข้างเตียงนั้นของเขาหายไปแล้ว
ฉินหัวไปหาจื่ออีทันที
แต่อยู่ในเวลานี้ พวกเขาทั้งสองคนได้รับข้อความหนึ่งพร้อมๆกัน ข้อความที่มาจากไป๋ยี่เฟย
“ผมรู้ว่าพวกคุณไม่อยากให้ผมออกไป เพราะหวังดีกับผม ก็รู้ว่าพวกคุณมีหน้าที่รับผิดชอบที่ใหญ่กว่าจะต้องเฝ้ารักษาคลังเก็บทอง แต่ว่าผมจำเป็นต้องไปหาหลิวเสี่ยวอิง ผมจำเป็นต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ถ้าหากว่าเนื่องเพราะผมทำร้ายเธอ ผมควรไปแบกรับหน้าที่รับผิดชอบนี้”
“ทุกๆคนล้วนมีเรื่องที่ตนเองควรไปทำ มีหน้าที่รับผิดชอบควรที่จะไปแบกรับดังนั้นพวกคุณไม่ต้องเกลี้ยกล่อมผม ก็ไม่ต้องมาหาผมเช่นกัน”
หลังจากจื่ออีอ่านข้อความเสร็จโทรกลับไปทันที
ฉินหัวถอนหายใจหนึ่งทีพูดว่า “เขาปิดเครื่องแล้ว”
……
ตอนที่ไป๋ยี่เฟยพักผ่อนอยู่ก็โทรหาหลิวเสี่ยวอิงเช่นกัน แต่หลิวเสี่ยวอิงบล็อกเขาเข้าไปในบัญชีดำแล้ว ภายใต้ความจนใจ ได้เพียงแต่ส่งข้อความให้กับหลิวเสี่ยวอิง
“คุณอยู่ที่ไหนหรือ? ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
……
เขตที่สี่แห่งหลันเต่า ในมุมเล็กๆของถนนบางแห่ง หลิวเสี่ยวอิงกำลังนั่งยองๆอยู่ที่นั่น ในมือเธอถือมือถือไว้ บนมือถือแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังพิมพ์อยู่
หลิวเสี่ยวอิงในตอนนี้งงงวยมาก
อยู่ในการประสบพบเจอเรื่องมากมายขนาดนี้ หลิวเสี่ยวอิงถือว่าไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่เป็นคนที่ตนเองใกล้ชิดที่สุดแล้ว
เธอเคยบอกว่าเธอจะลืมไป๋ยี่เฟย แต่ว่าลืมคนคนหนึ่งไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น ดังนั้นในใจเธอในตอนนี้ยังชอบไป๋ยี่เฟยอยู่ แต่เธอล้วนไม่รู้ว่าในตอนนี้ควรจะไปเผชิญหน้ากับพวกเขายังไง
และอยู่ในความเพ้อฝันของเธอ พวกเขาน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีมากไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่และลูกๆของพวกเขาจะมีความสุขมาก ส่วนตนเองจะเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่ง บางครั้งบางคราวพบเจอกับพวกเขา รวมตัวกันสักหน่อย ค่อยซื้อของอร่อยของเล่นที่สนุกมากมายให้กับลูกของพวกเขาอีก
นี่เป็นสภาวะที่น่าพอใจอย่างมากแบบหนึ่ง
แต่ว่า ทั้งหมดนี้ล้วนถูกตีแตกในวันนั้นแล้ว
ตอนเวลานั้นไป๋ยี่เฟยบีบคอเธอไว้อย่างแน่น เธอต่อต้านไม่ได้เลยสักนิด
เธอหวาดกลัวมาก
ก็งงงวยมากเช่นกัน
จนถึงสุดท้าย ตัวหลิวเสี่ยวอิงเองก็ละทิ้งการต่อต้านเลย
ในเวลาพร้อมกัน อยู่ในใจของเธอ ความรักที่ถูกซุกซ่อนไว้โผล่ออกมาอีกครั้ง
ดังนั้น เธอล้วนไม่รู้ว่าควรจะไปเผชิญหน้ากับไป๋ยี่เฟยและหลี่เสว่ได้ยังไง
เธอนึกถึงวันนั้นที่หลี่เสว่มาหาเธอพูดคุย ก็คือน่าจะพูดถึงเรื่องนี้
เธอมองออกได้ หลี่เสว่ตอนนี้แคร์ไป๋ยี่เฟยมาก เธอกลัวแล้ว เธอกลัวสูญเสียไป๋ยี่เฟยไปเลย
หลิวเสี่ยวอิงก็หวาดกลัวเช่นกัน เธอก็หวาดกลัวที่จะสูญเสียไป๋ยี่เฟย
ดังนั้นก่อนที่หลี่เสว่จะพูดอย่างชัดเจน เธอหาข้ออ้างหลบหนี เพราะว่าเธอก็ไม่อยากเค้นคอฆ่าความหวังเล็กน้อยสุดท้ายเลยเช่นกัน
จากนั้น ตอนที่เธอมีความหวัง เธอก็อดไม่ไหวที่จะปฏิเสธเลย เพราะว่าเธอไม่อยากไปทำร้ายคนอื่น
เธอขัดแย้งอยู่
เธองงงวยอยู่
เธอก็ขี้ขลาดอยู่เช่นกัน
ดังนั้น เธอเลือกที่จะหลบหนี หลบหนีทั้งหมดนี้
หลิวเสี่ยวอิงออกจากถ้ำทองคำ เธอเดินไปสองวัน ในที่สุดก็มาถึงเมืองที่ทำให้เธอสะเทือนใจเหลือเกิน
จากนั้นเธอก็พบเห็น การใช้จ่ายของพวกเขาอยู่ที่นี่ไม่ใช่เงิน แต่คือทองคำ
หลิวเสี่ยวอิงหิวมาก หิวจนใกล้จะหมดเรี่ยวแรงแล้ว ทั้งสองวันนี้เธอล้วนไม่ได้กินอะไร
แต่อยู่ในมือเธอไม่มีทองคำ
ดังนั้นเธอได้เพียงแต่หดตัวอยู่ในมุมเล็กๆนี้ งอตัวตนเองอยู่
ในเวลานี้ อยู่ดีๆมีชายเยาว์วัยที่สวมใส่อย่างไม่ตามกระแสมาก และยังสวมใส่ต่างหูข้างหนึ่งคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้ว
“สาวน้อย ทำไมอยู่ที่นี่คนเดียวล่ะ?”
หลิวเสี่ยวอิงเงยหน้าจ้องมองชายเยาว์วัยคนนี้ เขากำลังยิ้มตาหยีจ้องมองตัวเธอเองอยู่
หลิวเสี่ยวอิงเพียงแค่ถามอย่างเย็นชาว่า “คุณเป็นใครหรือ?”
“โคร๊ก โคร๊ก…….”
เสียงพูดเพิ่งจบลง ท้องของหลิวเสี่ยวอิงก็ร้องเสียงดังสุดขีดสองที
ผู้ชายหยุดชะงักนิดๆหนึ่งที จากนั้นยิ้มทันทีพูดว่า“ดูแล้วน่าจะหิวแล้ว ไปกับผม ผมจะพาคุณไปกินข้าว”
หลิวเสี่ยวอิงระวังตัวมาก ปฏิเสธเขาไปเลย “ไม่ต้องการ ฉันไม่หิว”
เพิ่งพูดจบ ท้องของหลิวเสี่ยวอิงก็ร้องอีกหนึ่งที
จากนั้น ในมุมเล็กๆนี้อยู่ดีๆก็เงียบลง
หลิวเสี่ยวอิงรู้สึกอายก้มหัวลง
ส่วนผู้ชายยิ้มแล้วยิ้มอีกพูดว่า “คุณก็วางใจเถอะ ผมไม่ใช่คนร้าย ไปเถอะ ผมพาคุณไปกินข้าว”
ทั้งพูดอยู่ ทั้งยื่นมือไปพยุงหลิวเสี่ยวอิง
หลิวเสี่ยวอิงอยากจะปฏิเสธอีก แต่เธอหิวเกินไปแล้วจริงๆ ดังนั้นเธอถูกผู้ชายคนนี้พยุงขึ้นมา จากนั้นตามเขาไป
ผ่านไปไม่นาน พวกเขาทะลุผ่านซอย มาถึงบาร์แห่งหนึ่งที่ชื่อว่า ‘ฮุยหวง’
หลังจากหลิวเสี่ยวอิงมองเห็นบาร์แล้วระวังตัวขึ้นมาอีก ตอนที่ผู้ชายเข้าไปหยุดการย่างก้าว
ผู้ชายหันมาจ้องมองเธอหนึ่งที อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “รีบไปสิ หลังจากเข้าไปก็มีข้าวกินแล้ว”