เมื่อลูเซียนเห็นผู้พิทักษ์ราตรีเขาก็ขว้างหลอดเจลเพลิงในมือของเขาไปหาชายผู้นั้นโดยไม่ลังเลจากนั้นก็วิ่งต่อไปที่ทางเข้าของทางลับ
เขาได้เสกคาถาลงในแหวนอาฆาตเหมันต์ ตอนนี้เจลเพลิงของเขาจึงกลายเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุด เขาตระหนักว่าเวทค้างคาวกรีดร้องไม่สามารถทำงานได้ดีในคืนที่มีพายุ สิ่งเดียวที่ลูเซียนสามารถตำหนิได้ในตอนนี้คือความโชคร้ายของเขาเอง
ผู้พิทักษ์ราตรีคนนั้นสวมถุงมือสีดำคู่หนึ่งและก็มีประสบการณ์อย่างมากในการต่อสู้กับนักเวทฝึกหัด นักเวท และปีศาจในตอนกลางคืน และถุงมือที่เขาสวมใส่ก็เป็นของวิเศษที่มีมนตร์สะกดเหล่าปีศาจจากเวทมนตร์ที่แตกต่างกัน นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้มีผู้พิทักษ์ราตรีจำนวนไม่มากจากศาสนจักร นอกจากนี้ผู้พิทักษ์ราตรีทุกคนก็ไม่ได้ไร้ฝีมือ บางคนเป็นอัศวินฝึกหัดระดับสูง บางคนเป็นบาทหลวงและบางคนก็เป็นอัศวิน
ผู้พิทักษ์ราตรีคว้าหลอดเจลเพลิงอันแรกที่พุ่งเข้าหาใบหน้าของเขาอย่างมั่นคง หลอดเจลเพลิงจะระเบิดทันทีภายใต้การควบคุมด้วยพลังจิต แต่มันถูกคว้าจับด้วยมือของเขาในถุงมือสีดำแรงผลักดันจากการระเบิดก็หยุดลงทันทีทันใดเหมือนสายชนวนเพลิงที่ถูกจุ่มลงถังน้ำ
ไม่กี่วินาทีต่อมาหลอดเจลเพลิงอันที่สองก็ตามมา โดยไม่ทันคาดคิดคราวนี้มันถูกขวางโดยไม่ทันโดนผู้พิทักษ์ราตรีโดยตรง แต่มันดันตกกระแทกพื้นและระเบิดอย่างรุนแรงก่อนที่ผู้พิทักษ์ราตรีจะทันตอบโต้ ไฟของการระเบิดก็ลุกไหม้หลอดเจลที่เขากำลังจับอยู่ ทันใดนั้นร่างกายของผู้พิทักษ์ราตรีก็ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟที่ลุกโชติช่วง จากการเผาไหม้ของเจล แม้ฝนจะตกหนักก็ไม่สามารถดับไฟได้โดยง่าย
ลูเซียนไม่มีเวลาตรวจสอบว่าศัตรูของเขาล้มลงหรือไม่ เขารีบวิ่งไปที่ทางเข้าต่อไป
ก่อนที่เขาจะเข้าไปทางลับจู่ๆ ความกดดันมหาศาลก็เกิดขึ้นในใจเขา เขาอดสั่นไม่ได้ ต้องขอบคุณแหวนที่เขาสวมอยู่อย่างน้อยก็ยังทำให้เขายืนได้
ลูเซียนหันกลับไปมองอย่างไม่รู้ตัวและตระหนักได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
ท่ามกลางความสว่างไสวของแสงไฟ ผู้พิทักษ์ราตรียังคงไล่ล่าเขาอยู่ช่วงบนของร่างกายถูกปกคลุมด้วยไฟ แต่ดูเหมือนว่าความเจ็บปวดจะไม่ไม่มีผลอะไรกับเขาเลย ตอนนี้ตามผิวหนังของเขาผลันเปลี่ยนเป็นเกล็ดสีแดงที่ช่วยปกป้องเขาจากไฟ
ผู้พิทักษ์ราตรีเป็นอัศวินรัตติกาลที่มีพรที่ถูกปลุกขึ้นมาและพรของเขาถูกเรียกว่า “มังกรแดง!”
ด้วยความช่วยเหลือจากแหวนอาฆาตเหมันต์ ลูเซียนจึงไม่ตกใจภายใต้แรงกดดันจากผู้พิทักษ์ราตรี เขาคำนวณระยะห่างระหว่างเขาและผู้พิทักษ์ราตรียามค่ำคืน
“ ยี่สิบเมตร… สิบ…”
จากนั้นเขาก็เขวี้ยงเจลเพลิงหลอดสุดท้ายของเขาไปที่ผู้พิทักษ์ราตรีซึ่งอยู่ห่างจากเขาไปเพียงประมาณห้าเมตร แรงระเบิดมหาศาลกระจายอย่างรุนแรงและสร้างคลื่นพลังแยกพวกเขาออกจากกัน
ในขณะที่ผู้พิทักษ์ราตรีได้ผงะถอยไป ลูเซียนก็โยนตัวเองลงไปในเส้นทางลับ เนื่องจากมีความลาดชันใกล้กับทางเข้าเขาจึงกลิ้งไปเรื่อยๆ อยู่สองสามเมตร
ลูเซียนรู้สึกเหมือนถูกทุบด้วยค้อนยักษ์ใส่หน้าท้องของเขาและอาการวิงเวียนศีรษะก็เข้าครอบงำจิตใจของเขา เขากระอักเลือดออกมาเต็มปาก
ลูเซียนต้องรีบเพราะเขารู้ว่าผู้พิทักษ์ราตรีจะมาจับเขาในไม่กี่วินาที แต่เขาก็มั่นใจมากเช่นกันเนื่องจากเขามีแผน
เมื่อผู้พิทักษ์ราตรีกำลังจะเข้ามาในทางลับ ลูเซียนก็เปิดกับดักเวทมนตร์ของนักปราชญ์ที่สามารถเปลี่ยนหินให้เป็นกองโคลนทันที
ภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีต่อมาทางเข้าก็ถูกปิดโดยการผสมของหินและโคลน ผู้พิทักษ์ราตรีไม่สามารถหยุดตัวเองได้ในเวลาเขาก็ชนเข้ากับทางที่ปิดนั้น สิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นคือพ่อมดค้อมศีรษะเล็กน้อยและเยาะเย้ยเขา
“เจ้าเจอกับข้าแน่ เจ้าคนหน้าสมเพช” ผู้พิทักษ์ราตรีพยามทุกวิธีทางที่จะฝ่ากองดินเข้าไป
…
ในขณะที่เขากำลังวิ่งลูเซียนก็หยิบหลอดน้ำยาพายุออกมา เขาต้องการยาเพื่อที่จะรักษาได้อย่างรวดเร็วและเพิ่มพลังงานของเขา ในเวลาเดียวกันเขาร่ายคาถาเปิดกับดักเวทและทำลายทางลับลง อย่างไรก็ตาม เขาใช้กับดักทั้งหมดเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้พิทักษ์ราตรีตามเสียงมาได้
ด้วยผลของน้ำยาทำให้ลูเซียนสามารถออกจากทางลับได้เร็วขึ้น จากนั้นเขาก็นำน้ำยาที่เหลือทั้งหมดออกจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตผ้าลินินของเขาและเผาเสื้อคลุมของเขาเพราะเสื้อคลุมของเขามีกลิ่นสมุนไพรชนิดพิเศษที่เขาใช้ซ่อนกลิ่นของตัวเองอยู่ ลูเซียนไม่อยากให้ผู้พิทักษ์ราตรีมีโอกาสที่จะพบเขา
เมื่อเขาจัดการตัวเองเสร็จสิ้น ลูเซียนก็กลับไปที่กระท่อมของเขาและเก็บหลอดทดลองและสารประกอบเวทไว้ในที่ปลอดภัย หลังจากที่เขาทำการอบแห้งเสื้อและกางเกงของเขา ในที่สุดเขาก็ล้มลงบนเตียงจากการใช้แรงตลอดทั้งวัน
เขาไม่ได้ตระหนักเลยว่าเขาอ่อนแอเพียงใดจนกระทั่งศีรษะของเขากระแทกหมอน น้ำยาพายุเพิ่มพลังงานให้เขาชั่วคราว แต่ถูกใช้ไปหมดเสียแล้ว เขาไม่ได้กังวลมากเกี่ยวกับศาสนจักรส่วนหนึ่งเป็นเพราะสภาพอากาศอันเลวร้าย และที่สำคัญกว่านั้นลูเซียนค่อนข้างมั่นใจว่าศาสนจักรจะมุ่งเป้าไปที่การสืบสวนการตายของบารอน เห็นได้ชัดว่าเขามีความสัมพันธ์กับพวกนอกรีตและลัทธิเขาเงิน
ในไม่ช้าลูเซียนก็หลับไปอย่างรวดเร็ว
ข้างนอกฝนคงยังตกอยู่
…
ในตอนเช้าฝนยังไม่หยุดตก
ลูเซียนถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงต่างๆ ที่มาจากการทำงานของผู้คนในพื้นที่ใกล้เคียง
เขารู้สึกไม่สบายและร่างกายของเขาหนักมาก ดังนั้น ลูเซียนจึงตัดสินใจที่จะไม่ไปทำงานในเช้าวันนี้ ที่ห้องสมุดไม่เคยยุ่งและปิแอร์ก็อยู่ที่นั่นตลอดเวลา
ต่อมาไอเวินก็ถูกแม่ของเขาส่งมาเพื่อดูว่าทำไมลูเซียนไม่แวะไปที่บ้านตอนมื้อเช้า ลูเซียนจึงส่งไอเวินไปที่ห้องสมุดเพื่อทำเรื่องขอลาป่วยให้กับเขา
จากนั้นลูเซียนก็กลับไปนอนหลับยาวจนถึงเที่ยง เขารู้สึกดีขึ้นมาก แต่ก็ยังมีอาการป่วยอยู่เล็กน้อย เขาทานอาหารกลางวันกับครอบครัวของป้าอะลิซ่าและหลังจากนั้นก็ไปที่บ้านของวิกเตอร์
เหลือเวลาอีกเพียงสามวันก่อนถึงเวลาที่วิกเตอร์จะส่งเพลงสุดท้ายสำหรับการแสดง
…
สิบโมงเช้าที่ห้องซ้อมของวิกเตอร์
วิกเตอร์กำลังรู้สึกเป็นทุกข์และสิ้นหวังกับเพลงใหม่ จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูนั้น ล็อตต์ เฟลิเซีย และเฮโรโดตัสนั่นเองที่จะควรมาในตอนบ่าย
“รีบมากันทำไม?” วิกเตอร์รู้สึกประหลาดใจมาก
“เอ่อ…อาจารย์วิกเตอร์…” ล็อตต์ค่อนข้างลังเล “เม็กเคนซีขอให้ข้ามาบอกท่านว่า…คือว่า…บารอนโอเทลโล่ต้องการให้ท่านไปสมาคมโดยเร็วที่สุด เจ้าหญิงเสด็จมาวันนี้ พระองค์ทรงอยากเห็นรายชื่อเพลงของอาจารย์”
“…?!” ใบหน้าของวิกเตอร์ขาวซีด แต่เขาไม่สามารถพูดอะไรได้
เขาถอนหายใจและพยักหน้าออกมา “ข้าจะไปที่นั่นในครึ่งชั่วโมง”
…
เมื่อลูเซียนมาถึง วิกเตอร์ก็ออกจากบ้านไปแล้ว
“พ่อบ้านอาธี อาจารย์วิกเตอร์ไปไหนล่ะขอรับ?” ลูเซียนถาม
“ท่านวิกเตอร์ถูกเจ้าหญิงรับสั่งให้เข้าเฝ้าเมื่อเช้านี้” อาธีตอบอย่างค่อนข้างกังวล “พระองค์ทรงอยากรู้ความคืบหน้าของเพลงของท่านวิกเตอร์ในคอนเสิร์ตในวันนี้”
“อะไรนะ?!” ตอนนี้ ลูเซียนรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่ไม่ได้มาทำงานวันนี้
“ท่านวิกเตอร์ออกไปประมาณสิบโมงสี่สิบ ท่านวิกเตอร์ควรจะกลับมาในเร็วๆ นี้ ถ้าเจ้าอยากรอนะ” อาธีกล่าว
ตอนนี้มันเป็นเวลาสิบสองนาฬิกาสามสิบห้านาที
“ไม่ ข้าต้องหาเขาเดี๋ยวนี้ ขอบคุณอาธี” ลูเซียนคว้าร่มและรีบวิ่งไปที่ในสมาคม
……………………………………….