วิกเตอร์ให้ลูเซียนใช้เพลงที่เขาเขียนขึ้นเองสำหรับมือใหม่ เพลงนี้ไม่จำเป็นต้องมีทักษะความชำนาญใดๆ และมันค่อนข้างที่จะเล่นง่ายบนฮาร์ปซิคอร์ด หลังจากนั้นก็มีการปรับโทนเสียงของเปียโนเพื่อเพิ่มความกังวานของมันเล็กน้อย
ลูเซียนที่ตอนนี้มีความจำที่ดีขึ้นจากการฝึกสมาธิอย่างหนักของเขา เขาใช้เวลาพอสมควรทบทวนซ้ำไปซ้ำมา ตรงหน้าเขา วิกเตอร์เห็นว่ามีจะมีแต่ลูกศิษย์ชนชั้นสูงอย่างล็อตต์และเฟลิเซียเท่านั้นที่สามารถทำได้ เพราะพวกเขาเติบโตขึ้นมาพร้อมกับอิทธิพลของการเล่นดนตรีตั้งแต่เกิด
“เอาละ ลูเซียน ข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่พร้อม แต่ถึงเวลาแล้วที่เจ้าต้องเริ่มเล่นแล้ว อย่ากังวลกับการวางนิ้วลงบนคีย์บอร์ด ใจเย็นๆ” วิกเตอร์ตั้งตารอการเล่นดนตรีครั้งแรกของลูเซียน
ลูเซียนวางมือบนแป้นคีย์แรกและกดมันลงไป มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาที่จะจำบทเพลง แต่การเล่นมันเป็นเรื่องที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ลูเซียนรู้สึกว่านิ้วมือของเขาเงอะงะเกินไปที่จะได้กดคีย์ให้ถูกต้องตามจังหวะ แม้ว่าเขาจะเล่นช้าๆ ก็ตาม แต่ลูเซียนก็พยายามทำให้แน่ใจอย่างดีที่สุดที่จะกดคีย์ให้ถูกต้อง ในการเล่นครั้งแรกของเขาทำให้เกิดเสียงเหมือนตัวโน้ตที่ออกมาที่ละตัวจากเปียโนอย่างช้าๆ เหมือนคนใกล้ตายพยายามจะหายใจแทนที่จะเป็นเพลง
แต่ไม่มีใครหัวเราะเยาะเขารวมถึงลูกศิษย์ชนชนสูงศักดิ์ทั้งสามคน การมองดูลูเซียนเล่นทำให้พวกเขานึกถึงการต่อสู้ในอดีตของพวกเขาซึ่งน่ากลัวยิ่งกว่านี้
มันเป็นเพลงสั้นๆ ที่ควรใช้เวลาประมาณหนึ่งนาที แต่ลูเซียนใช้เวลามากกว่าสามนาทีในการเล่นจนจบเพลง หลังจากกดปุ่มคีย์สุดท้ายลง บนหน้าผากของเขาก็ปรากฎเหงื่อซึมออกมา ลูเซียนรู้สึกว่าแม้แต่การต่อสู้กับผีดิบใต้น้ำก็อาจจะไม่เหนื่อยเท่านี้
วิกเตอร์เป็นคนแรกที่เริ่มปรบมือให้ลูเซียนตามด้วยไรน์และลูกศิษย์คนอื่นๆ
“เจ้าทำได้ดีมาก ลูเซียน” วิกเตอร์ยิ้มพร้อมทั้งปลอบโยนเขา “ข้ารู้ว่าคนอื่นๆ รู้สึกอย่างไรเมื่อเริ่มเล่นครั้งแรก แต่เจ้าเป็นลูกศิษย์คนเดียวที่ข้าเห็นว่าสามารถกดคีย์แต่ละคีย์ได้อย่างถูกต้อง มันน่าประทับใจมาก”
ไรน์พยักหน้า “ใช่ เจ้าทำได้เยี่ยมมาก ลูเซียน ข้าแน่ใจว่าเจ้าจะทำได้ดีขึ้นหลังการฝึกฝน แต่การแยกประสาทนิ้วมือของเจ้านั้นก็ยังไม่แข็งแรงพอ หลังๆ เจ้าจะต้องใช้เท้าเหยียบคันเหยียบด้วย ค่อนข้างท้าทายมากๆ”
“ข้าเห็นด้วย” วิกเตอร์กล่าว “แต่มันขึ้นอยู่กับเวลา ถ้าเจ้ายินดีที่จะฝึกฝนอย่างหนัก เจ้าก็จะเป็นนักดนตรีชั้นยอดที่มีคุณภาพภายในระยะเวลาสิบปี”
“สิบปี?” ดูเหมือนว่ามันจะใช้เวลานานสำหรับคนที่อยากจะบรรลุความสำเร็จทางดนตรี แม้จะมีคำแนะนำของนักดนตรีระดับสูงก็ตาม อย่างไรก็ตาม ลูเซียนยังคงคาดหวังกับการเป็นนักดนตรีระดับสูงโดยเร็วที่สุดเพื่อรองรับค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายในการทดลองเวทมนตร์ของเขาอย่างเต็มที่
“มีวิธีใดบ้างที่จะกลายเป็นนักดนตรีระดับสูงได้เร็วขึ้นขอรับ?” ลูเซียนถาม
“แน่นอนถ้าเจ้าเป็นอัจฉริยะนะ” เฟลิเซียขัดจังหวะ “แต่ลูเซียน เจ้าไม่ใช่ การฝึกฝนอย่างหนักเป็นวิธีเดียวที่จะเป็นนักดนตรีที่มีศักยภาพและแน่นอนว่าต้องใช้เวลา อย่าทำให้อาจารย์วิกเตอร์เสียหน้าเพียงเพราะมีลูกศิษย์ที่ไม่สามารถเล่นเปียโนได้อย่างถูกต้อง” ในสายตาของเฟลิเซีย คำถามของลูเซียนแสดงให้เห็นถึงความคิดอันตื้นเขินของเขา
“ข้าเข้าใจความปรารถนาของชายหนุ่ม แต่อย่างที่เฟลิเซียบอก ความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ของข้าในการเล่นไวโอลินก็ต้องใช้เวลานานเหมือนกับเครื่องดนตรีอื่นๆ” ไรน์ตอบอย่างอ่อนโยน จากนั้นเขาก็หยุดสักครู่ “จริงๆ แล้วการฝึกฝนอย่างหนักก็ไม่ใช่วิธีเดียวที่จะเป็นนักดนตรีที่มีศักยภาพ ถ้าเจ้าสามารถปลุกพรในสายเลือดของเจ้าได้ ความสามารถในการควบคุมร่างกายของเจ้าก็จะเพิ่มสูงขึ้น ด้วยสมองอันชาญฉลาดของเจ้า เจ้าอาจจะเป็นนักเปียโนได้ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์”
“แต่ต้องใช้เวลานานแค่ไหนที่เจ้าจะปลุกพรได้?” ไรน์ยักไหล่ของเขา “บางทีสิบปีหรือยี่สิบปีหรือตลอดไป…เจ้าคิดว่าไงละ?”
“การเป็นอัจฉริยะก็ขึ้นอยู่กับความเป็นจริงนะลูเซียน” ล็อตต์หัวเราะ
วิกเตอร์หันมาหาลูเซียน “ถ้าเจ้าแค่อยากที่จะฝึกฝนทำนองที่ค่อนข้างยาก การฝึกฝนอย่างเข้มงวดภายในระยะเวลาอันสั้นอาจเป็นประโยชน์ แต่ไม่สามารถช่วยให้เจ้ากลายเป็นนักดนตรีที่ดีได้ อย่ารีบ ต้องฝึกฝนอย่างหนักเสมอนะลูเซียน” วิกเตอร์ตบไหล่ของลูเซียนเพื่อให้กำลังใจเขา
ลูเซียนมองวิกเตอร์และพยักหน้า
หลังเลิกเรียนลูเซียนเริ่มคำนวณงบประมาณรายเดือน เขาต้องการให้ป้าอะลิซ่าราวสามนาร์ทุกเดือน เพื่อเป็นค่าอาหาร เพราะตอนนี้เขาจะไปกินอาหารกับครอบครัวนี้บ่อยขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น เงินจำนวนมากจะถูกใช้ในการสร้างห้องทดลองเวทมนตร์ลับในอนาคตเมื่อนครอัลโต้สงบและปลอดภัยขึ้น
นอกจากเรื่องเงินแล้ว ลูเซียนกังวลว่าการซื้อเครื่องแก้วมากเกินไปสำหรับการทดลองเวทมนตร์อาจทำให้ศาสนจักรสงสัยมากขึ้น ในตอนนี้ เขาก็ยังไม่มีความคิดดีๆ เขาต้องการเสื้อคลุมสีดำเพื่อที่เขาจะได้เย็บกระเป๋าเล็กๆ หลายๆ ใบเพื่อใช้ใส่ส่วนประกอบเวทหลายๆ ชนิดในอนาคต
ลูเซียนซุกหัวในอ้อมแขนตัวเองและคิดว่า ‘บางที ฉันน่าจะเป็นช่างตัดเสื้อมากกว่าจอมเวท’ ความคิดนี้ทำให้เขาขำตัวเอง
…
ไม่กี่คืนต่อมา ลูเซียนกำลังทบทวนเวทมนตร์ เวทบทสุดท้ายที่เขาวิเคราะห์คือเวทกวัดแกว่งโฮมาน แม้ว่ามันจะเสี่ยงเกินไปที่จะฝึกเวทมนตร์บทนี้ นอกจากนี้ด้วยการกวัดแกว่งความถี่จากการสั่นสะเทือนของพลังจิตตอนนี้ ลูเซียนสามารถทิ้งเครื่องหมายที่มองไม่เห็นบนเป้าหมายซึ่งนั้นทำให้เขามีความสุขมาก
ความเห็นที่ไรน์แสดงออกมาเกี่ยวกับดนตรีนั้น หลังจากผ่านไประยะหนึ่งแล้วความจำของเขาก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้อีกแล้ว การประสานนิ้วมือที่ไม่คล่องของเขากลายเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุด ดังนั้น ลูเซียนจึงยังคงฝึกฝนเพลงเดิมๆ ซ้ำไปมา
ทันใดนั้นลูเซียนได้ยินใครบางคนหรือบางสิ่งบางอย่างกำลังเข้ามาใกล้กระท่อมของเขาอย่างรวดเร็ว
ลูเซียนซ่อนสิ่งของทั้งหมดของเขาไว้ใต้เตียงอย่างรีบเร่งและยืนอยู่ตรงนั้นในท่าป้องกัน
*ก๊อก ก๊อก ก๊อก*
หน้าต่างเปิดออกเอง!
ลูเซียนรู้สึกถึงพลังเวทมนตร์ที่คุ้นเคยแผ่เข้ามาด้านใน เขาตื่นเต้นมาก แต่ก็รู้สึกประหม่า นั่นเป็นนักเวทฝึกหัดอีกคนหรือเป็นนักเวทตัวจริงกันแน่?
นกฮูกสีน้ำตาลอ่อนบินผ่านเข้ามาทางหน้าต่างและถลาลงบนโต๊ะ ลูเซียนรู้สึกว่ามันมีใบหน้าที่เย่อหยิ่ง แล้วนกฮูกก็เริ่มพูดด้วยเสียงที่แข็งกร้าว
“เจ้าควรเปิดหน้าต่างให้ข้า เจ้าหนุ่มน้อย”
ลูเซียนไม่ได้หวาดกลัวเสียทีเดียว ในบันทึกของแม่มดก็พูดถึงสัตว์บางชนิดที่สามารถพูดได้ บางครั้งพวกมันก็อาจเป็นนักเวทที่แปลงเป็นสัตว์เสียเอง หรือเป็นสัตว์เลี้ยงที่ถูกอัญเชิญออกมา อย่างไรก็ตาม ลูเซียนยังไม่แน่ใจว่านกฮูกตัวนี้เป็นอย่างไหนกันแน่
นกฮูกที่หยิ่งตัวนี้มองดูลูเซียนจากด้านบนลงล่าง แล้วมันก็เริ่มพูดอีกครั้งว่า “อย่ากลัวไปเลยเจ้าหนุ่ม ตราบใดที่เจ้าตอบคำถามของข้าอย่างซื่อสัตย์ ลอร์ดโดโรจะไม่ทำร้ายเจ้า”
ลูเซียนพยักหน้าและรู้สึกสับสนเล็กน้อย…ใครคือลอร์ดโดโร?
นกฮูกก้าวไปข้างหน้าและมองเข้าไปในดวงตาของลูเซียน “ฟังคำถามของข้า…หลังจากนักเวทฝึกหัดตาย มีนักเวทชายหญิงคนไหนมาเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างหรือไม่?”
……………………………………….