หลินยู่ชังรับสายโทรศัพท์ขึ้นมาทันที และหลังจากพูดไปไม่กี่คำ เขาก็วางสายอีกครั้ง หายใจออก และพูดว่า “บอสใหญ่มาถึงแล้ว”
คำพูดนี้คือพูดกับฉินซาน หลังจากที่ฉินซานได้ยินเขาก็ลุกขึ้นนั่ง โดยจะเห็นได้ว่าบอสใหญ่คนนี้จะมีน้ำหนักมากแค่ไหน
หลินยู่ชังมองไปที่ไป๋ยี่เฟยและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “บอสใหญ่มาแล้ว นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของคุณ ถ้าคุณพูดออกมา จะไม่ทำให้คุณเสียเปรียบโดยธรรมชาติ”
“แต่ถ้าคุณรอจนกว่าบอสใหญ่จะบังคับให้คุณพูดออกมาด้วยตัวเอง มันก็จะไม่เหมือนกันแล้ว ผมไม่คิดว่าคุณอยาจะกลอกับวิธีการของบอสใหญ่แน่นอน”
ไป๋ยี่เฟยเย้ยหยัน “มันก็แค่ความตาย ผมไม่กลัว”
หลินยู่ชังถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อได้ยินคำพูดนั้น “คุณคิดง่ายเกินไป”
หลังจากพูดจบ หลินยู่ชังก็หันหลังเดินออกไป ฉินซานก็เดินตามออกไปด้วย
ไป๋ยี่เฟยไม่รู้ว่าใครเป็นบอสใหญ่ เพราะมันไม่สำคัญสำหรับเขาที่จะเป็นใคร
เขายิ่งไม่สนเลย หลี่เสว่ไม่ได้อยู่ในมือพวกเขา ยังไงเขาก็จะไม่พูด และแม้ว่าหลี่เสว่จะอยู่ในมือพวกเขาจริงๆ เขาก็จะไม่พูดออกมา
ไม่ใช่ว่าไม่ใส่ใจหลี่เสว่พอ แต่เพราะถ้าหลี่เสว่ตายไปแล้ว เขาก็จะตายไปพร้อมกับเธอ
และผู้คนมากมายในโลกใบนี้ที่เป็นเหมือนเขาและหลี่เสว่ มีคนที่ห่วงใยอยู่ในใจของกันและกัน
ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถยอมรับได้ เพียงเพราะภรรยาของเขา และทำให้โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นกับเขาและหลี่เสว่อีกจำนวนมากมายที่อยู่ในโลกใบนี้
ไป๋ยี่เฟยก้มศีรษะลงและพูดเบาๆ ว่า “ภรรยา ผมขอโทษ”
“ดาดาดา………”
ทันใดนั้น เสียงของรองเท้าส้นสูงเหยียบลงบนพื้น ทำให้ไป๋ยี่เฟยเงยหน้าขึ้นมาทันที
เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง!
จากนั้นพวกเขาก็เดินเข้าไปในห้อง
มีทั้งหมดสามคน สองคนในนั้นคือหลินยู่ชังและฉินซาน และอีกคนหนึ่งที่เหลือกำลังเดินอยู่ข้างหน้าของพวกเขา เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง และไป๋ยี่เฟยก็เคยเจอด้วย
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงตกตะลึงไปเมื่อเห็นมัน รู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อย
ในความเห็นของเขา บอสใหญ่คนสุดท้ายคนนี้น่าจะเป็นคนที่ทรงพลังมาก แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง และเป็นผู้หญิงคนที่เขาเคยเจอมาก่อนอีกด้วย
เหลียงเหว่ยชาว น้องสาวของเหลียงหมิงเยว่
แต่ทั้งๆ ที่เหลียงหมิงเยว่ถูกนักพรตเต๋าและหลินยู่ชังฆ่าตาย เพราะอะไร?
ไป๋ยี่เฟยคิดไม่ออก รู้สึกว่าสมองของเขาหยุดทำงาน
เหลียงเหว่ยชาวสวมใส่ชุดราตรี มีรอยยิ้มจางๆ อยู่บนใบหน้าของเธอ หากไม่ใช่ว่าปรากฏตัวอยู่ในสถานที่แบบนี้ ไป๋ยี่เฟยคงจะคิดว่าเธอกำลังจะไปร่วมงานเลี้ยงบางอย่าง
เหลียงเหว่ยชาวเดินเข้าไปหาไป๋ยี่เฟย ก้มศีรษะลงและมองลงไปที่ไป๋ยี่เฟย ยิ้มและพูดว่า “แปลกใจมากใช่มั้ย?”
ไป๋ยี่เฟยจ้องเขม็ง โดยพูดไม่ออกเลย
“ไม่ต้องรู้สึกแปลกใจมากนัก เพราะความฝันของแต่ละคนมันต่างกัน ความฝันของฉันเป็นสิ่งที่คุณนึกภาพไม่ออกหรอก เพื่อที่จะทำให้ความฝันของฉันเป็นจริง ฉันสามารถเพิกเฉยต่อทุกอย่างได้ รวมถึงพี่ชายที่ไม่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดคนนั้นด้วย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกถึงความหนาวสั่นอยู่ในหัวใจ
เขาไม่สามารถจินตนาการออกได้เลยว่า คนคนหนึ่งจะสามารถเลือดเย็นได้ที่จะไปวางแผนฆ่าญาติพี่น้องของตังเองแท้ๆ และเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ยังมีการแสดงออกแบบโอ้อวดเล็กน้อย และไม่มีความคิดว่ามันไม่ควรเป็นเช่นนั้นเลยสักนิด
เหลียงเหว่ยชาวพูดเบาๆ ว่า “ว่ามา คุณมีเงื่อนไขอะไร ถึงจะบอกตำแหน่งของคลังเก็บทองแก่ฉันได้?”
“ไม่ว่าเงื่อนไขใดๆ ผมก็จะไม่พูด” ไป๋ยี่เฟยตอบกลับว่า
เหลียงเหว่ยชาวไม่ได้โกรธ และยังยิ้ม “ไม่มีอะไรแน่นอนในโลกนี้ และเรื่องๆ หนึ่งจะทำได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับความยากของมัน”
“และฉันคิดว่าเรื่องนี้มันไม่ได้ยากเลย”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจคำพูดของเหลียงเหว่ยชาวเลย คำพูดของอีกฝ่ายมั่นใจเกินไป จนทำให้เขาไม่เชื่อเลย “ยังจะมีอะไรที่จะน่ากลัวไปกว่าความตายเหรอ? ”
“ผมไม่กลัวตาย ดังนั้นผมจึงไม่เชื่อว่าคุณจะมีวิธีที่จะทำให้ผมประนีประนอมได้” ไป๋ยี่เฟยพูด และหัวเราะ
เหลียงเหว่ยชาวยิ้มอย่างแผ่วเบาและพูดว่า “ฉันไม่เชื่อเลยว่า ไม่มีใครจะไม่กลัวความตาย แน่นอน ที่คุณพูดแบบนี้มันก็ทำให้ฉันประหลาดใจเล็กน้อย”
“งั้นต่อให้สิ่งที่คุณพูดเป็นความจริง คุณก็ไม่กลัวความตายจริงๆ แล้วยังไงล่ะ?”
“ต่อให้ไม่กลัวตาย ก็ยังคงมีจุดอ่อนอื่นๆ อยู่เสมอ”
“ไม่ใช่แค่คุณมีจุดอ่อน ทุกคนก็มีจุดอ่อน รวมถึงฉันด้วย”
ไป๋ยี่เฟยเหลือบมองเธอ และพูดอย่างแผ่วเบาว่า “คุณพูดถูก แต่ก็ไม่สามารถโน้มน้าวใจผมได้”
เหลียงเหว่ยชาวยิ้มเล็กน้อย “ไม่ คุณคิดผิดไปแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยเงยหน้าขึ้นมองเขา และพูดอย่างไม่เชื่อว่า “ผมไม่เชื่อ”
เหลียงเหว่ยชาวหัวเราะเบาๆ แล้วพูดอย่างแผ่วเบาว่า “ฉันจะให้คุณดูว่า คุณจะเชื่อหรือไม่กันแน่?”
“พาคนเข้ามา”
ไป๋ยี่เฟยตกใจเมื่อได้ยินคำพูดนี้ และอดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่า หรือจะเป็นหลี่เสว่?
พวกเขาจับตัวหลี่เสว่มาจริงๆ หรือ?
แต่ถ้าเป็นเช่นนี้จริงๆ ทำไมเมื่อกี้ไม่พาหลี่เสว่เข้ามาล่ะ?
อย่างไรก็ตามเมื่อผู้หญิงสองคนถูกนำตัวเข้ามา ดวงตาของไป๋ยี่เฟยก็เบิกกว้าง เขามองขึ้นไปที่เหลียงเหว่ยชาวและพูดอย่างโกรธเคืองว่า “มึงแม่งบ้าไปแล้วหรือ เรื่องนี้มันเกี่ยวกับพวกหล่อนอะไร?”
ผู้หญิงสองคนที่ถูกพาตัวเข้ามาถูกโยนลงกับพื้นอย่างกับสิ่งของต่างๆ แต่พวกเขาทั้งหมดถูกมัดตัว และล้มลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง
หนึ่งในนั้นคือโจวฉวี่เอ๋อ เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นฉินซาน และก็เห็นไป๋ยี่เฟย จากนั้นเธอก็หัวเราะเยาะตัวเองและพูดว่า “นี่คือสิ่งที่คุณสัญญาไว้เหรอ ที่บอกว่าจะช่วยฉันในการช่วยชีวิตคนงั้นหรือ?”
ฉินซานพูดอย่างเฉยเมยว่า “มันเป็นเพียงแค่การเล่นละครเท่านั้น จะจริงจังกับมันไปเพื่ออะไรล่ะ?”
ดวงตาของโจวฉวี่เอ๋อเบิกกว้าง จ้องมองไปที่ฉินซาน ในดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ
และผู้หญิงอีกคนก็คือเหลียงยู่
เหลียงยู่รู้สึกประหลาดใจมากเมื่อเห็นเหลียงเหว่ยชาว และกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “คุณป้า นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
เหลียงเหว่ยชาวยิ้มเล็กน้อย และพูดกับเหลียงยู่ว่า “เสี่ยวยู่ คุณป้าไม่มีทางเลือก เพื่อประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของคุณป้า จำเป็นต้องให้คุณทนทุกข์ชั่วคราว”
เหลียงยู่มองไปที่เหลียงเหว่ยชาวอย่างไม่น่าเชื่อ และตะโกนว่า “ฉันเป็นหลานสาวของคุณ ทำไมคุณถึงทำเช่นนี้? ”
เหลียงเหว่ยชาวพูดด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงว่า “แม้แต่พี่ชายฉันยังกล้าที่จะฆ่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลานสาวของฉันเลย?”
“อะไรนะ?”
“คุณคือคนที่ฆ่าพ่อฉันเหรอ?”
เหลียงยู่ตกตะลึงไปทั้งคน
ไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกสับสนในเวลานี้
เขามองดูสถานการณ์ในปัจจุบัน และบังคับตัวเองให้สงบ เขาต้องการปลอมตัวเองให้เป็นคนที่เลือดเย็น มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น เหลียงเหว่ยชาวจึงจะคิดว่าผู้หญิงสองคนนี้ไม่สามารถข่มขู่เขาได้ และปล่อยพวกเขาไป
ดังนั้น หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยสงบสติลง เขาก็พูดอย่างเย็นชาว่า “เหลียงเหว่ยชาว ผมอยู่ที่นี่ ผมห่วงแต่ภรรยาของผมเท่านั้น พวกเขา เทียบไม่ได้เท่าภรรยาของผมหรอก”
“อย่างนั้นหรือ?” เหลียงเหว่ยชาวพูดเบาๆ “ลองดูแล้วจะรู้”
เหลียงเหว่ยชาวตั้งเป้าไปที่โจวฉวี่เอ๋อ มองดู และส่ายหัวอย่างอดไม่ได้และพูดว่า “นี่ดูดีจริงๆ เพียงแต่น่าเสียดายจัง……..”
จากนั้นเหลียงเหว่ยชาวก็หันไปมองฉินซาน ยิ้มแล้วพูดว่า “คุณไม่ใช่ว่าอยากได้ผู้หญิงคนนี้เหรอ? ตอนนี้เป็นโอกาศที่ดีที่สุด”
“อยู่ที่นี่เหรอ?” ฉินซานหยุดชั่วคราว
เหลียงเหว่ยชาวพยักหน้า “อยู่ที่นี่แหละ”
หลังจากพูดจบ เหลียงเหว่ยชาวก็เหลือบมองเหลียงยู่ และพูดกับหลินยู่ชังว่า “คนนี้คุณจะเอาไหม?”
หลินยู่ชังส่ายหัวและพูดว่า “บอสใหญ่ คุณก็รู้ว่า ผม…….”
เหลียงเหว่ยชาวไม่สนใจ “งั้นก็หาลูกน้องคนใดคนหนึ่งมา มันก็เหมือนกัน”
สีหน้าของเหลียงยู่ซีดเมื่อได้ยินคำพูดนี้ และใบหน้าของเขาเป็นสีเทาราวกับขี้เถ้า
หลินยู่ชังหันศีรษะ และเรียกบอดี้การ์ดคนหนึ่งที่ประตูเข้ามา
รูปร่างของบอดี้การ์ดทั้งสูงและแข็งแรง กล้ามเนื้อทั้งทั่วร่างกาย เมื่อเทียบกับผู้หญิงตัวเล็กอย่างเหลียงยู่แล้ว ก็เหมือนกับผู้ใหญ่และเด็กเล็กเลยทีเดียว
เมื่อบอดี้การ์ดได้ยินว่าเป็นเรื่องแบบนี้ เขาก็ถูมือด้วยความตื่นเต้น และแทบรอไม่ไหวที่จะดึงตัวเหลียงยู่ขึ้นมาจากพื้น
เมื่อเห็นใบหน้าที่สวยงามของเหลียงยู่ ก็กอดเธอไว้แล้วทั้งจับและจูบเธอ
เหลียงยู่ไม่ได้ขัดขืน เพราะตอนนี้เธอเป็นเหมือนซอมบี้ สายตาของเธอเพียงแค่จับจ้องไปที่เหลียงเหว่ยชาวเท่านั้น ไม่สนใจเลยว่ามีใครกำลังทำร้ายเธออยู่
เหลียงเหว่ยชาวมองไปที่ฉินซานด้วยท่าทางอ่อนๆ และฉินซานก็ยักไหล่เมื่อเห็นเช่นนี้ “แม้ว่าจะไม่ค่อยชอบการแสดงในที่สาธารณะ แต่ว่า มันก็เป็นสิ่งที่ผมคิดมาเป็นเวลานานแล้ว งั้นผมก็ไม่เกรงใจแล้ว”
ดังนั้นฉินซานจึงย่อตัวลง บีบคางของโจวฉวี่เอ๋อด้วยมือของเขา และจูบลงไปโดยตรง