คนที่อยู่ใต้เวทีเหล่านั้นร้องไชโยเหลือเกิน จากนั้นก็คือหัวเราะเยาะต่างๆนานา
“ก็แค่ไก่อ่อนคนหนึ่งอย่างนี้หรือ?”
“คุณดูลักษณะท่าทีเขาดั่งคนตายแบบนั้น ถึงกับว่าในบ้านมีคนตายแล้ว!”
“แม้แต่คุณชายติงล้วนกล้าล่วงเกิน ช่างหาความตายจริงๆ!”
เสียงของคนเหล่านี้ฟางหยันล้วนได้ยินแล้ว ในใจเธอทรมานมาก แต่กลับโมโหมากอีก “ฉันก็บอกว่าไม่เอาแล้ว คุณขึ้นไปทำไมหรือ? ใครจะให้คุณไปอวดอ้างความสามารถล่ะ?”
ไป๋ยี่เฟยกลับไม่มีอารมณ์ ก็ไม่มีสมองไปคิดเรื่องเหล่านี้เช่นกัน
เขารู้ว่าตนเองอั้นเอาไว้มาโดยตลอด ดังนั้นก็รู้อย่างชัดเจนด้วย ถ้าเขาไม่ระบายออกมาอีกจะเกิดเรื่องจริงๆ
ด้วยเหตุนี้ไป๋ยี่เฟยโค้งคำนับหนึ่งที พูดกับคุณชายติงว่า “ขอบคุณ”
คุณชายติงมึนงงเต็มใบหน้าจ้องมองไป๋ยี่เฟย “คุณหมายความว่าอะไรหรือ?”
“เมื่อกี้ผมกำลังก่อกวนอยู่นะ ไม่ ไม่ถูกคือกำลังจีบแฟนสาวของคุณอยู่ คุณกลับกลายเป็นพูดกับผมว่าขอบคุณหรือ?”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหัวต่อๆกันพูดเบาๆว่า “เธอไม่ใช่แฟนสาวของผม”
“ขอบคุณ เนื่องเพราะว่าคุณให้ผมมีโอกาสระบาย”
คุณชายติงยังคงไม่เข้าใจเต็มใบหน้า “โอกาสระบายหรือ?”
ไป๋ยี่เฟยเห็นแบบนี้ได้แต่ตรงเปะชัดเจนพูดว่า “ความหมายก็คือขอบคุณที่ให้ผมชกคุณ”
คุณชายติงได้ยินคำพูดนี้ทันใดนั้นก็โมโหแล้ว “แม่มึงเอ่ยไอ้ควย กูยังคิดว่ามึงถูกทำให้ตกใจจนอึ้งแล้ว ผลลัพธ์คือดัดจริตอยู่ แม่มึงเอ่ย มึงรู้ไหมว่ากูเป็นใครหรือ?”
คนอยู่ใต้เวทีเริ่มโห่ร้องด่าไป๋ยี่เฟยอีก
“ดัดจริตถูกฟ้าผ่านะ!”
“คุณชายติงรีบต่อยเขา!”
“ต่อยให้เขากลายเป็นคนซื่อตรง ก็จะรู้ว่าคุณชายติงไม่ได้แส่หาเรื่องง่ายๆขนาดนั้นล่ะ!”
คุณชายติงตอนนี้โมโหมาก ไม่อยากพูดจาไร้สาระกับไป๋ยี่เฟย พุ่งไปยังไป๋ยี่เฟยโดยตรง ก็จะเตะเหยียบลงที่หัวของเขาหนึ่งที
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้หลบไปข้างหลังเลย แต่พุ่งไปข้างหน้า ชนไปที่หน้าอกของคุณชายติงโดยตรง เตะเหยียบลงท่านี้ไม่ได้เตะลงไปเลยสักนิด ก็ยังเพราะเหตุนี้เกือบจะยืนไม่มั่นคง
ไป๋ยี่เฟยจับแขนของคุณชายติงไว้ทันที ทั้งมืออีกข้างหนึ่งทั้งกดไหล่ของเขาไว้ กดทับคนไว้กับพื้น ยกกำปั้นของตนเองขึ้นมาก็คือชกรั่วๆไปพักหนึ่ง
“ปั้ง ปั้ง ปั้ง……”
ท่าทางนี้เหมือนกับชกรั่วๆหนึ่งยกของฉินซานอย่างมาก
คุณชายติงถูกชกจนไร้เรี่ยวแรงจะโต้คืนสักนิด ได้เพียงแต่ร้องทรมานเศร้าโศก “อ่า อย่าชกเลย อย่าชกเลย ผมยอมแพ้ อ่า อย่าชกเลย!”
คนทั้งหลายที่อยู่ใต้เวทีเห็นฉากนี้ต่างคนต่างประหลาดใจจนอ้าปากค้าง เหมือนดั่งคางตก
คุณชายติงเป็นแชมป์เทควันโดของจังหวัดนะ ทำไมถูกคนชกจนไร้เรี่ยวแรงโต้คืนสักนิดล่ะ?
คนทั้งหลายล้วนไม่กล้าเชื่อฉากนี้
ฟางหยันก็ประหลาดใจจนอ้าปากค้างเช่นกัน อึ้งชะงักอยู่กับที่
บาร์ที่เดิมทีเจี้ยวจ้าวคึกคักมาก อยู่ดีๆเงียบลงมาเลย แม้แต่ดนตรีที่ฮึกเหิมเหล่านั้นก็หยุดแล้วเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้เสียงที่ไป๋ยี่เฟยชกคุณชายติง ก็ยิ่งทำให้คนมองข้ามไม่ได้แล้ว
คุณชายติงร้องเศร้าโศกขอร้องให้ยกโทษให้อย่างไม่หยุดยั้ง แต่ไป๋ยี่เฟยไม่ได้หยุดมือเลย
คนที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ล้วนอาจคิดว่าไป๋ยี่เฟยกับคุณชายติงมีความแค้นที่ไม่ยอมอยู่ร่วมโลกเดียวกัน
แต่ถ้าหากว่าไป๋หยุนเผิงเห็นไป๋ยี่เฟยในตอนนี้ ก็จะตื่นตกใจหนึ่งทีเช่นกัน เพราะว่าอยู่นัยน์ตาของไป๋ยี่เฟยส่งแสงสีแดงที่แปลกประหลาดเล็กน้อยนั้นระยิบระยับอีกครั้ง
“อย่าชกเลย ผมไม่กล้าอีกแล้ว ปล่อยผมไปเถอะ ขอร้องคุณล่ะ”
เสียงคุณชายติงขอร้องให้ยกโทษให้ดูเหมือนยิ่งมายิ่งเบา
มีคนรู้สึกว่าถึงจุดนี้ ถ้าหากว่าถูกชกต่อไปอีก เกรงว่าผู้ชายคนนี้จะต้องชกคุณชายติงจนตาย
ดังนั้นมีคนพุ่งเข้าไป ขัดขวางไป๋ยี่เฟย
หลังจากไป๋ยี่เฟยถูกทุกคนดึงออกแล้ว แสงสีแดงที่อยู่นัยน์ตาหายไปแล้ว แต่เลือดกลับเต็มกำปั้น
เขาไม่ได้ไปดูคุณชายติงว่าถูกชกจนเป็นยังไงเลย ก็ไม่ได้ใส่ใจคนอื่นๆเช่นกัน แต่หมุนตัวเดินออกไปโดยตรง
ไม่มีคนกล้าไปขวางไป๋ยี่เฟย คนหนึ่งเป็นไป๋ยี่เฟยที่แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ยังมีอีกคนหนึ่งเป็นคุณชายติงตอนนี้บาดเจ็บไม่เบา พวกเขาล้วนห่วงใยอาการของคุณชายติงอยู่
ฟางหยันล้วนตะลึงงันไปแล้วทั้งตัว
เธอมองเห็นไป๋ยี่เฟยเดินขึ้นเวที ชกคนลงจากเวทีอีก เดินผ่านข้างกายเธอ สุดท้ายออกจากบาร์เลย
เธออึ้งชะงักอยู่กับที่ไปนานมาก อยู่ดีๆจากนั้นมีปฏิกิริยาขึ้นมา เมื่อกี้ไป๋ยี่เฟยในใจย่อมมีเรื่องแน่นอน อีกครั้งยังเป็นเรื่องที่ไม่มีวิธีคลายออกอย่างนั้น
แต่อยู่ในเวลานี้ อยู่ดีๆใจของเธอขยับหนึ่งที อยู่ดีๆเธอมีความรักเอ็นดูกับผู้ชายคนนี้เล็กน้อย
ดังนั้นหลังจากคืนสติรีบตามออกไปทันที และอยู่ในเวลานี้เธอจึงมีปฏิกิริยาขึ้นมา จนถึงเวลานี้ เธอล้วนยังไม่รู้ว่าฝั่งตรงข้ามชื่ออะไร
“รอเดี๋ยว……”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจฟางหยันเลย เขาเพียงแค่ก้มหัวเดินต่อไปข้างหน้า
คนอื่นๆที่เดินอยู่บนถนนมองเห็นกำปั้นของเขาเลือดหยดอยู่ ต่างคนต่างตกใจจนหลีกทาง
ฟางหยันตามเข้าไป ถามอย่างระมัดระวังว่า “คุณเป็นยังไงหรือ? ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ไป๋ยี่เฟยพูดเสียงเข้มว่า “อย่ามาใกล้ผม ห่างจากผมยิ่งไกลยิ่งดี”
ฟางหยันอึ้งชะงักหนึ่งที จากนั้นถามไป๋ยี่เฟยว่า “หมายความว่าอะไรหรือ? คุณจะชกฉันหรือ?”
ไป๋ยี่เฟยเดินต่อไปข้างหน้าอีก ไม่ได้ตอบคำถามของฟางหยัน
ฟางหยันตามเข้าไปอีกครั้ง เดินตามเขาทั้งพูดว่า “อย่างน้อยพวกเราก็รู้จักกันมาก่อน ถ้าคุณมีเรื่องลำบากใจอะไรจริงๆก็พูดกับฉันเถอะ ไม่แน่ว่าฉันจะช่วยคุณได้จริงๆ คุณคิดว่าไงล่ะ?”
“พูดได้อีกว่าฉันก็ไม่กลัวคุณเช่นกัน ฉันบอกกับคุณ ฉันรู้จักไป๋ยี่เฟยของพวกคุณในเมืองเทียนเป่ย ฉันเห็นคุณก็ไม่กล้าเตะต้องฉันเช่นกัน!”
ไป๋ยี่เฟยหยุดชะงักหนึ่งที รู้จักผมหรือ?
พวกเรารู้จักกันจริงๆ แต่ไม่คุ้นเคยเลย
ไป๋ยี่เฟยพูดเบาๆว่า “คุณช่วยผมไม่ได้ อีกทั้งถ้าหากว่าคุณตามผมอีกต่อไป ผมจะชกคนจริงๆ”
ฟางหยันดื้อรั้นเดินตามไป๋ยี่เฟยต่อ “ฉันไม่เชื่อหรอก อย่างน้อยฉันก็เป็นดาราที่ได้รับความนิยมมีแฟนคลับมากมายคนหนึ่ง เส้นสายกับเงินทองล้วนมากกว่าคนทั่วไป บนโลกนี้จะไม่มีปัญหาที่ใช้เงินแก้ไขไม่ได้ล่ะ!”
“อีกทั้งคุณจะชกฉันจริงๆหรือ?”
พูดจบ อยู่ดีๆไป๋ยี่เฟยก็หยุด
ฟางหยันไม่ทันตั้งตัวก็หยุดตามไปด้วย
ไป๋ยี่เฟยหมุนตัวไป จ้องมองเธอหนึ่งที พูดอย่างจริงจังว่า “คุณช่วยผมไม่ได้”
“ฉันไม่เชื่อ!” ฟางหยันพูดอย่างดื้อรั้น
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้มองฟางหยันอีก แต่ยื่นมือกวักเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่ง
ฟางหยันมองเห็นไป๋ยี่เฟยขึ้นรถ ก็คิดว่าไป๋ยี่เฟยจะสะบัดเธอทิ้ง จากนั้นไม่เอ่ยอะไรก็ขึ้นรถตามไปเลย
จากนั้นเธอก็เสียใจภายหลังแล้ว
ไป๋ยี่เฟยพูดกับคนขับรถแท็กซี่ว่า “ไปสุสานชิงหลินเมืองเทียนเป่ย”
คนขับรถจ้องมองไป๋ยี่เฟยหนึ่งที ไม่รู้ว่าทำไมโดยจิตใต้สำนึกมีความหวาดกลัวเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดมากอะไร ขับรถไปเลย
ในใจฟางหยันกลับหวาดกลัวขึ้นมา “ฉันว่ากลางคืนคุณไปสุสานจะทำอะไรล่ะ?”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้พูด
ฟางหยันก็ยิ่งหวาดกลัวแล้ว เธอเสียใจภายหลังที่ขึ้นรถกับไป๋ยี่เฟย
ผ่านไปไม่นาน รถแท็กซี่ก็มาถึงสุสานชิงหลิน หลังจากไป๋ยี่เฟยลงจากรถจ่ายเงินไป ฟางหยันไม่มีทางอื่น ก็ลงรถตามไปด้วย
หลังจากฟางหยันลงจากรถมองดูรอบๆมองเห็นรอบๆล้วนมืดตึดตือ อีกทั้งยังมีต้นสนที่อยู่ห่างๆกันหร็อมแหร็ม ดูแล้วก็ทำให้ในใจคนขนลุก
และหลังจากทั้งสองคนลงจากรถ คนขับรถแท็กซี่เหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงทันที ชั่วพริบตาเดียวก็พุ่งออกไปเลย
เสียงดังตูมตามทำให้ฟางหยันตกใจจนขนลุกขึ้นมา
ไป๋ยี่เฟยไม่สนว่าฟางหยันหวาดกลัวขนาดไหน แต่จับข้อมือของฟางหยันไว้โดยตรง ดึงเธอเดินไปยังข้างในสุสาน
ฟางหยันใกล้จะตกใจจนร้องไห้แล้ว “ปล่อยฉันไป รีบปล่อยฉันไป ฉันจะกลับบ้าน!”
ไป๋ยี่เฟยดึงเธอไว้ ไปถึงหน้าป้ายศิลาหน้าหลุมฝังศพของน้องสาวเขาพูดว่า “คุณพูดว่าคุณสามารถช่วยผม งั้นดี นี่เป็นน้องสาวของผม สองวันก่อนเพิ่งจากไป งั้นคุณสามารถทำให้น้องสาวผมกลับมาอีกได้ไหม?”
ฟางหยันนิ่งอึ้งไปเลย
ไป๋ยี่เฟยใช้ความจริงที่อยู่ต่อหน้าบอกกับเธอ เงินไม่สามารถใช้สารพัดประโยชน์ มีบางสิ่งเงินไม่สามารถจัดการได้จริงๆ