บทที่ 667 ถูกตบจนล้มกับพื้น
ด้วยเหตุนี้ ตอนที่รู้ว่ามีคนไล่ตามพวกเขาอยู่ เธอไม่หวาดกลัวเลย สิ่งที่มีเพียงแค่ความโกรธแค้นที่เต็มอก ความแค้นที่เต็มอก เธออยากจะระบายออกมา
ดังนั้น ตอนที่รถVolkswagenคันนั้นแซงหน้าพวกเขา ในทันทีนั้นไป๋เจียวพูดอย่างโหดร้ายว่า “หยุดรถเดี๋ยวนี้ ฆ่าคนในรถให้ฉันทั้งหมด!”
คนขับรถหยุดรถทันที รถหลายคันที่ตามอยู่ข้างหลังก็หยุดเช่นกัน
รถVolkswagenคันนั้นที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาก็หยุดตามไปด้วยเช่นกัน
ในพริบตาเดียว คนทั้งหมดในรถหลายคันที่ลงมารวมกันยี่สิบกว่าคน พวกเขาล้อมรอบไป๋เจียวไว้ตรงกลาง
ไป๋ยี่เฟยผลักประตูรถออก ก็เดินลงมาเช่นกัน
ไป๋เจียวยังนั่งอยู่ในรถ เธอมองผ่านช่องช่องหนึ่งเห็นว่าบนรถทั้งหมดมีเพียงแค่ไป๋ยี่เฟยคนเดียว เห็นแบบนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะอึ้งชะงักหนึ่งที
จากนั้น ไป๋เจียวก็ผลักประตูรถออกเดินลงมาเช่นกัน
ไป๋ยี่เฟยคุณหมายความว่าอะไรล่ะ? มาสกัดเธอด้วยตัวคนเดียวหรือ?
ไป๋ยี่เฟยใบหน้าขึงลับอยู่ เดินไปยังเธอทีละก้าวๆ
เดินไปถึงหน้ารถ บอดี้การ์ดยื่นมือขวางไว้ทันที “หยุดก่อน!”
เสียงเพิ่งจบลง ไป๋ยี่เฟยยกมือกดแขนของบอดี้การ์ดไว้
จากนั้นบอดี้การ์ดคนนั้นเหมือนดั่งโดนของอะไรขนาดยักษ์ทับล้มอย่างนั้น ล้มอยู่กับพื้นโดยตรง
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้มองมากกว่านี้ เดินตรงไปยังข้างหน้า
ทุกคนได้เห็นฉากนี้ ตื่นตะลึงทันที
สีหน้าไป๋เจียวก็เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีกเช่นกัน
วินาทีถัดมา บอดี้การ์ดเจ็ดแปดคนล้อมรอบไป๋ยี่เฟยไว้ ไม่ให้เขาเดินต่อไปข้างหน้าอีก
แต่ว่า ไป๋ยี่เฟยเดินไปข้างหน้า ยกเท้าเตะหนึ่งที คนที่อยู่ข้างหน้าเขาคนนั้นลอยออกไปโดยตรง
ข้างหลังมีคนโจมตีเขา เขาหมุนตัวทันที ชกเข้าไปหมัดหนึ่ง ก็มีบอดี้การ์ดอีกคนหนึ่งถูกชกล้มกับพื้น
บอดี้การ์ดเหล่านี้ล้วนเป็นบอดี้การ์ดที่ฝีมือธรรมดา สำหรับไป๋ยี่เฟยมากล่าวแล้ว แทบจะง่ายดายเหลือเกิน
คนที่สร้างความคุกคามให้กับไป๋ยี่เฟยได้มีเพียงแค่จิงหลัวคนเดียว แต่จิงหลัว ไม่ได้เป็นกลุ่มเดียวกันกับไป๋เจียวแล้ว
ล้วนไม่ถึงวินาที บอดี้การ์ดเจ็ดแปดคนล้วนถูกไป๋ยี่เฟยชกล้มอยู่กับพื้น คราวนี้ไม่มีคนขวางไป๋ยี่เฟยได้อีกแล้ว
บอดี้การ์ดอื่นๆเห็นสภาพต่างคนต่างจะคว้าอาวุธของตนเองออกมา
แต่ไป๋เจียวยกมือห้ามพวกเขาไว้ ให้พวกเขาอย่าบุ่มบ่าม ส่วนตัวเองสองมือกอดอก เย่อหยิ่งเชิดคางของตนเองขึ้นมา พูดอย่างอยู่เหนือกว่าว่า “ไป๋ยี่เฟย ตามมาไกลขนาดนี้ อยาก……”
แต่ว่า คำพูดของเธอยังพูดไม่จบ ไป๋ยี่เฟยเดินมาถึงข้างหน้าแล้วยกมือก็คือตบหนึ่งที
“เพียะ!”
คำพูดของไป๋เจียวหยุดทันที นิ่งอึ้งไปแล้วทั้งตัว
คนอื่นๆล้วนอึ้งชะงักเลย
ต่อจากนี้ มีบอดี้การ์ดหลายคนคว้ามีดออกจากหน้าอกของตนเองแล้ว
อยู่ดีๆไป๋ยี่เฟยกลับหมุนตัว ชี้หน้าร้องตะโกนบอกกับบอดี้การ์ดเหล่านั้นว่า “แม่มึงเอ่ยถ้าขยับไปทั่วอีก วันนี้ใครๆล้วนอย่าคิดจะออกจากเมืองเทียนเป่ย!”
ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยโมโหมาก โกรธแค้นมาก
ความโกรธแค้นแบบนี้ใกล้จะเป็นรูปธรรมแล้ว ดูเหมือนมีไฟกองหนึ่งกำลังเผาอยู่ในใจของเขา
เสียงร้องตะโกนนี้ของไป๋ยี่เฟย ทำให้บอดี้การ์ดเหล่านั้นล้วนไม่กล้าขยับอีก มีความหวาดกลัวเล็กน้อย แถมยังถอยหลังสองก้าว
คราวนี้ไม่มีใครกล้าเข้ามาอีกแล้ว
ไป๋เจียวจับหน้าไว้ จ้องเขม็งไป๋ยี่เฟยอย่างไม่น่าเชื่อ “คุณกล้าตบฉันหรือ?”
“เพียะ!”
ไป๋ยี่เฟยตบเธออีกหนึ่งที
“อ่า!”
ไป๋เจียวร้องทรมานเสียงหนึ่ง ร่างกายเบี้ยวทันที ยืนหยัดไว้บนรถเก๋ง
ไป๋ยี่เฟยเย็นชาจ้องมองไป๋เจียว “ไป๋เจียว! ผมไม่ฆ่าคุณ ไม่ได้เนื่องเพราะคุณคือคนของตระกูลไป๋เลย แต่คือเนื่องเพราะคุณโง่เขลาจนหมดทางเยียวยา โง่เขลาจนทำให้ผมรู้สึกน่าสงสารมาก!”
“ตบคุณ เพราะว่าตอนที่การวางหมากของคุณ อยากจะฆ่าพี่น้องของผม ตอนนี้คุณควรที่จะรู้สึกโชคดีมาก เขายังมีชีวิตอยู่ มิฉะนั้นแม่มึงเอ่ยพวกคุณล้วนต้องถูกฝังเป็นเพื่อนเขา!”
ไป๋ยี่เฟยพูดคำนี้จบ ไม่ว่าคนอื่นๆจะมีปฏิกิริยาอะไร หมุนตัวเดินออกไปโดยตรง
ไม่นาน ไป๋ยี่เฟยขับรถไปเลย ไม่มีคนกล้าขวางเขา
ไป๋เจียวถูกตบสองที ในเวลานี้ก็โกรธแค้นเหลือเกินเช่นกัน แต่เนื่องเพราะคำพูดของไป๋ยี่เฟยเมื่อกี้ ทำให้ตกใจแล้ว ไม่กล้าให้คนไปแก้แค้นคืนให้เธอเลย
ในที่สุดพวกบอดี้การ์ดก็คืนสติกลับมาแล้ว ยื่นมือไปพยุงไป๋เจียว ไป๋เจียวกลับสะบัดบอดี้การ์ดออกทันที โมโหพูดว่า “สวะไอ้ขยะคนหนึ่ง!”
……
ไป๋ยี่เฟยไม่ใช่คนที่ชอบฆ่าสุ่มสี่สุ่มห้าอะไร ดังนั้นเขาไม่ได้ฆ่าไป๋เจียวเลย แต่ว่านี่ไม่ได้เกี่ยวว่าเขาคือคนของตระกูลไป๋สักนิด
ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้เช่นกันว่า หลังจากไป๋เจียวทำการวางหมากแล้วกลับถูกหลี่จู้ทำลายเลย ตอนนี้หลี่จู้ก็ตายแล้วเช่นกัน พวกเขาจากนี้เป็นต้นไป ก็เป็นแค่คนแปลกหน้า
แต่ว่า ในใจไป๋ยี่เฟยก็คือมีไฟกองหนึ่งอยากจะระบาย เพราะว่าเขาเสียใจภายหลังว่าตนเองล่าช้าไม่บอกกับฉีฉี ทำให้สวีลั่งได้รับบาดเจ็บอีก ดังนั้นเขาจึงไล่ตามเอาไฟกองนี้ระบายอยู่บนกายไป๋เจียว
หลังจากไป๋ยี่เฟยกลับไปโรงพยาบาล เฉินห้าวเข้ามาหาทันที
ไป๋ยี่เฟยพูดกับเฉินห้าวว่า “ไปซื้อผลไม้เล็กน้อย พวกเราไปเยี่ยมเย่ฮวนกับสวี่ชางสักหน่อย”
“ได้” เฉินห้าวพยักหน้าขานรับ หมุนตัวก็ออกจากโรงพยาบาลเลย
……
ไป๋ยี่เฟยกลับมาที่ห้องผู้ป่วยอีกครั้ง แต่ว่าตอนที่จะเข้าไป ถูกฉีฉีผลักออกมาเลย
ฉีฉีตาเย็นชาจ้องมองไป๋ยี่เฟย “ตามฉันมา”
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองห้องผู้ป่วยหนึ่งที หยางเฉียวเฝ้าอยู่ข้างๆ สวีลั่งดูเหมือนยังไม่รู้สึกตัว
จากนั้นไป๋ยี่เฟยพูดว่า “ตามผมมาดีกว่าล่ะ”
พูดอยู่ไป๋ยี่เฟยพาไปที่ออฟฟิศคณบดี
หลังจากเข้าไป ไป๋ยี่เฟยเทน้ำชาให้กับฉีฉี ฉีฉีไม่ได้รับ ไป๋ยี่เฟยก็ได้แต่วางไว้บนโต๊ะ
ฉีฉีพูดว่า “ฉันพูดเพียงแค่ไม่กี่คำ”
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองเธออยู่อย่างราบเรียบ
ฉีฉีเอ่ยปากพูดว่า “ฉันเพิ่งหาพี่ชายของฉันเจอ ฉันไม่เข้าใจว่าเขาเป็นคนยังไงเลย แต่ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนยังไง”
“คุณที่ต่อจากนี้ไปจะต้องเผชิญหน้ากับเรื่องที่ล่อแหลมอันตรายยิ่งกว่า ทุกเวลาล้วนอาจจะเสียชีวิตได้ คนที่อยู่ข้างกายคุณ ก็จะด้วยเหตุนี้เสียชีวิตตามไปเช่นกัน”
“พี่สะใภ้บอกว่าพี่ชายฉันหนักน้ำใจไมตรี หนักความชอบธรรม จะไม่ออกจากคุณ ดังนั้นหลังจากรอเขาหายดีแล้ว จะไม่รับข้อเสนอของคุณอย่างเด็ดขาด”
“ฉันหวังว่าตอนที่คุณพูดอยู่ท่าทีเด็ดเดี่ยวหน่อย ฉันไม่อยากให้พี่ชายฉันตามคุณเข้าออกความตายอีกแล้ว”
“ชีวิตชาตินี้ของพี่ชายฉัน ผ่านอย่างลำบากขนาดนี้ฉันหวังว่าวันเวลาหลังจากวันนี้เป็นต้นไปเขาสามารถอยู่ได้อย่างสงบสุข”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดเหล่านี้ อมยิ้มหนึ่งที “วางใจเถอะ ถึงแม้ว่าคุณไม่พูด ผมก็จะทำเช่นนี้เหมือนกัน”
“ดีที่สุดก็เป็นเช่นนี้” ฉีฉีพูด “แต่ว่าไม่ว่าพูดยังไง เป็นคุณที่ช่วยฉันหาพี่ชายจนเจอ พวกคุณก็เป็นพี่น้องที่ดีต่อกันอีก ดังนั้นบุญคุณนี้ฉันจำไว้แล้ว”
“เพียงแค่คุณพูดคำไหนคำนั้น ทองคำแท่งเหล่านั้นคุณไม่ไปแตะต้องอีก ฉันก็จะช่วยคุณรักษาความลับนี้ไว้ล่ะ”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดจ้องมองฉีฉีอย่างแปลกใจ
ฉีฉีกลับไม่ได้ไปมองไป๋ยี่เฟย หมุนตัวเดินออกไปโดยตรง
แต่ตอนที่เดินไปถึงข้างประตู ฉีฉีดูเหมือนนึกอะไรขึ้นมา หันกลับไปบอกกับไป๋ยี่เฟยว่า “ใช่แล้ว เตือนสติคุณสักหน่อย ซาเฟยหยางมีปัญหา”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดขมวดคิ้วเล็กน้อย
ก่อนหน้านั้นหลี่เสว่เคยบอกกับเขามาก่อน ตัวจริงของซาเฟยหยางตายไปแล้ว หลี่เสว่ก็เคยเห็นที่สุสานมาด้วยตนเองเช่นกัน นั่นเป็นศพของซาเฟยหยางจริงๆ
ดังนั้น ไป๋ยี่เฟยในเวลานี้ นึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมา คนคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงระดับเดียวกันกับซาเฟยหยาง
แต่เขาไม่ใส่ใจสิ่งเหล่านี้เลย เพียงแค่ซาเฟยหยางไม่ทำร้ายเขากับเพื่อนของเขา เขาก็จะไม่ใส่ใจมากกว่านี้
ไป๋ยี่เฟยยังคงพูดกับฉีฉีคำหนึ่งว่า “ขอบคุณมาก”
ฉีฉี ฮึ เสียงหนึ่ง หันหน้าไปอยากจะออกไป แต่เพิ่งหันหน้าไป ก็เห็นเลยว่าซาเฟยหยางยืนอยู่ข้างหน้าเธอ
ฉีฉีตื่นตะลึงอย่างกะทันหัน มีความอึดอัดเล็กน้อย
ดูเหมือนคือเนื่องเพราะตำหนิต่อว่าคนอื่นลับหลัง จากนั้นความรู้สึกที่คนคนนั้นก็อยู่ข้างหลังคุณ
ฉีฉีมีความอึดอัดใจเล็กน้อย หันหน้ากลับไปเหลือบมองไป๋ยี่เฟยหนึ่งทีอย่างตำหนิอีก
ไป๋ยี่เฟยกลับไม่ใส่ใจยิ้มแล้วยิ้มอีก พูดกับซาเฟยหยางว่า “อาวุโส ผมกำลังจะไปหาท่าน”