บทที่ 606
ตอนที่หลิวเห้อจากไปเขาทำตัวนักเลงและดุเดือดมาก และหากตามอารมณ์ของหลิวเห้อแล้วแน่นอนว่าเขาจะต้องกลับมาอีก และในตอนที่เชฟอ้วนจากไป เขาก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง และเขาก็จะไม่ยอมวางมือยุติเรื่องราวแน่
เหตุผลที่หลิวเห้อรู้ว่าวันนี้การค้าขายของภัตตาคารค่อนข้างดีนั้น ก็มีเพียงเชฟอ้วนเท่านั้นที่แจ้งให้เขาทราบ
ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะตายเพียงคนเดียว ยังไงพวกเขาก็ยังจะต้องไปสร้างปัญหาให้จงยู่ถิงอีกแน่นอน
และพวกเขาทั้งหมดก็จะต้องตาย!
ในตอนนั้นที่ กัปตันพูดสิ่งเหล่านั้นกับเขา และทำให้เขาประทับใจเป็นอย่างมาก บวกกับการที่เขาได้ช่วยชีวิตผู้คนมากมายขนาดนั้นแล้ว มันก็ทำให้เขาคิดว่ากัปตันคนนี้เป็นคนที่ดีมากคนหนึ่ง
และ จงยู่ถิงเองก็ยังเป็นลูกสาวของกัปตันอีกด้วย ซึ่งลูกสาวของคนที่ดีขนาดนี้ มันไม่ควรโดนคนรังแกขนาดนี้เลย
คนดีฟ้าคุ้มครอง
มุมปากของสวีลั่งยกขึ้น “เป็นอย่างที่คิดจริงๆ นักฆ่าเหมาะสมกับฉันที่สุดแล้ว”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเล็กๆ ดังขึ้นข้างๆเขา
“คุณลุงครับคุณลุงเป็นนักฆ่าหรือเปล่า?”
สวีลั่งก้าวไปด้านข้างก้าวหนึ่งอย่างสั่นๆ โดยไม่รู้ตัวและเพิ่มช่องว่างระยะห่างจากนั้นก็หันตัวกลับไปมอง
ข้างๆ เขา มีเด็กชายอายุน่าจะประมาณ 10 ปีหรืออาจไม่ถึง เด็กชายสวมเสื้อผ้ามอมแมม และยังมีรอยขาดเล็กน้อยอีก ใบหน้าของเขาสกปรก และจ้องมองเขาอย่างไม่กะพริบตา
สวีลั่งตกใจ เพราะเขาเป็นนักฆ่า และไวต่อการเข้าใกล้ของผู้คนรอบข้าง แต่ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กชายคนนั้นส่งเสียง เขาก็คงจะไม่สังเกตเห็นการเข้าใกล้ของเด็กชายคนนั้นเลย
สวีลั่งลูบดาบสันโค้งของตัวเองโดยไม่รู้ตัว และถามเด็กชายคนนั้นว่า “หนูเป็นใคร?”
สวีลั่งรู้สึกว่าเด็กชายคนนี้ไม่ธรรมดา แต่ในวินาทีต่อมา เขาก็ล้มเลิกความคิดนี้ไป
เด็กชายคนนั้นมองเขา และถามอย่างขี้อายว่า “คุณลุงครับ คุณลุงเป็นนักฆ่าหรือเปล่าครับ? สามารถช่วยผมฆ่าคนได้ไหมครับ?”
สวีลั่งมองจากดวงตาของเด็กชายคนนั้นไปและพบว่าในสายตาของเขาก็ไม่ได้มีเจตนาฆ่าอะไร ซึ่งมันมีแค่ความกลัว และความไร้เดียงสาเท่านั้น
เด็กชายคนนี้เป็นแค่เด็กธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นจริงๆ
แต่ทำไมสวีลั่งถึงเจอเขาล่ะ?
สวีลั่งขมวดคิ้ว และถอนหายใจอยู่ในใจ หรือว่าเขาอยู่กับไป๋ยี่เฟยมานาน เลยทำให้ตัวเขาลืมไปว่าตัวเองเป็นนักฆ่า?
เมื่อก้มมองลงไปที่เด็กชายคนนั้น สวีลั่งจึงไม่คิดที่จะไปสนใจเขาถึงวางมือลง และหันตัวกำลังจะจากไป
เมื่อเด็กชายเห็นว่าเขากำลังจะจากไป จึงรีบร้อนเป็นอย่างมาก และรีบขึ้นไปจับแขนของสวีลั่งไว้ “คุณลุงครับคุณลุงอย่าเพิ่งไป ช่วยผมฆ่าคนหน่อยได้ไหมครับ? ผมขอร้องล่ะ ช่วยผมฆ่าคนด้วยครับ”
”คุณลุงอย่าเพิ่งไปเลยนะครับ การฆ่าคนต้องได้รับเงิน ผมรู้ และผมก็มีเงินด้วย ผมจะให้เงินคุณลุงเองครับ ช่วยผมฆ่าคนหน่อยได้ไหมครับ?”
เด็กชายพูดไปด้วยและหยิบเงินออกจากกระเป๋ามาหนึ่งกำมือ แล้วถือขึ้นด้วยมือทั้งสองพร้อมกับยื่นไปให้สวีลั่ง
สวีลั่งก้มหน้าลงเมื่อมองเห็นเงินในมือของเด็กชาย มุมปากก็ยกขึ้นอย่างอดไม่ได้
เงินกำมือหนึ่งดูเหมือนจะค่อนข้างเยอะเหมือนกัน 1 เหมา และ1เหมา กับอีก 1 ไคว่ แต่จำนวนเงินทั้งหมดก็มีแค่ 5 หยวนและ 6 เหมาเท่านั้น
สวีลั่งไม่ได้ตอบตกลง และเด็กเล็กแค่นี้ ก็ไม่รู้ว่าเขารู้เรื่องพวกนี้จากที่ไหน ดังนั้นจึงพูดอย่างเฉยชาว่า “ในโลกนี้ไม่มีนักฆ่าหรอก ทั้งในทีวีและนิยายล้วนเป็นเรื่องโกหกทั้งนั้น ไม่ควรเชื่อนะ”
พอพูดจบ สวีลั่งไม่ได้หันมองเลยแม้แต่น้อย จากนั้นจึงหันตัวและจากไป
เด็กชายตะลึงและกระซิบเบาๆว่า “แต่ผมเห็นมันอย่างชัดเจนแล้ว… ”
ในเวลากลางคืนภายใต้แสงโคมไฟบนถนน เด็กชายทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองไปที่เงาดำที่อยู่ไกลออกไป และในสายตาก็ค่อยๆมีน้ำตาไหลออกมา และสุดท้ายก็นั่งลงบนพื้นที่ไกลออกไปพร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่เงียบๆ
เขาร้องไห้อยู่พักหนึ่ง ในขณะที่เขาใช้มือเช็ดน้ำตาตัวเองนั้น ขายาวคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา จากนั้นก็ได้ยินเสียงที่อยู่เหนือหัวของเขาพูดมาว่า “กินข้าวหรือยัง?”
เด็กชายเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ และเห็นว่านักฆ่าคนเมื่อครู่กลับมาแล้ว ทันใดนั้นในตาก็เป็นประกายขึ้นมาเขาพยักหน้าและตอบว่า “ผมกินแล้วครับ เมื่อตอนเที่ยงผมกินแล้ว”
สวีลั่งถาม “หนูพักอยู่ที่ไหน?”
เด็กน้อยชี้ไปที่สวนสาธารณะด้านหลังอย่างมีความสุข แล้วก้มหน้าลงพร้อมกับกระซิบว่า “มีสไลเดอร์อยู่ในสวนสาธารณะและด้านล่างสไลเดอร์มีหลุมอยู่หลุมหนึ่งอยู่ในนั้น มันจะไม่หนาวครับ”
“ทำไมถึงไม่อยู่บ้านล่ะ” สวีลั่งถาม
เด็กชายตอบว่า “พ่อไม่ให้ผมกลับบ้าน”
สวีลั่งครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและพูดว่า “ดังนั้นน้องเลยอยากให้ลุงฆ่าพ่อหนูใช่ไหม?”
เมื่อพูดจบ เด็กชายก็ส่ายหัวขึ้นทันที สายตาที่เดิมทีไร้เดียงสานั้น กลับมืดครึ้มและเยือกเย็นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ไม่ครับ ผมอยากให้คุณลุงฆ่าปีศาจจิ้งจอกที่อยู่ข้างกายพ่อของผม”
“ปีศาจจิ้งจอกฆ่าแม่ของผม และเป็นเพราะหล่อนที่ให้พ่อไล่ผมออกมา”
เมื่อสวีลั่งได้ยินคำพูดนั้น ในใจก็สั่นเล็กน้อย
สิ่งนี้ทำให้เขานึกถึงตัวเองซึ่งก็อยู่ในวัย 10 ขวบเช่นกันมีบ้านแต่กลับไม่ได้ และใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียวในโลกนี้
เหมือนอย่างที่ว่ากันว่าเสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง ทำไมในโลกใบนี้ถึงมีคนเลวเยอะขนาดนี้ด้วย?
หลิวเห้อเป็นก็คนหนึ่ง และในตอนนี้ก็ยังมีมาอีกคนอีก
สวีลั่งก้มหน้าลงมองเด็กชายคนนั้น เขารู้ว่าจริงๆ แล้วเด็กชายคนนั้นทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นท่าทีแบบนี้ของเขาแล้ว ดูเหมือนว่าจะโดนไล่ออกมาสักระยะแล้ว และเสื้อผ้าบนร่างกายของเขาบางมาก แม้จะพูดว่าไม่หนาว แต่ร่างกายกลับสั่นอย่างกลั้นไว้ไม่ได้
“คำสั่งของหนูลุงรับแล้ว”
สวีลั่งหยิบเงิน 5 หยวนและ 6 เหมาในมือของเขา จากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกมาและยื่นให้เด็กชายนั้น “ใส่สะ”
เด็กชายมองเขาอย่างตะลึง
เมื่อสวีลั่งเห็นดังนั้นก็พูดอย่างเย็นชาว่า “เชื่อฟังนะ ลุงจะช่วยหนูฆ่าคน ไม่งั้นก็ไปให้พ้น”
เมื่อได้ยินดังนั้นเด็กชายก็สวมเสื้อคลุมไว้บนร่างกายตัวเองทันที
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เด็กชายใส่เสื้อผ้าของเขาแล้ว เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังสวมชุดของนักแสดงเลย เพราะสวีลั่งสูงเกือบ 200 เซนติเมตรและเด็กน้อยก็สูงเพียง 130 เซนติเมตรเท่านั้น
สวีลั่งพูดว่า “ตามลุงมา”
สวีลั่งไม่ได้พาเด็กชายไปฆ่าคนในทันที แต่เขากลับพาเด็กชายไปที่ร้านบะหมี่ร้านหนึ่ง
เด็กชายกินบะหมี่สองชามใหญ่ไปอย่างตะกละตะกลาม หลังจากกินเสร็จ สีหน้าของเขา ก็เปลี่ยนไปอย่างสนุกสนานทันทีเขาพูดกับสวีลั่งอย่างจริงจังว่า “คุณลุงครับ บะหมี่ชามนี้ผมจะคืนให้คุณลุงเมื่อผมโตแล้วนะครับ”
หัวใจของสวีลั่งสั่นเล็กน้อย
ในสายตาของเด็กๆ เงิน 5 หยวน 6 เหมานั้นต้องเป็นเงินจำนวนมหาศาลอย่างแน่นอน
เงินจำนวนมหาศาลนี้เป็นเงินที่ถูกนำมาใช้เพื่อจ้างให้เขาฆ่าคน หากเขาใช้เงินนี้ตอบโต้ต่อหน้าล่ะก็ เด็กชายอาจจะเสียใจเป็นอย่างมาก
ดังนั้นสวีลั่งจึงพยักหน้า “ได้สิ”
เด็กชายเห็นดังนั้นจึงเผยรอยยิ้มกว้างๆขึ้นทันที
สวีลั่งไม่รู้ว่าในอดีตเขาเคยเผชิญกับเรื่องอะไรบ้าง ถึงทำให้เด็กวัย 10 ขวบคนหนึ่งเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความอาฆาต แต่เขาที่เป็นแบบนี้มันกลับคล้ายกับตัวเขาเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็กมากจริงๆ
สวีลั่งถาม “หนูชื่ออะไร?”
“หลี่โย่วเซิงครับ” เด็กชายเช็ดปากตัวเอง และตอบกลับ
สวีลั่งส่งเสียงฮึม พร้อมกับจับมือ หลี่โย่วเซิงไว้ และพูดว่า “ตามลุงมา”
“คุณลุงครับ จะไปฆ่าคนตอนนี้แล้วใช่ไหมครับ?”
“ไม่ใช่” สวีลั่งตอบกลับ
หลี่โย่วเซิงเริ่มกังวล “คุณลุงครับ…คุณลุงตอบตกลงผมแล้วไม่ใช่เหรอครับ?”
สวีลั่งพูดอย่างไม่สนใจ “ไม่ต้องกังวลไปหรอก”
หลี่โย่วเซิงถามอีกครั้งว่า “แล้วตอนนี้เรากำลังจะไปทำอะไรครับ?”
“ซื้อเสื้อผ้า” ตะลึงไปครู่หนึ่ง สวีลั่งก็เน้นย้ำว่า “ซื้อเสื้อผ้าให้หนูไง”
หลี่โย่วเซิงตะลึง และรีบพูดขึ้นว่า “คุณลุงไม่ต้องซื้อเสื้อผ้าให้ผมหรอกครับ ผม…ผมไม่มีเงินแล้ว… และถ้าผมจะขุดหลุม เสื้อผ้าใหม่ก็จะเปื้อน”
สวีลั่งขมวดคิ้ว “ต่อไปน้องไม่ต้องขุดหลุมอีกแล้ว และจะไม่ได้รับอนุญาตให้ขุดหลุมอีก”
“แต่ว่า ถ้าผมไม่ขุดหลุมก็จะไม่มีที่ไว้นอนแล้วนะครับ”
“ต่อไปนี้ให้ติดตามลุง” สวีลั่งพูดเบาๆ “ลุงจะให้ที่หนูนอน”
หลี่โย่วเซิงตื่นเต้น “คุณลุงจะสอนผมฆ่าคนไหมครับ?”
“ไม่ได้!”สวีลั่งพูดเบาๆ ว่า “และต่อไปหนูก็ไม่ได้รับอนุญาตให้พูดถึงการฆ่าคนด้วย”
“เอ๊ะ แต่ว่า…”หลี่โย่วเซิงดูเหมือนยังจะอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่โดนสวีลั่งขัด
“ต่อไปจะไม่ได้รับอนุญาตให้พูดถึงการฆ่าคนแล้วสิ่งที่ลุงสัญญากับหนูลุงจะช่วยหนูทำแน่นอน”
หลี่โย่วเซิงก้มหัวลงและตอบรับว่า “ครับ…”
……
สวีลั่งพา หลี่โย่วเซิงโบกรถคันหนึ่ง และกลับไปที่เทียนเป่ย
ในตอนนั้นเอง ก็เป็นเวลาตี 1แล้ว และ หลี่โย่วเซิงก็หลับไปแล้ว สวีลั่งก็แบกเขาไว้บนหลัง