บทที่ 595
และจนป่านนี้ ไป๋ยี่เฟยเพิ่งรู้ว่า หลี่เสว่เองก็บาดเจ็บเช่นกัน เขาตำหนิตัวเองและเจ็บปวดใจอย่างมาก
แต่พวกเขาไม่ได้สนใจมากนัก เพราะการจากไปของกัปตันเรือ ทำให้พวกเขารักและทะนุถนอมกันมากกว่าเดิม
ไป๋ยี่เฟยจับหลี่เสว่ยืนขึ้น กอดเธอไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง แล้วหลับตา ซึมซับถึงการมีชีวิตอยู่ของกันและกัน
คนอื่นๆ ที่เห็นภาพนี้ต่างก็พากันเดินจากไปอย่างรู้สถานการณ์ เข้าสู่ห้องโดยสารเรือ
เรือครูซหมุนเปลี่ยนทิศทาง เพื่อเดินเรือกลับ
คนทั้งสองยืนโอบกันและกันอยู่บนดาดฟ้าเรืออย่างเงียบๆ ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ไป๋ยี่เฟยกล่าวอย่างจริงจังเสียงเบา “คุณภรรยา พวกเราอย่าแยกจากกันอีกเลยนะ”
“ค่ะ” หลี่เสว่พยักหน้ารับคำ
จู่ๆ ไป๋ยี่เฟยก็ปล่อยหลี่เสว่ พลางกล่าวว่า “งั้นคุณก็สาบานมา”
เพราะก่อนหน้านี้หลี่เสว่บอกว่าจะหย่า แถมยังตัดรอนขนาดนั้น ทิ้งรอยมืดไว้ในใจของไป๋ยี่เฟย เขาจึงไม่วางใจอย่างมาก
หลี่เสว่กลับหยิกแขนที่ไม่มีแผลของเขาเบาๆ กล่าวอย่างฉุนๆ ว่า “ปัญญาอ่อน!”
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะ กอดหลี่เสว่ไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง
หลี่เสว่สุขใจอยู่ชั่วขณะ จู่ๆ ก็ขมวดคิ้ว “จริงสิ คุณคะ หลายวันมานี้ที่คุณไม่อยู่ เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย”
“เรื่องอะไร?” ไป๋ยี่เฟยถาม
“เมืองเป่ยไห่จะสร้างรถไฟความเร็วสูงไปถึงเมืองหัวซ่าง และละแวกใกล้ๆ รถไฟความเร็วสูงของเมืองหัวซ่างมีที่ดินเปล่ามากกว่าพันหมู่ที่จำเป็นต้องพัฒนา คนของสหพันธ์ธุรกิจ ต้องการนำโครงการนี้มอบให้บริษัทแห่งหนึ่งทำ”
ไป๋ยี่เฟยกล่าวอย่างดีใจทันที “งั้นก็เป็นเรื่องดีน่ะสิ! น้ำกับปุ๋ยไม่ไหลเข้าที่นาผู้อื่น ผมลืมไปได้ยังไงว่าเมียตัวเองเป็นประธานสหพันธ์ธุรกิจของเมืองเป่ยไห่”
หลี่เสว่กลับถอนหายใจ “มันง่ายดายขนาดนั้นอย่างที่คุณคิดเสียที่ไหนกัน? สหพันธ์ธุรกิจคำพูดไม่ได้ชี้ขาดอยู่ที่ฉันคนเดียว ยิ่งไปกว่านั้น หลายวันมานี้ฉันตามหาที่อยู่ของคุณมาตลอด เมื่อกี้เลยไม่ได้ไปสหพันธ์ธุรกิจ
“ตอนนั้นโทรมาถามฉัน ฉันเลยบอกว่าให้พวกเขาประชุมตัดสินใจกันเลย”
“มิหนำซ้ำ ที่ดินผืนนั้นเป็นของพวกเราทั้งหมด ถึงท้ายที่สุด ยังคงต้องดูความต้องการของนายจ้าง เขาต้องการให้ใครทำคนนั้นก็ทำ”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินกลับไม่ยี่หระ “ให้ใครทำก็ได้ เพราะอย่างไรพวกเราก็ไม่ขาดเงิน”
หลี่เสว่ถลึงตาใส่ไป๋ยี่เฟย จากนั้นก็กล่าวอย่างเคร่งขรึม “คุณสามี ฉันต้องไปเมืองหลวง”
“อะไรนะ?” ไป๋ยี่เฟยชะงัก “ทำไมล่ะ? ไปทำไม?”
หลี่เสว่เม้มปากพลางกล่าว “นี่เป็นการตัดสินใจของเบื้องบน พวกเขาให้ฉันเปลี่ยนตำแหน่งกับสวี่ชาง”
ไป๋ยี่เฟยแสดงออกว่าไม่เข้าใจอย่างมาก “ทำไมเป็นคุณล่ะ? และตามที่เห็นอยู่ในตอนนี้ ไม่ว่าใครจะเป็นประธานสหพันธ์ธุรกิจของเมืองเป่ยไห่ ก็ต้องเปลี่ยนกับสวี่ชางอยู่ดีใช่ไหม?”
หลี่เสว่ส่ายศีรษะ “อันนี้ฉันก็ไม่รู้”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว กอดหลี่เสว่ไว้ไม่ห่างมือ “อย่างนั้นคุณไม่ไปได้ไหม? พวกเราไม่ทำแล้ว”
หลี่เสว่มองไป๋ยี่เฟย แล้วส่ายศีรษะไปมา กล่าวอย่างจริงจังว่า “คุณสามี รองประธานสหพันธ์ธุรกิจของเมืองหลวงมีอำนาจมากกว่าเป็นประธานของเมืองเป่ยไห่นะ”
“ทั้งยัง……”
หลี่เสว่พูดแล้วก็นิ่งไป จากนั้นก็กล่าวว่า “คุณสามี ฉันไม่อยากเป็นแค่คนพื้นๆ และไม่อยากเป็นภาระของคุณ ฉันอยากเป็นปีกให้คุณ กลายเป็นโล่ให้คุณ”
ฉุงโยวเวยตายแล้ว ตระกูลฉุงไม่มีทางเลิกราง่ายๆ แน่
แผนการของตระกูลหลินก็ถูกเปิดโปงแล้วเช่นกัน ไป๋หยุนเผิงบอกหลี่เสว่ ให้ไป๋ยี่เฟยระวัง
ตระกูลไป๋ หลี่เสว่เดาได้แล้วว่าเพราะอะไรตนเองถึงมีลูกไม่ได้ การไปตระกูลไป๋ที่เมืองหลวงครั้งนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา
ดังนั้น ตัวไป๋ยี่เฟยไม่อยากไปช่วงชิงก็คงไม่ได้แล้ว
เพราะถ้าเขาไม่สู้ ที่สูญเสียก็จะเป็นชีวิต
ตอนนี้หลี่เสว่คิดตกทุกอย่างแล้ว ในเมื่อตกลงปลงใจกับผู้ชายคนนี้แล้ว เธอจึงไม่อาจนิ่งเฉยมองดูเขาถูกผู้อื่นรังแกได้อีก โดยที่ตนเองทำอะไรไม่ได้เลย
ดังนั้น เธอต้องแข็งแกร่งขึ้น
ไป๋ยี่เฟยฟังที่หลี่เสว่พูดจบ ก็ตื้นตันใจจนเลอะเลือนไปหมด เขากอดหลี่เสว่แน่น พลางกล่าวว่า “คุณภรรยา คุณไม่ใช่ภาระของผม คุณคือกำลังใจทั้งหมดของผม”
ไม่มีหลี่เสว่ ไป๋ยี่เฟยยามอยู่บนทางตันคงไม่มีทางยื้อไว้จนถึงท้ายที่สุดครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่แน่ว่าเขาอาจจะตายไปนานแล้ว
หลี่เสว่เองก็เข้าใจความรู้สึกของไป๋ยี่เฟย แต่เธอก็รู้ดีว่า เธอจำเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นจึงกล่าวกับไป๋ยี่เฟยยิ้มๆ ว่า “คุณสามี คุณคว้าโครงการนี้ไว้ ก็สามารถรับมรดกส่วนหนึ่งของตระกูลไป๋อยู่ที่เมืองหลวงได้ ถึงเวลา คุณก็มาหาฉันที่เมืองหลวงได้แล้ว”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินก็หรี่ตาลงเล็กน้อย คว้าโครงการนี้ไว้
คิดจะคว้าโครงการนี้ อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดคงจะเป็นเย่ซื่อกรุ๊ป
เมื่อก่อน เป็นอุปสรรคจริงๆ นั่นแหละ แต่ตอนนี้ ไป๋ยี่เฟยไม่เห็นเย่ซื่อกรุ๊ปอยู่ในสายตาโดยสิ้นเชิง
เพราะว่า เขามีทองคำกองมหึมา ทองคำที่กองท่วมภูเขา
ทางเข้านั้นที่พวกเขาลงไปจากผาขาดได้ถูกจ้าวเทียนระเบิดไปแล้ว คนไม่อาจผ่านได้ อย่างนั้นจุดที่ออกมาจากโพรงต้นไม้จึงกลายเป็นทางเข้าของพวกเขาไป
พวกคนของจ้าวเทียนล้วนถูกปิดปากไปหมดแล้ว ดังนั้น คนที่รู้จึงมีแค่ไป๋ยี่เฟยกับฉีฉี
อันที่จริงเมื่อก่อนไป๋ยี่เฟยเคยคิดว่า ฉันจะสนไปทำไมว่าเธอมีความลับอะไร มีทองคำมากมายขนาดนี้ ยังจะกลัวคนเหล่านั้นไปทำไมอีก ฆ่าฉีฉีไปเสียเลย จะได้หมดเรื่องหมดราว
แต่สุดท้าย เขายังคงไม่ได้ฆ่าฉีฉี
เพราะว่า เขายังอยากรู้ความลับที่ฉีฉีไม่ได้พูดออกมา
เพราะอย่างไรเสีย เรื่องเรื่องหนึ่ง หากเรารู้แม้เพียงเล็กน้อย มันจะดึงดูดความสนใจของเรา แต่การไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลัง เราจะรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ อยากจะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังนั่น
ไป๋ยี่เฟยก็มีสภาพเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ถึงที่สุดแล้วฉีฉีเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ให้เขาฆ่าเธอ เป็นไปได้ที่เขาจะทำไม่ลง
ไป๋ยี่เฟยคิด ควรคิดหาวิธีแก้ไขที่ดีกว่านี้มาสักหนึ่งวิธี
เรื่องทองเขาไม่ได้บอกหลี่เสว่ ไม่ใช่คิดจะปิดบังอะไร แค่รู้สึกว่าไม่มีความจำเป็น
อีกทั้ง เขาเองก็กำลังสับสน ว่าจะใช้ทองเหล่านั้นหรือไม่กันแน่?
หากไม่แตะต้องมัน เช่นนั้น ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม เขากับฉีฉีไม่พูด ก็ไม่มีใครรู้เช่นกัน
หากแตะต้องมัน ไป๋ยี่เฟยกลัวว่าสักวันตนเองจะอ้วนพี เปลี่ยนเป็นไม่ใช่ตัวเองอีกต่อไป
……
สองสามวันมานี้หลี่เสว่ตามหาไป๋ยี่เฟยอยู่ที่เมืองเป่ยไห่มาตลอด สภาพจิตใจของเธอตึงเครียด แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ เธอไม่เคยละทิ้งการค้นหา จนกระทั่งไป๋ยี่เฟยส่งตำแหน่งของตัวเองว่าอยู่ในห้องประชุมของโรงพยาบาล……
ไป๋ยี่เฟยก้มหน้ามองหลี่เสว่ ระงับใจไม่ไหว จากนั้นจึงก้มหน้าลงจูบหลี่เสว่
ริมฝีปากเพิ่งจะแตะได้เพียงชั่วครู่ ตอนที่ไป๋ยี่เฟยเตรียมจะเดินหน้าต่ออีกขั้น หลี่เสว่ก็ผลักไป๋ยี่เฟยออก กล่าวเสียงต่ำว่า “อย่าทำเกินไปนัก บนเรือมีคนอยู่เยอะแยะนะ!”
ไป๋ยี่เฟย “……”
ตอนนี้รู้แล้วว่าบนเรือมีคนอยู่เยอะแยะ? เมื่อกี้ตอนที่โผเข้ามาทำไมถึงไม่รู้?
……
ไป๋ยี่เฟยส่งหลี่เสว่กลับไปพักผ่อนที่ห้องโดยสารเรือ ส่วนตนเองก็ไปหาซูต้าหลิว
หลังซูต้าหลิวรับสายของจางหัวปิน ก็ไปหาหลงหลิงหลิงทันที
บาดแผลบนตัวหลงหลิงหลิงยังไม่หายดีทั้งหมด ยังอยู่ในช่วงพักฟื้น แต่หลังจากที่รู้ ก็ไม่สนการห้ามปรามของเฝิงจั๋ว ออกจากโรงพยาบาลทันที จากนั้นก็เช่าเรือครูซลำนี้มา
ซูต้าหลิวพาคนรุดมาทันที
กลางทางพบซากเรือสำราญที่จมลง ตอนนั้นซูต้าหลิวคิดว่าพวกไป๋ยี่เฟยพบหายนะแล้ว จึงพลันเสียใจอย่างยิ่ง
ไม่ใช่เพราะผูกพันกับไป๋ยี่เฟยมากมายอะไร แต่เสียใจเพราะตัวเองจะขาดรายได้
ขณะกำลังเสียใจอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมา “มัวทำอะไรอยู่? รีบดึงฉันขึ้นไปสิ!”
ซูต้าหลิวได้สติ มองเห็นสวีลั่งที่สวมเสื้อชูชีพ ดังนั้นซูต้าหลิวจึงดึงสวีลั่งขึ้นมา และนับว่าเป็นการช่วยชีวิตสวีลั่งไว้ครั้งหนึ่ง
……
“เล่าสถานการณ์ในช่วงนี้ให้ฟังหน่อย” ไป๋ยี่เฟยกล่าว
ซูต้าหลิวรับตอบอย่างนอบน้อม “ประธาน พักนี้โหวจวี๋กรุ๊ปปล่อยข่าวการขายออกมาแล้ว ชูริเวอร์รีสอร์ทก็กำลังประกาศขายเช่นกัน”
“อ้อ จริงสิ หลิ่วจาวเฟิงถูกคนช่วยไว้แล้ว ว่ากันว่าเอาลำไส้ออกหนึ่งในสามส่วน ถึงรอดมาได้ แต่เขาไม่ได้ไปร้องเรียนหรือฟ้องร้องใดๆ แถมยังถูกคนรับตัวไปแล้วด้วย ไม่รู้ว่าไปไหน”
“แล้วก็ ทางเมืองเป่ยไห่ เย่อ้ายกับคนของสหพันธ์ธุรกิจของเมืองค่อนข้างสนิทกัน วันก่อนผมยังเห็นหล่อนกับรองประธานสหพันธ์เข้าไปในโรงแรมแห่งหนึ่งด้วยกัน เมื่อวานตอนเช้าเพิ่งจะออกมา”
ก่อนหน้าที่ไป๋ยี่เฟยจะจากมาได้กำชับซูต้าหลิวให้คอยดูทางโหวจวี๋กรุ๊ปกับเย่ซื่อให้ดี
อยู่ที่เมืองเทียนเป่ย ไป๋ยี่เฟยพึ่งคริสตัลกรุ๊ปถึงยืนได้อย่างมั่นคง แต่โหวจวี๋กรุ๊ปเป็นของเย่ฮวน เท่านี้ก็เสียใจมากแล้ว ทำให้เขาไม่สบายใจอย่างมาก
สถานการณ์ทางเมืองเป่ยไห่ ซูต้าหลิวย่อมรู้มาไม่หมด แต่ไป๋ยี่เฟยก็ได้ถ่ายทอดให้ฟังแล้ว หลังสายของจางหัวปินรู้เรื่องก็ต้องแจ้งให้ซูต้าหลิวทราบ