บทที่557
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกโกรธมาก ถ้าเธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงจริงๆ ก็ควรถูกสั่งสอนอย่างแรงเลยล่ะ “คุณเชื่อรึเปล่าว่าผมสามารถฆ่าคุณได้จริงๆ?”
“ไม่เชื่อ ต่อให้นายไม่ได้บาดเจ็บ นายก็สู้ฉันไม่ได้หรอก แน่มันอ่อนแอเกินไป!” ฉีฉีส่ายหน้าเบาๆ
ไป๋ยี่เฟย “……”
ความสามารถที่ห่างชั้นมันเป็นความจริงที่น่าเจ็บปวดจริงๆ
ไป๋ยี่เฟยหลบตาไปทางอื่น แล้วเห็นว่าเรือยอชต์ลำนี้ขับเคลื่อนอัตโนมัติอยู่ มันได้ถูกเซ็ตเส้นทางที่จะไปไว้แล้ว
พอนึกถึงตรงนี้ ไป๋ยี่เฟยก็คลำหามือถือของตัวเองดู ยังอยู่!
ฉีฉีสังเกตเห็นการกระทำของไป๋ยี่เฟย แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อย่าโทรหาความช่วยเหลืออย่างนั้นเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ตอบ เขาแค่หยิบมือถือออกมา
ฉีฉีพูดต่อว่า “ไม่มีประโยชน์หรอก”
“หมายความว่ายังไง?” ไป๋ยี่เฟยไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูด
ฉีฉีพูดออกมาอย่างจริงจังว่า “เพราะมือถือของคุณตกไปในทะเลแล้วไง!”
ไป๋ยี่เฟยร้องชิ “มือถือของผมอยู่นี่ ทำไม……”
พูดยังไม่ทันจบ จู่ๆ ไป๋ยี่เฟยก็นึกขึ้นได้ว่าต้องเก็บมือถือเข้าที่เดิม แต่เงาของฉีฉีก็เคลื่อนผ่าน เพียงแวบเดียว มือถือของไป๋ยี่เฟยก็ตกไปอยู่ในมือของฉีฉีแล้ว
ฉีฉียิ้มออกมาเล็กน้อย เธอยื่นมือถือออกไปนอกเรือ จากนั้นก็ปล่อยมือ “แค่นี่มันก็ตกลงไปในทะเลแล้วไม่ใช่รึไง?”
ไป๋ยี่เฟยตกใจ จนไม่สนใจบาดแผลที่อยู่บนร่างกาย รีบพุ่งเข้าไปหวังที่จะแย่งมือถือมา แต่แล้ว มันก็ช้าเกินไปก้าวหนึ่ง
ได้ยินแค่เสียง “ตุ๋ม” ดังขึ้น มือถือได้ตกลงไปในทะเลเรียบร้อยแล้ว
พอเห็นแบบนั้น ไป๋ยี่เฟยก็พุ่งเข้าไปโดยที่ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว “แม่งเอ๊ย! สู้ตายให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย!”
“ตุ๊บ!”
ฉีฉีใช้ขาถีบไป๋ยี่เฟยออกไป แถมยังตั้งใจถีบเข้าไปที่แผลเขาอีกด้วย
“เชี่ย!”
ไป๋ยี่เฟยเอามือกุมแผล เจ็บจนใบหน้าบูดเบี้ยว
ฉีฉีเดินเข้ามา เธอไม่ได้สวมรองเท้า ร่องนิ้วขาวๆ ของเธอเหยียบลงบนแผลของไป๋ยี่เฟย แล้วเตือนเขาว่า “ฉันขอเตือนให้นายใจเย็นกว่านี้หน่อย และห้ามคิดไม่ซื่อกับฉันด้วย”
พอไป๋ยี่เฟยได้ยินอย่างนั้น เขาก็รู้สึกโกรธจนไม่สนใจความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับบาดแผลแล้ว “เธอเป็นคนทำให้ฉันโกรธขนาดนี้!”
“แล้วยังจะไปมีใจให้เธออีกเนี่ยนะ!”
“ฉันไม่ได้ตาบอดสักหน่อย! ตัวเล็กอย่างกับถั่วงอก ใครจะไปสนใจเธอกัน? หลิวเสี่ยวอิงกับหลงหลิงหลิงยังดีกว่าเธอตั้งเยอะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมียฉันเลย ใครมันจะไปมีใจให้เธอกัน?”
พอฉีฉีได้ฟังคำพูดเหล่านั้น เธอก็ทำหน้าบึ้งทันที
จากนั้น ฉีฉีก็ขยี้ลงไปที่แผลของไป๋ยี่เฟย
“หึ……”
ไป๋ยี่เฟยส่งเสียงในลำคอ ความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาเกือบทำให้เขาหมดสติไป
เท้าของฉีฉียังคงเหยียบอยู่บนแผลของไป๋ยี่เฟย แล้วเธอก็พูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ถ้านายยังกล้าพูดถึงฉันอย่างเสียๆ หายๆ อีกละก็ ฉันก็จะเหยียบจนแผลของนายเละ แล้วเอานายลงไปแช่ไว้ในน้ำทะเล!”
พอไป๋ยี่เฟยได้ยินอย่างนั้น เขาก็ร้องเชี่ยออกมาในใจ :แม่ง ช่างเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจโหดเหี้ยมจริงๆ!
ชายชาตรีนั้นไม่ยอมเสียท่าง่ายๆ หรอก เขาจึงได้เงียบไป
ฉีฉีทำเสียงฮึดฮัด เก็บถุงน้ำที่ตกอยู่บนพื้น แล้วเดินไปนั่งทางโน้น จากนั่นก็เล่นมือถือต่อ
ไป๋ยี่เฟยที่นอนอยู่กับพื้นกำลังมองฉีฉี แล้วคิดในใจว่า : สักวันพ่อจะเอาขากระทืบเธอให้ได้!
เวลาต่อจากนั้น ทั้งสองคนก็ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลย
ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้ถามอะไรอีก เพราะถามไปก็ไม่ได้คำตอบอยู่ดี เห็นได้ชัดว่าการที่ฉีฉีทำแบบนี้นั้นมีเหตุผล แต่เธอก็ไม่ยอมบอก แต่เขาก็ทายไม่ออกเลยว่าฉีฉีทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร
แต่การที่ฉีฉีไม่ฆ่าเขาตั้งแต่แรก เขาคิดว่าต่อไปก็คงไม่ฆ่าเหมือนกัน ดังนั้นช่วงนี้เขาน่าจะยังปลอดภัยอยู่
ไป๋ยี่เฟยไม่สนใจแล้ว เพราะยังไงตอนนี้ก็อยู่ในทะเล ถึงเขาจะหนีก็หนีไม่ได้อยู่ดี งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน คอยดูต่อไปว่าเธอคิดจะทำอะไรกันแน่
……
ครึ่งวันหลังจากนั้น ในที่สุดไป๋ยี่เฟยก็มองเห็นอะไรบางอย่างแล้ว และเขาก็รู้แล้วว่าตัวเองกำลังมุ่งหน้าไปทางไหน
เนื่องจากเสียมือถือไปแล้ว เขาจึงไม่รู้เวลา เขาทำได้เพียงแค่คาดคะเนจากองศาของเงาเท่านั้น ตอนนี้น่าจะเป็นช่วงบ่ายสอง
ในที่ที่ห่างออกไปไม่ไกล เกาะเล็กๆ เกาะหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้น
เกาะเล็กๆ นั้นดูแล้วจะอยู่ไม่ไกล แต่เอาเข้าจริง เรือยอชต์ของพวกเขาต้องใช้เวลาวิ่งอีกเป็นชั่วโมงกว่าจะขึ้นฝั่งได้
สภาพแวดล้อมของเกาะค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ ปกคลุมไปด้วยพืชพันธุ์มากมาย
ชายหาดก็ขาวมาก แถมยังมีปลอกหอยอีก
เรือยอชต์วิ่งขึ้นฝั่งไปเลย
หลังลงจากเรือมา พอไป๋ยี่เฟยเห็นว่าฉีฉีไม่ได้สนใจเรือยอชต์ลำนั้นเลย เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถามไปว่า “จะทำยังไงกับเรือ? ไม่ต้องสนใจมันแล้วเหรอ?”
ฉีฉีหันกลับไปด้วยความประหลาดใจ “นายคิดจะลากเรือไปกับเราด้วยรึไง?”
ไป๋ยี่เฟยเถียงไม่ออก “ฉันจะบอกว่า ตอนที่เรากลับไปเราควรทำยังไงกับเรือดี? จะปล่อยมันไว้บนฝั่งแบบนี้เหรอ?”
ฉีฉียิ้มออกมาเบาๆ “นายก็เข็นมันลงไปสิ!”
ไป๋ยี่เฟยมองบน “ฉันยังบาดเจ็บอยู่นะ ไม่มีแรงเยอะขนาดนั้นหรอก”
“ถ้าอย่างนั้นก็อยู่ที่นี่ต่อไปแล้วกัน” ฉีฉีพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ
ไป๋ยี่เฟยถึงกับตกใจ “นี่เราไม่กลับไปแล้วเหรอ?”
ฉีฉีทำตาเหลือก หันหลังแล้วเดินเข้าป่าไป
ไป๋ยี่เฟยไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง ตอนนี้เขาบาดเจ็บอยู่ บนเกาะที่ไร้ผู้คนแบบนี้ ไม่แน่เขาอาจจะได้รับอันตรายก็เป็นได้ส่วนวรยุทธของฉีฉีนั้นถือว่าไม่ธรรมดา ถ้าอยู่กับเธอมันก็ไม่ได้เสียหายอะไร
ว่าแล้วไป๋ยี่เฟยก็ตัดสินใจเดินตามเธอเข้าไป
ฉีฉีไม่ได้แปลกใจเลยที่ไป๋ยี่เฟยตามเธอมาแบบนี้ เธอพูดขึ้นว่า “เกาะๆ นี้มีคนมากมายที่ต้องการจะมา ส่วนนายนั้นพอมาถึงก็อยากจะไปเลย”
“เกาะนี้มันทำไมเหรอ?” ไป๋ยี่เฟยถาม “ไม่มีใครอยู่เลยสักคน จะให้มาทำอะไรบนนี้ล่ะ?”
ฉีฉี “ก็ต้องมาร่อนทองอยู่แล้ว!”
ไป๋ยี่เฟยไม่เชื่อ “ที่นี่มีทองให้ร่อนด้วยเหรอ?”
ฉีฉีเงียบไป เธอไม่สามารถตอบคำถามของเขาไปมากกว่านี้ได้แล้ว
………
ทั้งคู่เดินตรงไปเรื่อยๆ เดินมาไกลมากกว่าจะข้ามเขามาได้ลูกหนึ่ง
เนื่องจาก ไป๋ยี่เฟยมีแผลอยู่กับตัว เขาจึงเดินช้ามาก จนถูกฉีฉีทิ้งไว้ข้างหลัง แต่พอเดินมาไกลขนาดนี้ ไป๋ยี่เฟยก็ทนไม่ไหวแล้ว เขาจึงตัดสินใจนั่งลงไม่เดินต่อแล้ว
จากนั้นก็เปิดเสื้อของตัวเองออกมาดู ปรากฏว่าผ้าพันแผลที่อยู่ข้างในตอนนี้มันชุ่มไปด้วยเลือด สงสัยแผลจะเปิดแล้ว
ฉีฉีเดินเข้ามา โดยถือมะพร้าวมาด้วยสองลูก แล้วยื่นมันให้ไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยดื่มไปอึกใหญ่ จากนั้นก็พูดด้วยความโมโหว่า “ที่นี่แม่งที่ไหนกัน? เรากำลังจะไปที่ไหน?”
ฉีฉีไม่ได้ตอบคำถามของเขา แต่เธอเห็นว่าฟ้าใกล้มืดแล้ว จึงได้พูดไปว่า “คืนนี้เราจะพักที่นี่!”
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกอุดอู้
ฉีฉีหาที่สะอาดๆ นั่งลง แล้วดื่มน้ำมะพร้าวอย่างสบายใจ
ไป๋ยี่เฟยถามขึ้นมาอีกครั้ง “ตกลงเราจะไปที่ไหนกัน?”
ฉีฉีหยิบมือถือออกมาเพื่อที่จะเล่นต่อ แล้วเธอก็ตอบคำถามของไป๋ยี่เฟย “น่าจะข้ามเขาอีกสองลูกล่ะมั่ง”
ไป๋ยี่เฟย “……”
ไป๋ยี่เฟยนั้นรู้สึกโกรธมาก ถูกจับตัวมา ไม่รู้ว่ากำลังไปที่ไหน ร่างกายก็บาดเจ็บ ข้ามเขามาลูกหนึ่ง แล้วยังต้องข้ามอีกสองลูก แบบนี้ใครแม่งจะไปทนไหว
ไป๋ยี่เฟยจ้องเขม็งมาที่ฉีฉี “แล้วเธอจะพูดให้มันชัดเจนกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง?”
ฉีฉีคิดไปคิดมา เธอจึงหันมาพูดกับไป๋ยี่เฟยว่า “เอาแบบนี้แล้วกัน นายทำให้เจ้หัวเราะทีหนึ่ง แล้วเจ้จะบอกให้เอามั้ย?”
“เชี่ย!”
ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยรู้สึกโกรธจนถึงขีดสุดแล้ว จึงได้สบถคำหยาบออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ทันใดนั้น ไป๋ยี่เฟยก็ถูกฉีฉีถีบกระเด็นไป
“ตุ๊บ!”
ไป๋ยี่เฟยหล่นลงพื้น โชคดีที่เขากระแทกพื้นมามากแล้ว แถมฉีฉียังถีบไม่โดนแผลของเขาด้วย เขาจึงไม่ได้เป็นอะไรมาก
ฉีฉีหร่ตาเตือนเขา “พูดจาให้มันสุภาพหน่อย ถ้าฉันยังได้ยินคำหยาบอีกละก็ ฉันจะกระทืบนายให้ตายคาตีนเลย!”
ไป๋ยี่เฟยไม่โต้ตอบอะไร แต่ในใจนั้นสุดจะทนแล้ว
เขาควรทำยังไงดี สู้ก็สู้ไม่ไหว ด่าก็ด่าไม่ได้ ไม่มีใครที่จะรู้สึกเหนื่อยใจไปมากกว่าเขาแล้ว