บทที่554
“เดี๋ยวครับ!” จางหัวปินดึงแขนของไป๋ยี่เฟยไว้ “ผมว่าให้พวกไป๋หู่จัดการดีกว่ามั้ยครับ?”
ไป๋ยี่เฟยปฏิเสธ “ไม่!”
จางหัวปินพูดออกมาด้วยความเป็นห่วงว่า “แล้วถ้าคุณเกิดทนไม่ไหวขึ้นมา คนเห็นเยอะขนาดนี้มันดูไม่ดีนะครับ”
“ที่สำคัญเราจำเป็นต้องจับเป็นหลิ่วจาวเฟิง ไม่อย่างนั้นเบาะแสอันนี้ก็จะขาดไป”
พอไป๋ยี่เฟยได้ฟังสิ่งที่จางหัวปินพูดมา เขาก็ลังเลไปแป๊บหนึ่ง จากนั้นก็เหวี่ยงมือของจางหัวปินออก แล้วเดินตรงไปข้างหน้า
หลิ่วจาวเฟิงที่กำลังขอโทษหลี่เสว่อยู่ พอเห็นว่าหลี่เสว่เริ่มอ่อนไหวแล้ว ในตอนที่เขาก็จะพูดเสริมอีก ไป๋ยี่เฟยก็ปรากฏตัวออกมาอยู่ตรงหน้าแล้ว เขาเตะหลิ่วจาวเฟิงจนกระเด็นไป
“ปั้ง!” หลิ่วจาวเฟิงกระแทกเข้ากับราวระเบียง แล้วตกลงมาที่ดาดฟ้าเรือ มันแรงไม่เบาๆเลย
“แม่งเอ๊ย!”
หลิ่วจาวเฟิงคำรามออกมา แล้วมอง “ไป๋ยี่เฟย!”
พอเห็นว่าเป็นไป๋ยี่เฟย หลิ่วจาวเฟิงก็ตกใจสุดขีด เขารีบลุกขึ้นจากพื้น “ไป๋ยี่เฟย ทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่? แกมาได้ยังไง?”
พอไปหลิ่วจาวเฟิงก็คิดจะวิ่งหนี ไป๋ยี่เฟยไม่มีทางให้เขามีโอกาสได้ทำหรอก เขาดึงตัวหลิ่วจาวเฟิงกลับมา แล้วชกไปอีกที จากนั้นก็กดหลิ่วจาวเฟิงลงกับพื้น
หลี่เสว่ที่เพิ่งตั้งสติได้ ก็รีบผลักไป๋ยี่เฟยออกไป แล้วตะคอกออกมาว่า “ไป๋ยี่เฟย นี่คุณคิดจะทำอะไร?”
เนื่องจากยาที่เพิ่งกินไปยังไม่ออกฤทธิ์ แล้วพอมาถูกผลักแบบนี้เขาก็รู้สึกเจ็บจนเหงื่อตก แต่เขาก็ยังหันไปพูดกับหลี่เสว่เบาๆ ว่า “ที่รัก คุณช่วยหลบไปก่อนนะครับ เดี๋ยวผมค่อยอธิบายให้คุณฟังอีกที”
หลี่เสว่จะไปเข้าใจไป๋ยี่เฟยได้ยังไงกัน บอกกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า เธอยิ่งไม่มีทางคุยดีกับเขาอยู่แล้ว “ไป๋ยี่เฟย! คุณอย่างเอาแต่ใจแบบนี้จะได้มั้ย?”
“เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว! คุณไม่ต้องมาหาฉันอีก! และอย่ามาทำร้ายคนรอบๆ ตัวฉันอีก วันนี้หลิ่วจาวเฟิงเขาตั้งใจมาขอโทษฉันนะ!”
“คุณห้ามทำร้ายเขา!”
ไป๋ยี่เฟยรับรู้ได้ว่าแผลที่หลังกำลังเลือดออก แต่เขาก็ทนไว้ แล้วพูดไปว่า “ที่รัก คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้……”
ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ได้ดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ บนเรือเข้า จนทุกคนต่างหันมามอง
มีชายใส่สูทสีดำสองคนเดินเข้ามา น่าจะเป็นบอดี้การ์ดบนเรือ
“คุณครับ ช่วยใจเย็นลงก่อนนะครับ ห้ามก่อนเรื่องบนเรือนะครับ”
ชายสองคนนั้นกำลังจะยื่นมือมาหยุดไป๋ยี่เฟย แต่ก็ถูกคนจากด้านหลังไหล่เอาไว้
พอหันไปมอง ก็เห็นไป๋หู่ที่ร่างกายสูงใหญ่เหวี่ยงสองคนนั้นออกไปด้วยมือข้างละคน
“ตุ๊บ!”
“แคร็ง!”
มีเสียงดังขึ้นสองเสียง เสียงหนึ่งคือเสียงที่คนกระแทกพื้น อีกเสียงคืนเสียงของมีดที่หล่นลงพื้นจากตัวของหนึ่งในสองคนนั้น
เนื่องจากผู้คนรอบๆ กำลังกระซิบนินทากันอยู่ เสียงนั่นก็ไม่ได้ดังมาก บวกกับคนๆ นี้ถูกไป๋หู่บังไว้พอดี หลี่เสว่จึงมองไม่เห็น
มันจึงทำให้หลี่เสว่โกรธไป๋ยี่เฟยหนักขึ้นไปอีก “ไป๋ยี่เฟย นี่คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”
“คุณคิดจะควบคุมคิดจะทำร้ายทุกคนที่อยู่รอบตัวฉันเลยใช่มั้ย?”
“เมื่อก่อนเคยมีคนบอกว่าคนมันป่าเถื่อน ฉันไม่เคยเชื่อ แต่ตอนนี้ ฉันเชื่อแล้ว!”
ไป๋ยี่เฟยรู้ดีว่าหลี่เสว่ไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่เขาก็ไม่ได้อธิบาย เขาแค่บอกกับหลี่เสว่ไปว่า “ที่รัก คุณช่วยหลบไปก่อนเดี๋ยวผมค่อยอธิบายให้คุณฟัง”
หลี่เสว่ยืนคุมอยู่ตรงหน้าของหลิ่วจาวเฟิง “ฉันไม่มีทางหลบไปแน่นอน!”
ไป๋ยี่เฟยอยากที่จะปกป้องหลี่เสว่ แล้วทำไมหลี่เสว่จะไม่อยากปกป้องไป๋ยี่เฟยล่ะ?
บนดาดฟ้ามีคนอยู่เยอะขนาดนี้ ถ้าไป๋ยี่เฟยเกิดทำร้ายหลิ่วจาวเฟิงจนสาหัสหรือตายขึ้นมา ไป๋ยี่เฟยก็ไม่มีทางหนีรอดไปได้อยู่แล้ว
นี่แหละคืนสิ่งที่หลี่เสว่คิดว่าเธอกำลังปกป้องไป๋ยี่เฟยอยู่
ในตอนที่ทั้งคู่กำลังเย็นชาใส่กันนั้น หลิ่วจาวเฟิงก็ฉวยโอกาสจับตัวหลี่เสว่เอาไว้ แล้วหยิบมีดจากในอกเสื้อออกมาจี้ไปที่คอของหลี่เสว่
“ไป๋ยี่เฟย! แกนี่มันตายยากตายเย็นซะจริง!”
ไป๋ยี่เฟยตกใจอย่างมาก รูม่านตาหดเล็กลง “ปล่อยเธอนะ!”
ส่วนคนที่อยู่รอบๆ ต่างก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ แล้วพากันก้าวถอยหลัง
หลิ่วจาวเฟิงล็อคตัวหลี่เสว่เอาไว้ แล้วมองไป๋ยี่เฟยด้วยสายตาที่โกรธแค้น “ไป๋ยี่เฟย! ทางที่ดีแกอย่าคิดทำอะไรแผลงๆ เลยดีกว่า ไม่อย่างนั้น มีดในมือฉันมันก็พูดยากนะ!”
พอเห็นไป๋ยี่เฟยไม่ขยับ คนรอบๆก็ไม่ขยับตาม คนที่มุงดูเหตุการณ์อยู่ก็รู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ไป๋ยี่เฟยกำหมัดแน่น แล้วมองหลิ่วจาวเฟิงอย่างร้อนรน “ต้องทำยังไงคุณถึงจะยอมปล่อยเธอ?”
บาดแผลของไป๋ยี่เฟยกำลังทรมานเขา ริมฝีปากที่ซีดเผือดของเขากำลังสั่นเทา แต่เขาก็พยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเพราะเขาไม่อยากให้หลิ่วจาวเฟิงมองออก
แต่ว่าหลิ่วจาวเฟิงนั้นมองออกแล้ว
“ฮ่าฮ่า…-ไป๋ยี่เฟย ฉันนี่นับถือแกจริงๆ ถูกแทงแล้วแท้ๆ ยังไม่ตายอีก ตอนนี้ยังมายืนอยู่ตรงนี้ไหว แต่ยังไม่พอ ฉันว่าแกคงทนได้อีกไม่นานแล้วสินะ?”
พอได้ยินแบบนั้นหลี่เสว่ก็ตกใจจนรีบหันไปมองไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยหน้าซีดไปแล้ว ริมฝีปากสั่นรัว หลังก็ไม่ได้ตั้งตรงเหมือนแต่ก่อน เห็นได้ชัดเลยว่าเขาบาดเจ็บหนักอยู่ แต่ว่าเมื่อกี้เธอกลับสังเกตเห็นไม่ได้
จู่ๆ หลี่เสว่ก็รู้สึกปวดใจอย่างสุดขีด และเสียใจอย่างถึงที่สุดด้วย
ในตอนนั้นเอง ได้มีเงาสีดำของใครบางคนปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของหลิ่วจาวเฟิง เงาร่างนั้นจับข้อมือของหลิ่วจาวเฟิงไว้อย่างรวดเร็ว แล้วใช้มือตบจนมีดในมือของหลิ่วจาวเฟิงหลุดออก จากนั้นก็เตะใส่หลิ่วจาวเฟิงไปหนึ่งที
หลิ่วจาวเฟิงนึกไม่ถึงเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เขาโดนเตะจนถอยหลังไปหลายก้าว ตอนนี้หลี่เสว่ได้หลุดออกจากการควบคุมของเขาแล้ว
พอหันมาดู ก็เห็นว่าคนๆ นั้นสวีลั่งนั่นเอง!
มันก็แน่นอนอยู่แล้ว สวีลั่งเป็นนักฆ่านี่ สิ่งเขาถนัดที่สุดก็คือการแฝงตัวและปรากฏตัวอย่างคาดไม่ถึงนั่นเอง
พอไป๋ยี่เฟยเห็นว่าหลี่เสว่ปลอดภัยแล้ว เขาก็อดทนกับความเจ็บปวด แล้วเดินตรงไปที่หลิ่วจาวเฟิง จากนั้นเขาก็ตีบหลิ่วจาวเฟิงจนกลิ้ง แล้วใช้มือข้างหนึ่งบีบคอของหลิ่วจาวเฟิงเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็เก็บมีดที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา
“อย่านะ!” หลี่เสว่ร้องออกมาด้วยความตกใจ เธอไม่เคยเห็นท่าทางที่ไป๋ยี่เฟยจะฆ่าคนมาก่อน แต่ในตอนนี้ เธอกำลังรู้สึกกลัว
แน่นอนว่าเธอไม่ได้รู้สึกกลัวแค่ท่าทางที่ไป๋ยี่เฟยแสดงออกมาเท่านั้น แต่เธอยังกลัวอีกว่า ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ถ้าไป๋ยี่เฟยเกิดฆ่าคนขึ้นมา เขาอาจจะถูกจับอีกครั้งก็ได้
จางหัวปินก็ช่วยตะโกนห้ามไว้เหมือนกัน “หยุดนะ! ห้ามฆ่าเขานะ!”
หลิ่วจาวเฟิงเป็นเบาะแสเดียวที่เหลืออยู่ถ้าฆ่าเขาไป เบาะแสทั้งหมดของพวกเขาก็จะขาดไปทันที
มือข้างที่ยกมีดขึ้นมาของไป๋ยี่เฟยได้ชะงักไป
พอหลิ่วจาวเฟิงเห็นการลังเลของไป๋ยี่เฟย เขาก็ยิ้มออกมาอย่างได้ใจ “เอาเลย มีปัญญาก็ฆ่าฉันเลยสิ!”
“มีคนเห็นเหตุการณ์เยอะขนาดนี้! มีปัญญาก็ฆ่าฉันเลยสิ แกก็จะได้ตายตามข้าไปเลย!”
“ไป๋ยี่เฟย! แกไม่กล้าฆ่าฉันหรอก!”
” ยังมีความลับที่แกต้องการจากฉันอีก แกไม่ฆ่าฉันหรอก! ฮ่าฮ่า…”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว “พูดจบรึยัง?”
“ยัง ยังไม่หมด!” หลิ่วจาวเฟิงถลึงตาใส่เขา “แกรู้รึเปล่าว่าคนที่อยู่เบื้องหลังฉันนั้นเป็นใคร?”
“ไม่ต้องพูดเรื่องที่แกไม่กล้าฆ่าฉันหรอก ถึงต่อให้แกกล้าฆ่า พอแกรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังฉันแล้ว แกก็ไม่กล้าอยู่ดี!”
“เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังของฉันก็คือ……”
“สหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง!”
คำพูดตอนท้ายนั้นไม่ได้ถูกพูดออกมา เขาแค่ทำปากให้ไป๋ยี่เฟยอ่านเท่านั้น ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงเห็นมันเข้า
พอหลิ่วจาวเฟิงรู้ว่าไป๋ยี่เฟยเห็นแล้ว เขาก็ยิ่งได้ใจขึ้นไปอีก
สหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง เป็นการดำรงอยู่ที่แม้แต่สี่ตระกูลใหญ่ยังต้องเกรงกลัวเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงไป๋ยี่เฟยที่เล็กจ้อยเลย?
“จะปล่อยมือได้รึยัง?” หลิ่วจาวเฟิงจ้องมองไป๋ยี่เฟยด้วยความได้ใจ พร้อมกับรอยยิ้มที่ชั่วร้าย “พ่อจะบอกอะไรแกให้นะ อย่าว่าแต่จะฆ่าฉันเลย อย่างแกน่ะ แม้แต่จะทำร้ายฉันยังไม่กล้าเลย!”
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองไปที่หลิ่วจาวเฟิง ลมทะเลพัดเข้าที่ผมที่อยู่ตรงข้างหน้า จนทำให้เขาต้องกระพริบตา
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกตกใจมาก เขาไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าเบื้องหลังของหลิ่วจาวเฟิงจะเป็นสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง
ยังจำได้อยู่เลยว่าก่อนหน้านี้เขาเป็นคนพูดเองว่าเบื้องหลังของตัวเองคือไป๋เซี่ยว
ความจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเลย!
ดูแล้วเรื่องนี้มันจะไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดแล้ว หลิ่วจาวเฟิงเองก็ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เห็นเลย
เวลานี้ ในหัวของไป๋ยี่เฟยได้มีข้อสันนิษฐานมากมายวิ่งเข้ามา
แต่ว่า ทั้งหมดนี้ไม่ก็ไม่มากพอที่จะเปลี่ยนแปลงความตั้งใจของเขาได้