บทที่542
หลี่เสว่ยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ
สวี่ชางพูดต่ออีกว่า” จริงด้วยครับ เนื่องจากคุณเพิ่งขึ้นรับตำแหน่งเมื่อกี้ คงจะยังไม่คุ้นชินกับงานของสหพันธ์สักเท่าไหร่ ดังนั้นผมจะอยู่ช่วยงานคุณสักพัก รอจนคุณคุ้นเคยกับงานแล้วผมค่อยกลับไปนะครับ”
หลี่เสว่พยักหน้า “ต้องรบกวนคุณสวี่แล้วค่ะ”
“อีกสักพักก็เราก็จะถึงฝั่งแล้ว คุณกลับไปเตรียมตัวก่อนเถอะครับ ผมให้เวลาคุณสามวันน่าจะพอนะครับ? อีกสามวันคุณค่อยมารายงานตัวที่สหพันธ์ธุรกิจนะครับ” สวี่ชางหรี่ตาพูด
หลังได้ยินอย่างนั้น หลี่เสว่ก็คิดๆ ดู แล้วตอบไปว่า “ไม่ค่ะ พรุ่งนี้ฉันก็สามารถไปรายงานตัวได้เลยค่ะ”
สวี่ชางชะงักไป จากนั้นก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “ดีดีดี รับตำแหน่งเร็วๆ ก็ดี”
หลี่เสว่พยักหน้า สวี่ชางยื่นมือออกมาแล้วพูดว่า “ผมจะรอร่วมงานกับคุณหลี่นะครับ”
“ฉันเองก็เช่นกันค่ะ” หลี่เสว่จับมือกับ สวี่ชาง
ในตอนนั้น ไป๋ยี่เฟยก็ได้เดินเข้ามา แล้วพูดกับ สวี่ชางอย่างเรียบเฉยว่า “ต่อไปผมต้องรบกวนให้คุณหลี่ช่วยดูแลภรรยาของผมให้มากๆ นะครับ”
“แนะนอนอยู่แล้วครับ” สวี่ชางหัวเราะชอบใจ
ไป๋ยี่เฟยจับมือหลี่เสว่พร้อมใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ร่างกายของหลี่เสว่เกร็งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับเป็นเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกถึงมัน เขารู้สึกว่ามันไม่ปกติ แต่ก็ไม่ได้เอะใจ พอล่ำลากับ สวี่ชางเสร็จ เขาก็พาหลี่เสว่จากไป
หลังออกมาจากห้องโถง ก่อนเรือจะเทียบฝั่งยังเวลาอีกพักหนึ่ง หลี่เสว่บอกว่าเหนื่อย จึงกลับไปพักในห้องพัก
รอจนหลี่เสว่หลับไปแล้ว ไป๋ยี่เฟยค่อยลุกออกมา เดินตรงไปที่ดาดฟ้าเรือ
สวี่ชางยืนตากลมอยู่ตรงราว
พอไป๋ยี่เฟยเห็นเขา ไป๋ยี่เฟยก็เดินเข้าไปหา
สวี่ชางรู้ว่าเป็นเขา จึงยังทอดมองไปยังท้องทะเล “จะมาเตือนผมเหรอครับ?”
“อะไรนะครับ?” ไป๋ยี่เฟยไม่เข้าใจสิ่งที่เขาถาม
สวี่ชางขำแล้วขำอีก “ก็เตือนให้ผมอยู่ห่างๆ ภรรยาของคุณไว้ไม่ใช่เหรอครับ?”
เมือ่ไป๋ยี่เฟยได้ยินอย่างนั้น เขาก็อึ้งไป จากนั้นก็ยิ้มออกมา “หรือไม่ใช่ครับ?”
“คุณไม่ต้องห่วง” สวี่ชางพูดออกมาอย่างเรียบเฉย “ผมไม่ทำอะไรภรรยาของคุณหรอก และผมก็ไม่ได้มีเจตนาอื่นด้วยครับ”
“คุณหมายความว่ายังไง?” ไป๋ยี่เฟยจ้องมาที่ สวี่ชาง
ในที่สุด สวี่ชางก็หันหน้ามา และยังตบๆ ที่ไหล่ของไป๋ยี่เฟยด้วย “นี่น้องชาย มั่นใจในตัวเองหน่อย อย่าคิดมากเลย”
ไป๋ยี่เฟยยังคงจ้องมอง สวี่ชางอย่างไม่เข้าใจ เข้าไม่รู้จริงๆ ว่าทำไม สวี่ชางถึงต้องพูดแบบนั้นออกมา
สวี่ชางถอนหายใจแล้วพูดออกมาอย่างเรียบเฉยว่า “ภรรยาของคุณเธอรักคุณมาก ผมดูออก”
“ตอนที่คุณกดคนที่มีระเบิดคนนั้นไว้ ภรรยาของคุณเธอทำอะไรบ้างคุณรู้มั้ย?” สวี่ชางหันมาถาม
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้า ตอนนั้นเขาแค่เหลียวมามองหลี่เสว่ทีหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากต้องกดคนๆ นั้นไว้แน่นๆ ดังนั้น หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าหลี่เสว่ยังปลอดภัยดี เขาก็ไม่ได้สนใจว่าเธอแสดงพฤติกรรมอะไรออกมา”
สวี่ชางพูดออกมาอย่างเรียบเฉย “เธอร้อนรนมาก เธออยากจะพุ่งเข้าไป ยิ่งตอนที่เห็นว่าไม่มีใครเข้าไปช่วยคุณนั้นความสิ้นหวังและความมืดมนได้แสดงออกมาอย่างชัดเจนใจแววตาของเธอ”
“คุณรู้รึเปล่าว่านั่นมันหมายถึงอะไร?”
ไป๋ยี่เฟยอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นก็มองต่ำลง เขาต้องรู้อยู่แล้วว่ามันหมายถึงอะไร มันหมายความว่า ถ้าไป๋ยี่เฟยตายไปเธอเองก็จะตายตามไปเหมือนกัน
สวี่ชางมองไป๋ยี่เฟยด้วยสายตาที่ไม่เห็นด้วย “ทั้งที่เธอรักคุณขนาดนั้น แต่คุณก็ยังไม่เชื่อใจเธอ นี่มันเหยียบย่ำความรู้สึกของเธอมากเกินไปแล้ว”
“ขอโทษนะครับ” ไป๋ยี่เฟยพูดออกมาอย่างเรียบเฉย “แต่ว่า ผมไม่เคยที่จะไม่เชื่อใจเธอมาก่อนเลย” เขาแค่ไม่ไว้ใจคนอื่นต่างหาก
สวี่ชางยักไหล่อย่างไม่ค่อยเชื่อ “คำพูดแบบนี้ไม่ใช่จะพูดออกมาแบบส่งๆ นะครับ”
ไป๋ยี่เฟย “……”
………
ไม่ไกลจากตรงนั้น ท่าเรือค่อยๆ ปรากฏขึ้นในระยะสายตา
สวี่ชางกับไป๋ยี่เฟยต่างก็มองเห็นมัน สวี่ชางชี้ไปที่นั่นแล้วพูดขึ้นว่า “เราใกล้จะถึงแล้วครับ”
ไป๋ยี่เฟยหันมามองเขา จากนั้นก็ถามไปว่า “ท่านหลินสามยังไม่ลงมือตอนนี้เหรอครับ?”
ท่านหลินสามได้เปิดเผยตัวตนออกมาแล้ว เมื่อพวกเขาทั้งหมดขึ้นฝั่งไป สิ่งที่รอเขาอยู่ก็คือการสวนกลับของท่านหลินรอง และการสวนกลับของตระกูลไป๋กับตระกูลเย่
เมื่อสวี่ชางได้ยินอย่างนั้น เขาก็ยิ้มออกมา “ถ้าไม่อยากให้คนอื่นรู้ ก็คงต้องฆ่าทุกคนบนเรือให้หมด แต่ว่าตอนนี้ผม ไป๋หยุนเผิง หลินยู่ชังและเย่เจี่ยต่างก็อยู่บนเรือ”
“ถ้าเราทุกคนต่างก็ถูกฆ่าปิดปากแล้ว เกรงว่าตระกูลหลินจะไม่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่ต่อ เพื่อตระกูลหลินแล้ว เขาไม่กล้าทำแบบนั้นหรอกครับ”
ไป๋ยี่เฟยชะงักไปหนึ่งวิ จากนั้นก็ถามไปด้วยความสงสัยว่า “ทำไมพวกเขาถึงได้กลัวคุณขนาดนี้ครับ?”
สวี่ชางขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “กลัวพี่ชายของผมล่ะสิไม่ว่า”
“พี่ชายของคุณเหรอครับ?” ไป๋ยี่เฟยอยากรู้หนักขึ้นไปอีก
สวี่ชางพยักหน้าพร้อมกับยิ้ม “ถูกต้อง พี่ชายของผมก็คือคนที่พวกเขาเรียกว่าเต้าจ่าง”
เมื่อไป๋ยี่เฟยได้ยินสองคำหลังก็ทำให้เขาตกใจอย่างมาก
แท้จริงแล้วเต้าจ่างนั้นไม่ได้เป็นนักบวช มันเป็นชื่อคน เข่าแซ่สวี่ และชื่อว่าสวี่เต้าจ่าง
ไป๋ยี่เฟยได้ยินชื่อของเต้าจ่างครั้งแรกจากปากของสวีลั่ง สวีลั่งบอกว่าเต้าจ่างรู้ว่าน้องสาวขอเขาอยู่ที่ไหน
ครั้งที่สองที่ได้ยินก็เพราะสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง
หลังจากที่เหลียงหมิงเยว่ตาย เต้าจ่างก็ได้ขึ้นรับตำแหน่งประธานสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงต่อ
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกสนใจในตัวเต้าจ่างคนนี้มาก แต่มันไม่ใช่เพราะตัวเขาเอง แต่เป็นเพราะสวีลั่งต่างหาก
ญาติเพียงคนเดียวของสวีลั่ง คนที่เป็นน้องชายอย่างเขา เมื่อเห็นโอกาสแล้วก็ต้องช่วยเหลือเขาสิ
ว่าแล้วไป๋ยี่เฟยก็พูดขึ้นว่า “ถ้ามีโอกาสผมจะขอทำความรู้จักกับพี่ชายคุณหน่อยได้ไหมครับ?”
“ถ้ามีโอกาสก็ต้องได้อยู่แล้วครับ” สวี่ชางพยักหน้า “แต่ว่า ผมกับพี่ชายเรามีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเรื่องนี้มันก็ต้องดูโอกาสจริงๆ”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า ไม่พูดอะไรต่อ แค่มีโอกาสมันก็ดีมากแล้ว
……
ยี่สิบนาทีหลังจากนั้น เรือสำราญก็เทียบท่าแล้ว
ในช่วงยี่สิบนาทีนี้ไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลย มันเป็นไปตามที่สวี่ชางพูดไว้จริงๆ ท่านหลินสามไม่กล้าลงมือ
ท่าเรือในตอนนี้มีคนอยู่เยอะมาก ต่างก็เป็นคนที่มารอรับคนบนเรือสำราญทั้งนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นคนรับใช้หรือไม่ก็คนในครอบครัว
ไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่ลงเรือมาพร้อมกัน โดยไม่ได้ลงมาพร้อมกับพวกไป๋หยุนเผิง
ความจริงไป๋ยี่เฟยอยากจะไปขอบคุณหลินยู่ชัง เพราะเขารู้ว่าคะแนนเสียงของหลินยู่ชังนั้นได้โหวตให้กับหลี่เสว่ น่าจะเป็นเพราะไป๋หยุนเผิง และบางทีอาจจะเป็นเพราะหลินขวางด้วย
ยังไงซะ คะแนนเสียงนี้มันสำคัญกับพวกเขามาก ยังไงก็ต้องขอบคุณ แต่น่าเสียดายที่หาเขาไม่เจอ
พอลงจากเรือมา พวกเขาก็เห็นหลิวเสี่ยวอิงและคนอื่นๆ ที่รออยู่ตรงนั้น
พอเดินเข้าไปหา หลิวเสี่ยวอิงที่กำลังจะพูดก็สังเกตเห็นสีหน้าของหลี่เสว่ที่ผิดปกติไป เธอจึงเปลี่ยนประเด็นไปว่า “เสว่เอ๋อ ทำไมสีหน้าขอเธอถึงดูแย่แบบนี้?”
พอได้ยินอย่างนั้นไป๋ยี่เฟยถึงได้สังเกตเห็นว่าสีหน้าของหลี่เสว่นั้นแย่มาก สีหน้าซีดเซียว ริมฝีปากแห้งกรัง “เสว่เอ๋อ”
หลี่เสว่ส่ายหน้าเบาๆ “ไม่เป็นไรค่ะ สงสัยฉันคงเป็นหวัด”
ไป๋ยี่เฟยรีบส่งตัวหลี่เสว่ให้หลิวเสี่ยวอิงทันที “รีบขึ้นรถ แล้วช่วยตรวจให้เธอหน่อยครับ”
“อืม” หลิวเสี่ยวอิงรีบพาหลี่เสว่ขึ้นรถพยาบาลไป
ไป๋ยี่เฟยกะว่าจะตามไปด้วย แต่ก็ถูกหลี่เสว่ห้ามไว้ก่อน “คุณยังมีเรื่องต้องไปทำอีกเยอะ ไม่ต้องตามฉันมาก็ได้ ตอนนี้ฉันมีเสี่ยวอิงคอยดูแลแล้ว”
สิ้นเสียง ไป๋ยี่เฟยก็ลังเลไปแป๊บหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “ครับ เสี่ยวอิง ช่วยดูแลเธอด้วยนะครับ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ” หลิวเสี่ยวอิงทำมือเป็นสัญญาลักษณ์ok
พอเห็นพวกเธอไปแล้ว ไป๋ยี่เฟยจึงได้ขึ้นรถอีกคันพร้อมกับหวังโหลวและคนอื่นๆ
……
บนรถพยาบาล
“ไม่เป็นไร แค่เป็นหวัดเท่านั้น กลับไปเดี๋ยวเอายาให้กิน” หลังจากที่ตรวจเสร็จ หลิวเสี่ยวอิงก็พูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
หลี่เสว่พยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรต่อ
หลิวเสี่ยวอิงจ้องเธออยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “บนเรือสำราญเป็นไงบ้าง? สนุกมากเลยใช่มั้ย?”
หลี่เสว่ยิ้มออกมาเบาๆ “ก็ได้อยู่ ลมทะเลก็เย็นสบาย ตอนพระอาทิตย์ขึ้นก็สวยมากเลย”
“น่าอิจฉา……” หลิวเสี่ยวอิงทำหน้าตาอิจฉา “ฉันเองก็อยากจะลองนั่งเรือสำราญดูบ้าง อยากดูพระอาทิตย์ขึ้นในทะเลด้วยเหมือนกันนะ!”
“เดี๋ยวก็มีโอกาส” พูดจบหลี่เสว่ก็สังเกตเห็นว่านอกจากคนขับแล้วบนรถพยาบาลก็ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากเธอสองคนเธอจึงถามขึ้นว่า “แล้วพยาบาลคนอื่นล่ะ?”
“อ๋อ ฉันบอกให้พวกเธอต่อรถกลับไปกันเองแล้วล่ะ” หลิวเสี่ยวอิงตอบมาอย่างไม่ใส่ใจ
หลี่เสว่ถามต่อด้วยความสงสัย “มันก็พอนั่งไม่ใช่เหรอ?”