บทที่ 537
หวังโหลวถอนหายใจออกมาหนึ่งที ก่อนจะพูดขึ้นอย่างหมดหนทาง“นายไม่ควรจะพูดปฏิเสธการสนับสนุนจากคุณลุงต่อหน้าคนอื่นๆนะ อีกอย่าง การเป็นเหยื่อล่อเนี่ยก็สิ้นสุดลงแล้ว แล้วนายจะทำขนาดนั้นเพื่ออะไร?”
“มีการสนับสนุนจากคุณลุง นายก็จะได้กลายเป็นประธานของสหพันธ์ธุรกิจ อย่างน้อยมันก็พอจะมีประโยชน์อยู่บ้างกับการที่ตนเองต้องไปเป็นเหยื่อล่อ ไม่ใช่หรือไง?”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มอย่างเย้ยหยัน“ฉันไม่สนใจ!”
หวังโหลวเห็นว่าไป๋ยี่เฟยมีท่าทางไม่เห็นด้วย ในใจก็รู้สึกโกรธขึ้นมานิดหน่อย“ไป๋ยี่เฟย ทำไมนายถึงดื้อด้านขนาดนี้เนี่ย? มาอยู่ตรงหน้านายแล้วแท้ๆ แต่นายกลับปล่อยมันไป หรือว่านายไม่พอใจหรือไง?”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มอย่างเย้ยหยันอีกครั้ง ไม่ได้พูดอะไร ความหมายมันชัดเจนอยู่แล้ว
หวังโหลวอัดอั้นไปด้วยความโกรธ ลุกขึ้นยืนเดินวนในห้องอยู่หลายรอบ สุดท้ายก็กัดฟันพูดขึ้น“นายนี่มันเสียของจริงๆ!”
“อาหารอันโอชะอยู่ตรงหน้าแท้ๆ กลับไม่เอาให้เสียของเพราะว่าความดื้อด้านของนายเลยจริงๆ!”
“แค่อีกนิดเดียวก็จะได้แล้ว อดทนอีกสักหน่อยไม่ได้เลยเหรอ?”
หวังโหลวไม่เข้าใจจริงๆ แล้วก็รู้สึกโกรธสุดๆ ผ่านไปนานกว่าจะอดกลั้นลงได้ ช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดก็ผ่านพ้นไปแล้ว ตอนนี้อีกแค่ก้าวสุดท้ายก้าวเดียวก็จะได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว แต่กลับปล่อยมันไปซะอย่างนั้น
ถ้าไป๋ยี่เฟยไม่ได้ปฏิเสธการสนับสนุนจากไป๋หยุนเผิง อย่าน้อยก็จะมีโอกาสครึ่งๆกับเย่ฮวนแล้ว!
ไป๋ยี่เฟยได้ฟังแบบนั้นก็ยิ้มอย่างเย้ยหยัน“อดทนอีกหน่อย?”
“มีสิทธิ์อะไร”
“ฉันรู้สึกไม่สบายใจ ฉันก็ต้องระบายออกมา ทำไมฉันต้องอดกลั้นเอาไว้ด้วย?”
“แถม เขาก็เป็นคนที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจ ฉันก็ต้องไประบายกับเขา ให้เข้าได้รู้ว่าฉันอัดอั้นตันใจแค่ไหน!”
“ถ้าครั้งนี้ฉันอดกลั้นเอาไว้แล้ว เขาจะต้องนึกว่าเขาเป็นพ่อของฉัน ในเมื่อฉันเป็นลูกของเขา การที่จะเสียสละชีวิตเพื่อเขาก็จะกลายเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลทันที แล้วครั้งต่อไป ถ้าเจอกับสถานการณ์แบบนี้อีก เขาก็จะเอาฉันมารับมีดแทนเขาอีกแน่นอน”
“แต่ว่า ฉันไม่อยากตาย!”
“ฉันมีภรรยา ฉันมีคนในครอบครัว ถ้าฉันตายไป ฉันจะทำยังไง?”
“ฉันรู้ ฉันเป็นลูกชายแท้ๆของเขา ถ้าเขามีอันตราย ฉันก็จะต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง แต่นั่นก็เพราะฉันสำนึกบุญคุณ แล้วก็เป็นสถานการณ์ที่ฉันเต็มใจทำ ไม่ใช่ด้วยการถูกครอบงำบงการ เหมือนกับตัวหมาก ที่ใครจะมาบังคับจัดการก็ได้!”
หวังโหลวรู้สึกตกใจกับคำพูดยาวเหยียดเป็นชุดของไป๋ยี่เฟย ไม่พูดอะไรอยู่นานสองนาน
มีประโยคหนึ่งที่บอกว่าคนที่อยู่ในเกมจะอ่านเกมไม่ออก ส่วนคนที่อยู่นอกเกมจะมองทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง
มันก็สมเหตุสมผล คนที่อยู่นอกเกมเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง แต่ว่าจะสักกี่คนที่เข้าใจความรู้สึกของคนที่อยู่ในเกมล่ะ? ถ้าตัวเองอยู่ในนั้น ก็บอกไม่ได้ว่าตัวเองจะทำยังไง?
ผ่านไปอยู่นาน หวังโหลวก็ถอนหายใจออกมา“เอาเถอะ ฉันเข้าใจแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยมองหวังโหลวหนึ่งที ก่อนจะพูดออกมาอย่างนิ่งๆ“นายไม่เข้าใจ”
หวังโหลวพูดอะไรไม่ออก
ผ่านไปอีกหลายนาที หวังโหลวถึงจะพูดขึ้นอย่างเบาๆ“แล้วต่อไปจะทำยังไงต่อ? เย่ฮวนได้เป็นประธานของสหพันธ์ธุรกิจ เกรงว่าช่วงเวลาหลังจากนี้น่าจะผ่านไปอย่างยากลำบากแล้วล่ะ”
ไป๋ยี่เฟยมองเพดาน“นายรู้ได้ยังไง ว่าเย่ฮวนจะได้เป็นประธานของสหพันธ์ธุรกิจอย่างแน่นอน?”
หวังโหลวเอนหัวมองเขา ไป๋ยี่เฟยกลับพูดขึ้น“ผลมันยังไม่ออก ไม่มีใครบอกได้หรอก?”
……
ลมเบาๆพัดผ่าน คนที่อยู่บนดาดฟ้าก็ค่อยๆกลับไปพักผ่อนตามห้องพักของตัวเอง
ไป๋หยุนเผิงนอนไม่หลับ จึงเอาแต่ยืนตรงดาดฟ้าอยู่ตลอดเวลา มองทะเลที่กว้างใหญ่และมืดมิด เงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวเป็นระยะๆ แต่อารมณ์ความรู้สึกกลับไม่ได้สวยงามเหมือนกับท้องฟ้าที่มีดวงดาวเลย
“เห้อ……”
“ขอโทษนะคะ”ในเวลานี้ ก็มีเสียงที่ดังฟังชัดดังขึ้นมาจากข้างหลังของไป๋หยุนเผิง
ไป๋หยุนเผิงหันไปมอง พบว่าเป็นหลี่เสว่ที่สวมชุดกระโปรงสีครีม เขารู้สึกประหลาดใจทันที
หลี่เสว่เดินมาอยู่เยื้องๆตรงหน้าของไป๋หยุนเผิง เอนตัวเล็กน้อย พร้อมกับพูดขอโทษ“ขอโทษนะคะ ฉันมาขอโทษคุณแทนสามีค่ะ”
“ฉันไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะอะไรถึงทำให้เขาต้องทำกับคุณขนาดนี้ แต่ถึงยังไงท่าทีของเขาก็ไม่ถูกต้องเหมาะสมอยู่ดี ฉันก็เลยมาขอโทษคุณ หวังว่าคุณจะให้อภัยเขานะคะ”
ไป๋หยุนเผิงส่ายหัวเล็กน้อย ท่าทีที่น่าเกรงขามดูลดลงไปเยอะ สายตาแฝงไปด้วยความรักเอ็นดูอยู่ไม่น้อย“ยัยหนู ไม่เป็นไร เธอไม่ต้องขอโทษหรอก นี่มันไม่ใช่ความผิดของเขา”
หลี่เสว่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้น“คนในครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น”
ประโยคนี้ เหมือนหลี่เสว่กำลังจะบอกว่า คนในครอบครัวเดียวกันไม่มีผิดไม่มีถูก แล้วก็กำลังจะบอกอีกด้วยว่า เพราะว่าเธอกับไป๋ยี่เฟยเป็นครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นจึงมาบอกขอโทษ
ไม่ว่ายังไง พอไป๋หยุนเผิงได้ฟังประโยคนี้ก็อึ้งตะลึงอยู่เหมือนกัน
คนในครอบครัวเดียวกัน!
“ถ้าพวกเขาคิดแบบนี้ล่ะก็ ฉันก็รู้สึกปลื้มปริ่มหัวใจไม่น้อยเลย”ไป๋หยุนเผิงคิดถึงไป๋เซี่ยว แอบถอนหายใจออกมาอย่างเบาสุดๆ
หลังจากที่หลี่เสว่นิ่งเงียบไปสองสามวินาที จู่ๆก็พูดขึ้น“พ่อ ฉันขอร้องคุณสักเรื่องได้ไหมคะ?”
ไป๋หยุนเผิงพูดยิ้มๆ“ว่ามาสิ คนในครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องขอหรอก”
……
ดวงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ค่อยๆโผล่ขึ้นมาอย่างช้าๆ แสดงถึงวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ไป๋ยี่เฟยตื่นเช้า ตอนที่ลืมตาขึ้นมาก็พบว่าหลี่เสว่กำลังนั่งมองเขาอยู่ข้างๆเตียง แต่ไม่ได้อยู่ในอ้อมกอดของเขา หลี่เสว่ตื่นเร็วกว่าเขา
ไป๋ยี่เฟยกำลังจะพูดว่าอรุณสวัสดิ์ แต่กลับพบว่าหลี่เสว่กำลังเหม่อลอยอยู่ ราวกับว่าสติไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัว จึงลุกขึ้นมานั่ง พร้อมกับถามเบาๆ“คุณภรรยา เป็นอะไรเหรอ?”
หลี่เสว่ดึงสติกลับมา เห็นไป๋ยี่เฟยตื่นขึ้นมาแล้ว ก็ฝืนๆยิ้ม พร้อมกับพูดขึ้น“ไม่มีอะไรค่ะ”
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่ามีอะไรแปลกไป จึงถามขึ้นต่อ“คุณไม่นอนมาทั้งคืนใช่ไหม?”
“เปล่านี่”หลี่เสว่ส่ายหัว“แค่ตื่นเช้าไปหน่อย ก็เลยนอนไม่หลับแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยจึงได้พยักหน้าอย่างวางใจลง หยิบมือถือมาออกมาดู พบว่ายังคงเช้าอยู่ จึงพูดขึ้น“แล้วตอนนี้คุณอยากจะนอนอีกสักหน่อยไหม? ยังเช้าอยู่เลย”
“ไม่แล้ว”หลี่เสว่ส่ายหัว“ยังไม่เคยเห็นพระอาทิตย์ขึ้นเลย ฉันอยากไปดูน่ะ”
“ได้”ไป๋ยี่เฟยไม่พูดพร่ำทำเพลงลุกขึ้นมาล้างหน้าทันที
หลังจากล้างหน้าเสร็จ ทั้งสองคนก็ไปที่ดาดฟ้าด้วยกัน
ในเวลานี้ยังเช้าอยู่ บนดาดฟ้าแทบจะไม่มีคนเลย ตรงเส้นขอบผืนทะเลที่อยู่ไม่ไกล ดวงอาทิตย์กำลังโผล่ขึ้นมาทีละนิดๆ
หลี่เสว่มองดวงอาทิตย์อย่างเงียบๆ สองมือกำระเบียงแน่น ไม่นาน ก็เหม่อลอยไปอีกครั้ง
ในตอนแรกไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้ทันสังเกต ผ่านไปจึงรู้สึกว่าอารมณ์ความรู้สึกของหลี่เสว่เริ่มแปลกไป เขาครุ่นคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่ก็บอกไม่ได้ว่าตรงไหนที่มันแปลกไป
“เสว่เอ๋อ”ไป๋ยี่เฟยทำได้แค่ยื่นมือไปโอบหลี่เสว่เอาไว้
หลี่เสว่ก็ซบลงที่อ้อมกอดของไป๋ยี่เฟย ยังคงไม่พูดอะไร
หลังจากผ่านไปสิบกว่านาที ดวงอาทิตย์ก็ขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว บนดาดฟ้าก็เริ่มมีคนที่ตื่นเช้าเริ่มออกมาใช้ชีวิตกันแล้ว
หลี่เสว่ออกมาจากอ้อมกอดของไป๋ยี่เฟย สายตามองพื้นผิวทะเลอย่างเงียบสงบ พร้อมกับพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ“คุณสามี เรื่องบางเรื่อง ถ้าไม่ยอมถอดใจล่ะก็ มันก็จะยังคงเต็มไปด้วยความหวังเหมือนกับดวงอาทิตย์ในทุกๆวันไหม?”
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่ามันแปลกไปจริงๆ มองเธอพร้อมกับพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง“คุณภรรยา เป็นอะไรไป? จู่ๆถามแบบนี้? เจอเรื่องอะไรมาหรือเปล่า?”
“มีคนรังแกคุณใช่ไหม?”พอไป๋ยี่เฟยคิดถึงตรงนี้ก็รู้สึกโมโหอย่างช่วยไม่ได้ ใครเป็นคนรังแกภรรยาของเขา?
หลี่เสว่กุมมือของเขาเอาไว้ทันที“ไม่มีใครรังแกฉัน ฉันเพียงแค่มองดวงอาทิตย์แล้วแค่อยากแสดงความรู้สึกออกมาก็เท่านั้น”
“จริงเหรอ?”ไป๋ยี่เฟยดูเหมือนไม่ค่อยเชื่อ
หลี่เสว่พยักหน้าอย่างจริงจัง“จริงค่ะ”
ไป๋ยี่เฟยมองด้วยสองตา มองอะไรไม่ออก จึงถอนหายใจออกมา“อย่าคิดเยอะเลย ถึงยังไงสามีของคุณจะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป”
“อื้อ”หลี่เสว่มุดเข้าไปในอ้อมกอดของไป๋ยี่เฟย ไม่ให้เขาเห็นขอบตาที่เริ่มแดงของตัวเอง
ทั้งสองคนกอดกันแน่น ทำให้คนบนดาดฟ้าเห็นแล้วก็พากันอิจฉาไปตามๆกัน
ไม่นาน ก็ถึงเวลาเก้าโมงตรง การเลือกตั้งครั้งสุดท้ายเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ไป๋ยี่เฟยจูงหลี่เสว่ไปยังห้องโถง นั่งลง
แม้ว่าจะเหลือผู้เลือกตั้งเพียงแค่สามคน แต่ห้องโถงก็เต็มไปด้วยคนมากมาย พวกเขาล้วนแต่อยากรู้ว่าตำแหน่งประธานสหพันธ์ธุรกิจนี้จะตกเป็นของใคร
แน่นอนว่า คนส่วนใหญ่ ก็คิดว่าจะเป็นเย่ฮวน
ไป๋ยี่เฟยเพิ่งจะนั่งลง เย่ฮวนก็เข้ามา
เย่ฮวนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา พูดขอบคุณไป๋ยี่เฟยอย่างหนักแน่น“ขอบคุณมาก”
ไป๋ยี่เฟยชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบสนองกลับมา เย่ฮวนขอบคุณเขาเรื่องที่เกิดขึ้นกับเฝิงเซียนเซียนเมื่อคืนนี้ เขาโบกๆมืออย่างไม่สนใจอะไร
“ไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้หรอก”
เย่ฮวนชะงักไป ตอนที่กำลังสงสัยอยู่นั้น ไป๋ยี่เฟยก็พูดขึ้นต่อ“ถ้าอย่างนั้นยกตำแหน่งประธานให้กับผมไหมล่ะ ถือซะว่าเป็นของขวัญขอบคุณ?”
พูดจบ เย่ฮวนก็เปลี่ยนสีหน้าทันที